ถึง...ตุลย์....ลูกรัก
ปีนี้คนบ้านเราปลื้มกันมากที่ลูกพาเพื่อนๆ มาเป็นเจ้าภาพถวายผ้ากฐินที่วัดบ้านเรา และรับปากจะจัดผ้าป่าระดมทุนสร้างโบสถ์ที่ค้างอยู่ให้เสร็จ
แม้ผู้เฒ่าผู้แก่จะอนุโมทนากับลูกแล้วในวันทอดกฐิน แต่ก็ยังพูดคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่อยู่จนทุกวันนี้ พ่อเห็นความยินดีที่ปรากฏในแววตาของท่านเหล่านั้น ก็อดปลื้มใจกับกุศลกิจของลูกไม่ได้ เงินบริวารกฐินที่ได้มานั้น คณะกรรมการวัดที่มีหลวงตาเป็นประธาน ก็ได้จัดจ้างช่างมาทำงานสร้างโบสถ์ต่อแล้ว พ่อจะโทรแจ้งให้ลูกทราบเป็นระยะๆ เพื่อลูกจักได้กำหนดระยะเวลาการจัดผ้าป่าต่อไป
การสร้างโบสถ์เป็นงานใหญ่ ที่ต้องอาศัยสามัคคีธรรมนำให้เกิดความสำเร็จ อุปสรรคปัญหาในการดำเนินงานจึงปรากฏอยู่เสมอ แต่อาศัยความเพียรที่ไม่ท้อถอยของผู้ที่มีความตั้งใจจริงที่จะสร้างโบสถ์ถวายเป็นพุทธบูชา โบสถ์ในวัดต่างๆทั่วประเทศไทยจึงเด่นตระหง่าน โชว์พลังศรัทธาและสถาปัตยกรรมไทยให้ชาวโลกได้มาเยี่ยมชมอยู่เสมอ เป็นความภูมิใจของคณะผู้จัดสร้างเสมอมา
อุทาหรณ์ในการสร้างโบสถ์จึงสอนธรรมะแก่เราได้หลายอย่าง โดยเฉพาะการฟันฝ่าอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จโดยความไม่ย่อท้อ พ่อคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตของคนเรา จึงมาตริตรองแล้วเขียนมาให้ลูกได้อ่าน แล้วพิจารณาไปปรับประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของตนให้ประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา
คุณลักษณะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการฟันฝ่าอุปสรรค ในทัศนะของพ่อ มี ๔ ประการคือ ๑. ความรู้ ๒. ความมีวินัย ๓. มีคุณธรรม ๔. การงาน พ่อจะขยายความให้อ่านศึกษาดังนี้
๑. ความรู้ เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานที่ทุกคนพึงมี ด้วยการศึกษาอบรมจากครอบครัว โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือการหาความรู้ด้วยตนเองจากการอ่าน การสนทนา ความรู้ที่ได้ย่อมมีความหลากหลายไปตามแขนงวิชาที่ตนเรียน แบ่งได้เป็น ๒ ประการคือ ความรู้ทางโลก เป็นความรู้ที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ เป็นความรู้ที่เน้นเนื้อหาของการดำรงชีวิต
ลูกเรียนหนังสือจนจบปริญญา ย่อมเป็นผู้มีความรู้ทางโลกนี้อยู่ตามกำลังความสามารถในการเรียน เมื่อมาทำงานก็สามารถพัฒนาความรู้ให้ก้าวหน้าไปตามสายงานที่รับผิดชอบ
ในขณะเดียวกันลูกก็เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นเช่นครอบครัว ที่ทำงาน ไปตามระเบียบหน้าที่ที่สังคมกำหนดไว้
ความรู้ทางธรรม เป็นความรู้ที่เกิดขึ้นในใจ นำให้เกิดสำนึกตระหนักถึงการดำเนินชีวิตอย่างสันติสุข อยู่ร่วมกันอย่างมีสติ อย่างหลักธรรมที่พ่อได้เขียนพรรณนาให้ลูกได้อ่าน ลูกนำไปปฏิบัติตาม ลูกก็จะมีความรู้ทางธรรมเกิดขึ้นในตนเอง ความรู้จึงเป็นความจำเป็นพื้นฐานของคนเราที่เกิดมาบนโลกนี้
