ถึง...ตุลย์....ลูกรัก
พ่อแม่มีโอกาสบันเทิงใจที่ทำให้อายุยืนยาวอีกวาระหนึ่ง เมื่อลูกพาครอบครัวกลับบ้านในช่วงวันหยุดเข้าพรรษาที่ผ่านมา ทำให้เด็กๆได้มีโอกาสทำบุญตามประเพณี และลูกก็ได้พบปะสนทนากับเครือญาติที่กลับมาจากต่างถิ่น
ยามค่ำคืนหัวข้อสนทนาในครอบครัวเรา จึงเป็นเรื่องญาติพี่น้องที่ประสบความสำเร็จและความล้มเหลวในการดำเนินชีวิต ที่พ่อยกมาเป็นอุทาหรณ์เตือนใจลูกและภรรยาให้เกิดความระมัดระวังในการครองชีวิตคู่ของตน คืนนี้พ่อมาใคร่ครวญในเรื่องนี้แล้ว ก็ตั้งใจเขียนจดหมายมาให้ลูกได้อ่าน เพื่อจะได้ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้
ลูกคงจำพี่ชาญ ที่เป็นลูกของป้าแดงได้นะ ลูกกับชาญสนิทกันมานาน ย่อมรู้ซึ้งในใจดีว่า ชาญเป็นคนขยัน สงบเสงี่ยมมาตั้งแต่เด็ก จริงใจกับผู้อื่นเสมอ เมื่อมาแต่งงานกับนิตยา ซึ่งชอบพอกันมาตั้งแต่เป็นนักเรียน ชีวิตครอบครัวของชาญก็น่าจะมีความสุขมาก เพราะทั้งคู่ต่างรู้จักนิสัยของกันเป็นอย่างดี
แต่บ่อยครั้งที่ความจริง มักไม่เป็นไปตามความคิดของเรา เพราะการเข้าสังคมด้วยอาชีพขายตรงของนิตยา ทำให้เธออยากมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนคนรวยทั้งหลาย เธอเริ่มบ่นว่าชาญซึ่งทำงานรับเหมาก่อสร้างเล็กๆน้อยๆ เรื่องการหารายได้ที่ระยะหลังๆน้อยลงมาก จนกลายเป็นการด่าทอในที่สุด
นิตยาเป็นคนที่เชื่อเจ้าเข้าทรงอย่างงมงาย เธอมักไปปรึกษาเรื่องงานของตัวเองอยู่เสมอ และคิดว่าที่เธอประสบความสำเร็จในงาน เป็นเพราะเจ้าช่วยเหลือ
ดังนั้น เมื่อกิจการของชาญมีปัญหา เธอจึงพาสามีไปหาเจ้าที่ตำหนักทรง แรกๆชาญก็ไม่ยอมไป จนกระทั่งมีปากเสียงกับนิตยาหลายครั้ง ในที่สุด เพื่อตัดรำคาญ ชาญจึงยอมไป แต่พอไปได้สักครั้งสองครั้ง ชาญก็ถูกอัธยาศัยกับสาวร่างทรงที่ยิ้มแย้มพูดจาอ่อนหวาน จึงหาเวลาไปตำหนักทรงบ่อยๆ ซึ่งนิตยาก็พอใจ
แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชาญได้ขอหย่ากับนิตยา และไปแต่งงานอยู่กินกับสาวร่างทรง ทำให้นิตยาต้องทุกข์ใจมาถึงทุกวันนี้
ชาญเคยบอกพ่อว่า เขาอาจจะเป็นคนไม่ดีที่ทำเช่นนี้ แต่เขาไม่อาจทนอยู่กับผู้หญิงที่พูดจาไม่อ่อนหวาน และชอบด่าทอสามี แรกๆก็พอทนได้ แต่นานไปความอดทนที่เคยมีก็ลดน้อยลงเป็นลำดับ จากความรักจึงกลายเป็นความเกลียดชัง และเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพราะเจ้ามาจัดการ แต่เป็นที่นิตยาทำตัวของตัวเอง
เรื่องของนิตยาเป็นเพียงตัวอย่างของชีวิตที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อยในสังคมไทย ชีวิตที่อยากจะมีอยากจะเป็นเหมือนคนที่มีฐานะเหนือกว่า มุ่งแสวงหาแต่หนทางลัดที่ทำให้ความอยาก สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว สังคมไทยจึงยังคงมีเรื่องงมงายอยู่มากมาย หวยเบอร์จึงมีอยู่ทั่วไป
