xs
xsm
sm
md
lg

พ่อแม่เลี้ยงบวก : อ่านหนังสือให้คนตาบอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลูก : แม่กำลังจะทำอะไรครับ?

แม่ : เตรียมตัวอ่านหนังสืออัดเสียงให้คนตาบอดฟังจ้ะ

พ่อ : ลูกอยากลองอ่านบ้างไหม? พ่อจะช่วยตั้งโปรแกรมอัดเสียงในคอมให้

ลูก : ไม่เอาหรอกครับ ผมอ่านหนังสือไม่เก่ง

พ่อ : หัดอ่านบ่อยๆก็อ่านเก่งขึ้นเองน่ะลูก

ลูก : แล้วแม่ทำไปทำไม? ไม่เหนื่อยเหรอ?

แม่ : ไม่เหนื่อยหรอก ยิ่งถ้าคนตาบอดเค้ามีความสุขจากเรื่องที่แม่อ่านให้ฟัง แม่ก็ยิ่งมีความสุข

พ่อ : ลองดูมั้ยลูก คนตาบอดเขาจะได้ฟังเรื่องสนุกๆหรือที่มีประโยชน์ไง

ลูก : ผมไม่รู้จะอ่านเล่มไหนดี

พ่อ : ลองเลือกเล่มที่ลูกชอบหรือเล่มที่ลูกอ่านแล้วสนุกสิ

ลูก : ผมนึกออกแล้ว เรื่องนี้ต้องสนุกแน่

หมอเหมียวชวนคุย

กิจกรรมอ่านหนังสืออัดเทปให้คนตาบอดฟังเป็นกิจกรรมจิตอาสาที่สมประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่ายทั้งผู้ให้และผู้รับ นอกจากจะอ่านหนังสือได้เก่งแล้ว ยังได้ฝึกใจเอื้อเฟื้อแบ่งปันต่อคนตาบอดที่ด้อยโอกาสกว่า การฝึกให้เด็กมองเห็นความทุกข์ยากของคนอื่น ส่งเสริมให้ช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่าจนช่วยเหลือคนอื่นได้เก่งขึ้น จะบ่มเพาะให้จิตใจอ่อนโยนและดีงาม ได้ดีกว่าการสอนให้เด็กรับรู้เพียงอย่างเดียวค่ะ

จิตอาสารักการอ่าน

พ่อแม่ที่อยากให้ลูกมีนิสัยการอ่าน นอกจากสร้างวัฒนธรรมการอ่านในบ้าน เช่นมีชั่วโมงอ่านหนังสือร่วมกัน มีการพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือที่อ่าน จัดให้มีมุมหนังสือภายในบ้าน กิจกรรมเล่านิทานจากหนังสือเล่มโปรด การเลือกหนังสือให้ลูกแล้ว สำหรับเด็กวัยเรียนที่ทักษะการอ่านเริ่มคล่อง พ่อแม่อาจส่งเสริมให้ลูกรักการอ่านด้วยการหากิจกรรมจิตอาสาที่เกี่ยวกับการอ่านให้ลูกได้ทำด้วย เช่น การอ่านนิทานให้น้องผู้ป่วยฟังที่โรงพยาบาล หรือการอ่านหนังสืออัดเสียงให้คนตาบอด นอกจากลูกจะได้ความสุขใจจากการที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว ยังได้พัฒนาทักษะการอ่านของลูกให้เก่งขึ้นอีกด้วย พ่อแม่ที่สนใจก็สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ห้องสมุดคนตาบอดแห่งชาติ หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ www.tabod.com

การเป็นเด็กรักการอ่านจะช่วยสนับสนุนการเรียนของเด็ก เพราะในการเรียนให้เก่งนั้น เด็กต้องมีทักษะการอ่าน และทักษะการจับใจความที่ดี มีความสามารถการใช้ภาษาที่ดี มีทักษะการคิด ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะในการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งทักษะที่ได้จากการอ่านล้วนช่วยเสริมและสนับสนุนการเรียนในชั้นเรียนของเด็ก

ปัจจุบันเด็กไทยยังอ่านหนังสือน้อยมากแต่ใช้เวลาเล่นเกมและดูทีวีมากกว่า พ่อแม่ที่อยากให้ลูกเล่นเกมให้น้อยลงและมีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆบ้าง กิจกรรมจิตอาสาด้วยการไปอ่านหนังสือให้คนป่วย หรืออ่านหนังสืออัดเสียงให้คนตาบอด ความสุขจากการได้ช่วยเหลือผู้อื่นอาจสร้างแรงจูงใจให้ลูกสนใจการอ่าน และต่อเติมแรงบันดาลใจในงานจิตอาสาของเด็กอีกด้วย

ควรทำ

• ก่อนช่วยเหลือคนอื่นพ่อแม่ต้องฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อน จะทำให้เด็กจะมั่นใจและมีทักษะระดับหนึ่งในการช่วยเหลือคนอื่น

• เมื่อฝึกช่วยเหลือผู้อื่นจนเป็นนิสัยติดตัว จะทำให้คนรอบข้างรักและเมตตา ซึ่งพฤติกรรมที่ดีนี้จะช่วยปกป้องเด็ก

• พ่อแม่ต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ค่อยๆฝึกไปจนเด็กรับผิดชอบได้เพิ่มขึ้น เช่น การเลือกของเล่นที่ไม่เล่นแล้วไปให้เด็กอื่น การขนเสื้อผ้าไปบริจาค ช่วยสัตว์ที่บาดเจ็บ เป็นต้น จะเพาะบ่มจิตใจให้อ่อนโยนดีงามได้ดีกว่าการพูดสอนให้จำแต่ไม่ทำให้ดู

• การช่วยเหลือคนอื่นไม่จำเป็นต้องมีคนเห็นหรือต้องมีรางวัลตอบแทน ชี้นำให้เด็กสังเกตตนเองว่าขณะทำดีให้คนอื่นนั้นรู้สึกอย่างไร ถ้ารู้สึกดี นั่นคือรางวัลที่ได้จากการทำดี

• ให้ลูกทำสมุดบันทึกความดี โดยให้คิดวิธีช่วยเหลือผู้อื่น ลงมือทำ และบันทึกสิ่งที่ทำรวมถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นเด็กเล็กอาจจะเป็นการให้ดาวเป็นการบันทึกแต้ม สุดท้ายเด็กจะได้สมุดความดีของตนเอง เปิดอ่านทีไรก็สุขใจเมื่อนั้น เป็นการส่งเสริมให้เด็กช่วยเหลือผู้อื่นแทนที่จะคิดถึงเรื่องของตัวเองเมื่อเด็กทำดี ช่วยให้เขาชื่นชมกับความรู้สึกดีนั้นที่เกิดในตัวเอง ไม่ต้องพึ่งคำชมจากภายนอกเสมอไป

• เมื่อเด็กทำดี ช่วยให้เขาชื่นชมกับความรู้สึกดีนั้นที่เกิดในตัวเอง ไม่ต้องพึ่งคำชมจากภายนอกเสมอไป

* หัวใจการเลี้ยงดู

ส่งเสริมลูกให้รักการอ่านด้วยกิจกรรมจิตอาสา

จัดทำข้อมูลโดย : นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย

สนับสนุนโดย : สำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 157 มกราคม 2557 โดย แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย)
กำลังโหลดความคิดเห็น