เมื่อเทียบกับการสร้างโบสถ์ ความรู้ทางโลก หมายถึง ขบวนการสร้างโบสถ์ ตั้งแต่การออกแบบ การระดมทุน การก่อสร้าง จนโบสถ์สำเร็จได้ตามแบบที่กำหนดไว้ ความรู้ทางธรรม หมายถึง สามัคคีธรรมที่นำให้ทุกคนมาร่วมใจกันสร้างโบสถ์ให้เสร็จ
ความรู้ทางโลกอาจจะมีอยู่มาก แต่ถ้าไม่มีความรู้ทางธรรมกำกับ งานต่างๆก็ย่อมประสบกับอุปสรรคอยู่เสมอ เพราะไม่สามารถประสานงานกัน เพื่อทำงานให้ได้บรรลุถึงเป้าหมาย ความรู้จึงเป็นสิ่งที่จะทำให้เราฟันฝ่าอุปสรรคได้เป็นประการแรก
๒. ความมีวินัย หมายถึง การฝึกและควบคุมตนเองให้มีความประพฤติ การปฏิบัติที่ดี และมีการปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่อง สามารถปฏิบัติภารกิจได้ โดยไม่หวั่นภาวะทางอารมณ์ ทำให้ประสบผลสำเร็จในสิ่งที่อยากทำ พ่ออยากให้ลูกได้ทดลองปฏิบัติตนตาม ๕ หลักการฝึกฝนตนเองให้มีวินัยอย่างง่ายๆ ของ Steve Pavlina ผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพ กล่าวคือ ๑. การยอมรับ ได้แก่ การมองเห็นภาพความเป็นจริงในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ยอมรับความจริงได้ทุกรูปแบบอย่างที่มันเป็นจริงๆ ไม่ใช่การคิดปรุงแต่งไปเอง ๒. การมีความมุ่งมั่น เน้นความสามารถของตัวเราที่จะสั่งตัวเองว่า “ต้องทำ” และ “ต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ” ๓. การทำงานหนัก คือ การท้าทายในชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง ว่าเราจะก้าวข้าม “ความขี้เกียจ” ในตัวไปได้หรือไม่ งานทุกงานล้วนสำเร็จได้ถ้าลูกลงแรงทำอย่างจริงจัง ๔. การทำงานด้วยความอุตสาหะ คือความมุ่งมั่นในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานยากหรืองานง่าย ด้วยความขยันหมั่นเพียรทำ ๕. การทำงานด้วยความมุมานะ อดทน คือการฝึกตัวเองให้มีความอดทน ทำงานได้ทุกสภาวะ ไม่ว่าอารมณ์จะเป็นอย่างไร การมีวินัยในตัวเองเป็นเรื่องของจิตใจที่เข้มแข็งเป็นหลัก ลูกจะตระหนักในที่สุดได้ว่า ความมีวินัยย่อมขึ้นอยู่กับความรู้ที่ลูกมีอยู่
เมื่อเทียบกับการสร้างโบสถ์ การที่โบสถ์สร้างไม่เสร็จส่วนหนึ่งก็มาจากการขาดวินัยของทีมงานก่อสร้าง ทีมงานก่อสร้างไม่ยอมรับความจริงในประสิทธิภาพของตนเอง ไม่ยอมรับคำติชมของผู้รู้งาน การรับมอบงานจึงไม่เกิดขึ้น เพราะงานผิดแบบ
การขาดความรับผิดชอบและไม่ลุยงานของคนงาน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้งานไม่ก้าวหน้า คนงานก็เกียจคร้านไปตามหัวหน้างานที่ไม่มีความมุมานะ นี่เป็นอุปสรรคในการสร้างโบสถ์ทั้งสิ้น
ถ้าทุกคนล้วนเป็นผู้มีวินัยในตนเอง อุปสรรคทั้งหลายก็จะหมดสิ้นไป งานก็จะสำเร็จตามเป้าหมาย ความมีวินัยจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้เราฟันฝ่าอุปสรรคได้เป็นประการที่สอง
๓. มีคุณธรรม หมายถึงการมีสภาพคุณงามความดีทางความประพฤติและจิตใจของตนเอง เป็นมโนธรรม เครื่องประคับประคองใจให้เกลียดความชั่ว กลัวบาป ใฝ่ความดี เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกรับผิดชอบ เกิดจิตสำนึกที่ดี มีความสงบเย็นภายในจิตใจ