ยังมีอีกหลายคนที่อยากจะมีทางลัดในชีวิต ด้วยการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง เช่น โจรที่ปล้นทรัพย์ผู้อื่น ข้าราชการที่ประพฤติมิชอบด้วยการทุจริตในงบประมาณแผ่นดินตามอำนาจหน้าที่ของตน พนักงานที่เบียดบังผลประโยชน์ของบริษัท เขาเหล่านี้ได้พบกับความสุขในขณะที่ได้ทรัพย์มาสนองความปรารถนาของตนเอง
แต่เมื่อความจริงปรากฏขึ้น เขาก็ต้องได้รับผลของการกระทำทุจริตไปตามโทษของกฎหมาย ทางลัดของชีวิตจึงเป็นเหมือนมายาของมารร้าย ที่ล่อลวงคนที่ไม่มีศีลธรรมให้ตกไปสู่นรกในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่
ทำไมหลายคนจึงปรารถนาให้ตนเองมีทางลัดของชีวิต พ่อคิดว่า เขาคงอยากให้ตนเองได้สัมผัสกับความสมปรารถนาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ลูกลองคิดดูว่า ถ้าลูกอยากได้รถใหม่สักคัน กว่าจะทำงานเจียดเงินไปซื้อรถได้ตามความอยาก จะต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไร แต่ถ้ามีโอกาสที่จะได้เงินโดยวิธีทุจริตในหน้าที่ ก็สามารถได้รถคันนั้นในเวลาที่นานนัก ความต้องการให้ตนเองสมปรารถนาในระยะเวลาสั้นๆ จึงเป็นสาเหตุนำให้คนแสวงหาทางลัดของชีวิตอยู่เสมอ
ในครั้งพุทธกาล มีพระรูปหนึ่งชื่อพระเทวทัต พระรูปนี้อยากเป็นพระศาสดาแทนพระพุทธเจ้า ด้วยสำคัญว่า ตนมีความสามารถพอ จึงได้แสวงหาทางลัดของชีวิต ด้วยการใช้ฤทธิ์อำนาจไปล่อลวงให้เจ้าชายอชาตศัตรูเลื่อมใสในตนเอง วางแผนให้เจ้าชายอชาตศัตรูได้เป็นกษัตริย์แห่งมคธ แล้วใช้อำนาจของกษัตริย์มาทำร้ายพระพุทธเจ้าด้วยวิธีการต่างๆ จนในที่สุดก็ล่อลวงให้พระสงฆ์กลุ่มหนึ่งเห็นเชื่อว่า ตนปฏิบัติดีกว่าพระพุทธเจ้า แล้วแยกพวกออกตนออกไปเป็นเอกเทศตั้งตนเป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์ มีพระสงฆ์หลงเชื่อไปด้วยจำนวนมาก นับว่า พระเทวทัตอาศัยทางลัดของชีวิตจนสมหวัง
อาศัยพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงให้พระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะไปแสดงสัจธรรมให้พระสงฆ์ที่หลงผิดได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องตรงตามธรรม ทำให้พระสงฆ์กลุ่มนั้นได้สำนึกตนแล้วกลับมาสู่สำนักของพระพุทธเจ้า
เมื่อพระเทวทัตป่วยหนักใกล้ตาย ได้เกิดสติสำนึกผิดถูกชั่วดีขึ้นในจิตใจ จึงให้พระสงฆ์บริวารหามมาพบพระพุทธเจ้า เพื่อขอขมากรรมที่ได้ทำผิดต่อพระพุทธองค์ แต่เมื่อถึงหน้าวัดที่ทรงประทับอยู่ เมื่อก้าวลงจากแคร่หาม พระเทวทัตก็ถูกแผ่นดินสูบตกนรกอเวจีในทันที ผลของการใช้ชีวิตในทางลัด มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ แม้ในปัจจุบันก็ยังมีตัวอย่างให้เห็นเช่นกัน