นี่ต้องอาศัยความรู้ทางธรรมมาเป็นแนวปฏิบัติให้ตนเองเป็นผู้มีคุณธรรม ลูกปรารถนาจะร่วมงานกับหัวหน้าที่มีคุณธรรมเพราะเหตุใด ลูกก็พึงทำตนให้เป็นผู้มีคุณธรรมเพราะเหตุนั้นเช่นกัน
เมื่อเทียบกับการสร้างโบสถ์ คนงานทุกคนที่ก่อสร้างโบสถ์ ถ้าทำจิตใจให้กอปรด้วยบุญกิริยา คือคิดว่าอุทิศแรงกายส่วนหนึ่งเป็นทานการกุศล ดำรงตนเป็นผู้รักษาศีลตลอดเวลาการทำงาน หมั่นพินิจตรวจตรางานในหน้าที่ให้ดี สุขที่ได้จากบุญในการทำงานก็จะทำให้เกิดความรับผิดชอบในหน้าที่ งานจะหนักเพียงใด ก็ยินดีทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่ได้รับ
เมื่อทุกคนล้วนทำงานด้วยบุญกิริยาเช่นนี้ ผลงานของทุกคนก็จะเกิดเป็นสามัคคีนำให้งานได้เสร็จสิ้นตามเป้าหมาย
ลูกคงทราบแล้วว่า อุปสรรคในการทำงานที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่ง ย่อมมาจากการขาดคุณธรรมนี่เอง ความมีคุณธรรมจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้เราฟันฝ่าอุปสรรคได้เป็นประการที่สาม
๔. การงาน หมายถึง อาชีพ หน้าที่ความรับผิดชอบ การทำงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทำงานด้วยความสำราญใจ มุ่งมั่นที่จะให้เกิดความสำเร็จในงานอยู่เสมอ
หลักในการทำงานที่พระท่านสอนไว้ก็คือ อิทธิบาท ๔ ได้แก่ ๑. ฉันทะ มีความรักงาน หรือความเต็มใจในการทำงาน ๒. วิริยะ มีความพากเพียรในการทำงาน ๓. จิตตะ มีความเอาใจใส่ หรือความตั้งใจในการทำงาน ๔. วิมังสา มีการพินิจพิเคราะห์ในงานที่ทำ
ลูกคงตระหนักในหลักการที่พ่อได้พรรณนามาเป็นอย่างดีแล้ว เพราะตอนเรียนหนังสือ พ่อก็ฝึกให้ลูกได้ปฏิบัติตนตามแนวอิทธิบาทอยู่เสมอ
เมื่อเทียบกับการสร้างโบสถ์ คนงานที่มาก่อสร้างโบสถ์ จะเป็นช่างปูน ช่างไม้ กรรมกรแบกหาม ล้วนแต่ต้องมีความรักในหน้าที่ของตนเอง ความรักในหน้าที่นี้จะทำให้เขาทำงานด้วยความเต็มใจ มีความพากเพียรทำให้งานของตนได้ผลดีที่สุด เอาใจใส่งานอย่างต่อเนื่อง แก้ไขงานให้ได้ตามแบบ พินิจพิเคราะห์งานในหน้าที่ให้ได้ความสมบูรณ์ที่สุด
การงานของเขาจึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่คั่งค้าง ร่าเริงในการทำงานอยู่เสมอ อุปสรรคในการทำงานก็จะหมดสิ้นไป การงานจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้เราฟันฝ่าอุปสรรคได้เป็นประการที่สี่
คุณลักษณะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการฟันฝ่าอุปสรรคทั้ง ๔ ประการนี้ ถ้าสามารถทำให้เจริญขึ้นในตนเองอยู่เสมอ อุปสรรคต่างๆก็จะลดน้อยและหมดไปได้ในที่สุด
พระพุทธเจ้าทรงตระหนักว่า คนเราส่วนมากมักจะพบกับอุปสรรคต่างๆ ด้วยความประมาทในชีวิต พระพุทธองค์ทรงพร่ำสอนให้พุทธศาสนิกชนเป็นผู้ไม่ประมาทเป็นนิตย์
แม้ในปัจฉิมโอวาทก็ยังทรงเตือนว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ” เพื่อให้ลูกไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต พ่อก็จะนำสัมมัปปธาน ๔ หรือความเพียรชอบ มาขยายความให้ลูกได้อ่านศึกษา ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการคือ
๑. เพียรระวังยับยั้งบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น นี่เป็นการป้องกันมิให้เกิดอุปสรรคขึ้นในตัวเรา อุปสรรคนี้ก็คือลักษณะนิสัยที่จะบ่อนทำลายเราให้เป็นผู้ห่างไกลจากความสำเร็จในหน้าที่การงาน เช่น ความขี้เกียจ ความหลงในตนเอง สิ่งเหล่านี้จะไม่มีในคนที่มีคุณลักษณะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการฟันฝ่าอุปสรรค
แต่เพื่อความไม่ประมาท ก็ควรป้องกันตนเองให้พ้นจากอำนาจของอุปสรรคต่างๆนี้เสีย
๒. เพียรละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว นี่เป็นการแก้ไขตนเอง เมื่อมีอุปสรรคเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น เรามีความขี้เกียจในตนเองอยู่ เราปรารถนาจะแก้ไขความขี้เกียจนี้ให้หมดไปจากจิตใจ เราก็ต้องแก้ไขนิสัยของเราด้วยการบำเพ็ญคุณลักษณะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการฟันฝ่าอุปสรรค ซึ่งนี่จะเป็นพัฒนาการปรับนิสัยของเราให้มีแต่ความขยัน ละความขี้เกียจได้ในที่สุด
๓. เพียรทำกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดมี นี่เป็นการสร้างสรรค์ตนเองให้สามารถมีคุณลักษณะที่นำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ ความรู้ ความมีวินัย ความมีคุณธรรม การงาน ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ต้องขวนขวายเรียนรู้ และนำมาปฏิบัติให้เห็นผลอยู่เสมอ เมื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีดังนี้ได้แล้ว ชีวิตก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตลอดเวลา
๔. เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่งขึ้นไปจนไพบูลย์ นี่เป็นการรักษาคุณลักษณะที่นำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ ซึ่งตนมีอยู่แล้ว ให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น
การขวนขวายพัฒนาความรู้ของตนเอง การพัฒนาความเป็นผู้มีวินัยที่ดี สอดคล้องกับความมีคุณธรรม ย่อมทำให้การงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีอุปสรรคเกิดขึ้นในการงาน ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ด้วยดี
สัมมัปปธาน ๔ ที่หนุนนำให้ผู้ปฏิบัติตาม ได้พบกับแสงสว่างแห่งความสำเร็จ สรุปลงได้ที่ว่า ต้องรู้จักป้องกัน แล้วแก้ไข คิดสร้างสรรค์ นำรักษา ซึ่งจะทำให้ความรู้ ความมีวินัย ความมีคุณธรรม การงาน มีการพัฒนาอยู่เสมอ อุปสรรคต่างๆ ที่จะบังเกิดขึ้น ก็จะถูกทำลายลง ทำให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้จนถึงเป้าหมายของชีวิตที่กำหนดไว้...
พ่อหวังว่า ลูกจะแสดงถึงการเอาชนะอุปสรรคตามที่พ่อแนะนำมานี้ ในวันที่เราทำการเฉลิมฉลองโบสถ์ของวัดเรา ที่ลูกตั้งใจจะทำให้แล้วเสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว พ่อจะรอดูผลงานของลูกนะ
ด้วยรัก
พ่อโต
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 155 พฤศจิกายน 2556 โดย พระครูพิศาลสรนาท(พจนารถ ปภาโส) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กทม.)