เพราะเห็นภัยจากทางลัดของชีวิต พ่อแม่จึงได้อบรมลูกให้เป็นผู้ดำเนินชีวิตในทางที่ตรงตามทำนองคลองธรรมมาตั้งแต่ยังเด็กๆ ลูกคงจำได้นะว่า ในสมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่ เวลาลูกอยากได้ของเล่นมีราคาแพงๆเหมือนเพื่อนๆ ลูกจะต้องรู้จักแบ่งเงินค่าขนมมาหยอดกระปุกออมสิน และทำงานตามที่พ่อแม่สั่ง เพื่อจะได้เงินพิเศษ และเมื่อลูกได้เงินพอที่จะไปซื้อของเล่นแล้ว ลูกก็หมดความอยากได้ เพราะเห็นถึงคุณค่าของเงินที่เก็บไว้ตามคำแนะนำของพ่อแม่
ตัวอย่างของเพื่อนที่ถูกทำโทษ เพราะไปขโมยของเพื่อนมา เพื่อความสุขของตนเอง ทำให้ลูกไม่กล้าทำความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง กลัวจะเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล จึงพาตนให้ห่างจากเพื่อนๆ ที่ประพฤติไม่ดีเหล่านั้นตลอดมา
ความอดใจไม่เร่งด่วนทำการทุจริต เพื่อให้ตนสมปรารถนานี้ เป็นคุณธรรมที่ทำให้เกิดความสำเร็จในเป้าหมายของชีวิต พระท่านเรียกว่า “ขันติ” คนทั่วไปชอบแปลความว่า ความอดทน แต่พ่อชอบขันติในความหมายว่า “การรักษาสภาพจิตใจให้เป็นปกติในกรอบของศีลธรรม” นี่จะแสดงให้ถึงการปฏิบัติตนในขันติธรรมได้อย่างชัดเจนตรงตามธรรมจริงๆ
การเป็นผู้มีขันติประจำใจ ย่อมต้องเป็นผู้มีเป้าหมายของชีวิตที่เด่นชัด และมีความเพียรที่จะนำชีวิตของตนให้บรรลุถึงเป้าหมายนั้น ด้วยความเป็นผู้มีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ขันติจึงเป็นส่วนประกอบที่จะประคองชีวิตให้ดำเนินไปตามแผนการชีวิตที่กำหนดไว้ ชีวิตที่ประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่กำหนดไว้ ล้วนต้องมีขันติเป็นส่วนสนับสนุนทั้งสิ้น
เจ้าชายสิทธัตถะต้องอาศัยการสร้างสมบารมีด้วยขันติในการแสวงหาสัจธรรม จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วทรงอาศัยขันติในการสั่งสอนประชาชนให้มีความเข้าในในสัจธรรมนั้น จนกลายมาเป็นพระพุทธศาสนาได้จนถึงทุกวันนี้
พ่อแม่ที่ดีก็ต้องอาศัยขันติในการอบรมเลี้ยงดูบุตรธิดาให้เติบใหญ่มีครอบครัวสร้างฐานะได้ ครูอาจารย์ก็ต้องอาศัยขันติในการอบรมสั่งสอนศิษย์จนสำเร็จการศึกษาตามหน้าที่รับผิดชอบ เจ้าของกิจการย่อมอาศัยขันติจนสามารถทำกิจการให้มั่นคงก่อผลประโยชน์ได้ ขันติจึงเป็นคุณธรรมที่นำพาชีวิตของบุคคลให้เดินไปสู่เป้าหมายของชีวิตด้วยทำนองคลองธรรมเสมอ
ลูกลองพิจารณาถึงการใช้ขันติในครอบครัว ซึ่งมีเพียงลูก ต้อย และหลานๆ การหงุดหงิดใจมักจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กๆ ทำไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งเมื่อบ่อยครั้งเข้าลูกก็จะเกิดความโกรธ จนกระทั่งลงมือดุด่าเฆี่ยนตีหลาน ผลที่ติดตามมาก็คือ ช่องว่างระหว่างลูกกับหลานๆ เมื่อหลานกลัวเกรงลูก ไม่กล้าที่จะซนไปตามพัฒนาการของวัย อันเป็นธรรมชาติของเด็ก สุดท้ายพวกเขาก็อาจจะสร้างปัญหาให้กับสังคม
ในทางกลับกัน ถ้าลูกเป็นผู้มีขันติประจำใจ ลูกจะเห็นถึงธรรมชาติของเด็ก ลูกจะเชื่อมั่นในเชื้อแห่งความดีงามที่ลูกได้ปลูกฝังในตัวของพวกเขา และเมื่อหลานทำผิดหรือทำไม่ถูกใจ ขันติในใจของลูกก็จะทำให้ลูกเกิดความปรารถนาดีในการอบรมสั่งสอนพวกเขา ให้รู้จักมารยาท ความถูกความผิด ตามฐานะแห่งความเป็นพ่อ เด็กๆก็จะรู้สึกถึงความรักความเมตตา และพยายามปรับปรุงตัวให้เป็นที่รักของพ่อแม่ ช่องว่างในครอบครัวก็จะห่างหายไป สันติสุขก็จะเกิดขึ้นมาแทน
เมื่อเรามาพิจารณาถึงการทำงานในหน้าที่ต่างๆ จะพบว่า ล้วนต้องอาศัยขันติ เป็นเครื่องช่วยประสานความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในทีมงาน ให้ทำงานอย่างสอดประสานกัน จนงานนั้นบรรลุวัตถุประสงค์
ลูกเป็นหัวหน้างาน ย่อมรู้ดีว่าคนเรามีลักษณะนิสัยแตกต่างกันเป็นธรรมดา เมื่อมาทำงานร่วมกัน การกระทบกระทั่งจากการทำงานย่อมเกิดขึ้น แต่ด้วยขันติที่แต่ละคนมีอยู่ในจิตใจ ย่อมทำให้ทุกคนก้าวล่วงการกระทบกระทั่งนั้นไปได้
มองให้ลึกอีกสักนิดว่า การทำงานที่ใช้ขันติเป็นหลัก ต้องอาศัยความปรารถนาดี เมตตาต่อกันสนับสนุนด้วย จึงจะทำให้งานนั้นได้ประสิทธิผลสูงสุด
การดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ แม้จะมีความเพียรอุตสาหะขวนขวายผลักดันตนเองไปตามแผนชีวิตที่วางไว้แล้ว แต่ก็ยังต้องอาศัยขันติเป็นตัวขับเคลื่อนให้ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคที่มาขวางกั้น ชีวิตจึงสามารถพบกับความสำเร็จได้ดังที่ปรารถนา
คนที่มีขันติ ย่อมมีความสง่างามในการดำเนินชีวิต ย่อมเป็นที่รักของคนรู้จักใกล้ชิด นำตนให้ห่างไกลจากการประพฤติผิดทำนองคลองธรรม มีพุทธภาษิตแสดงถึงคุณของขันติบทหนึ่งว่า
“ผู้มีขันติ นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และมีสุขเสมอ ผู้มีขันติเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย” ชีวประวัติของบุคคลสำคัญในโลก ล้วนเป็นพยานรับรองพุทธศาสนสุภาษิตบทนี้ได้เป็นอย่างดี
บรรพชนของเราล้วนได้สัมผัสสุขประโยชน์จากการปฏิบัติตนตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา บำเพ็ญตนให้เป็นผู้มีขันติประจำใจอยู่เสมอ ทำให้ได้รับผิดชอบหน้าที่การงานอันเป็นเกียรติยศแก่ลูกหลานตลอดมา ด้วยความยึดมั่นในพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า
“ผู้มีขันติ ชื่อว่าทำตามคำทรงสอนของพระศาสดา และผู้มีขันติ ชื่อว่าบูชาพระชินเจ้า ด้วยบูชาอันยิ่ง”
พ่อหวังว่า ลูกคงจะไม่แสวงหาทางลัดของชีวิต แต่จะมุ่งบำเพ็ญขันติให้เกิดขึ้นประจำใจของตน เพื่อนำตนให้บรรลุถึงความสำเร็จในหน้าที่การงานและเป้าหมายของชีวิตได้ดังใจปรารถนา
ด้วยรัก
พ่อโต
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 152 สิงหาคม 2556 โดย พระครูพิศาลสรนาท(พจนารถ ปภาโส) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กทม.)