ความรับผิดชอบ ความเสียสละ และความกล้าหาญ สามสิ่งดังกล่าวนี้ หากยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิต บุคคลผู้นั้นย่อมฟันฝ่าอุปสรรคจนประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ดังเรื่องราวที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง Jack the Giant Slayer ที่ดัดแปลงจากเทพนิยายคลาสสิค เรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ หรือแจ็คกับต้นถั่ววิเศษ
ดังตำนานเล่าขานว่า ในยุคก่อนนั้นมีสงครามระหว่างยักษ์กับมนุษย์ โดยเหล่ากองทัพยักษ์ปีนป่ายจากนครเหนือท้องฟ้ามาตามเถาต้นถั่ววิเศษ แต่พระราชาที่เป็นผู้นำมนุษย์ยุคก่อนๆ ได้นำเอาหัวใจของยักษ์มาหลอมเป็นมงกุฎวิเศษ ซึ่งมีอานุภาพสยบยักษ์ทุกตน
ในยุคปัจจุบัน ตำนานเรื่องยักษ์หน้าตาอัปลักษณ์กลายเป็นเพียงนิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก แต่ทว่าวันหนึ่ง “โรเดอริค” จอมเจ้าเล่ห์ ว่าที่คู่หมั้นขององค์หญิง “อิซซาเบล” ก็ล่วงรู้ความลับเบื้องหลังตำนานว่า ต้นถั่ววิเศษกับมงกุฎควบคุมยักษ์ มีอยู่จริง
“อิซซาเบล” องค์หญิงจอมแก่น มีนิสัยรักการผจญภัย และด้วยความอยากเผชิญโลกนอกวัง เจ้าหญิงจึงพรางตัวควบม้าออกไปในยามวิกาล ก่อนจะเจอพายุฝนจนต้องไปหลบฝนที่กระท่อมเก่าๆแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือบ้านของ "แจ็ค" นั่นเอง
ยามนั้นสายฝนได้ไปโดนเมล็ดถั่ววิเศษ จึงทำให้ต้นถั่วยักษ์งอกอย่างรวดเร็ว พุ่งสูงเสียดฟ้า ฝักถั่วและลำต้นดึงกระท่อมและองค์หญิงขึ้นไปด้วย ส่วนแจ็คพลัดตกลงมา
วันรุ่งขึ้นหน่วยราชองครักษ์ ซึ่งนำโดย “เอลมอนท์” ได้มายังที่เกิดเหตุ พร้อม “พระราชาบราห์มเวล” รวมถึงโรเดอริคด้วย พระราชารับสั่งให้ทหารปีนต้นถั่วขึ้นไปนำพระธิดากลับมา
แจ็คเสนอตัวขอเข้าร่วมภารกิจนี้ เพราะคิดว่าตนเองมีส่วนในเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างที่แจ็คกับเหล่าทหารปีนป่ายต้นถั่วขึ้นไป ก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่ามาโดนทหารนายหนึ่ง เชือกที่รัดเกี่ยวทุกคนไว้จึงขาด สบจังหวะของโรเดอริคที่ต้องการตัดกำลังพล จึงแอบตัดเชือกปล่อยให้ทหารกลุ่มใหญ่ร่วงลงไปด้วย สุดท้ายเหลือเพียง 6 ชีวิตที่รอด
การตามหาองค์หญิงถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม แจ็คกับเอลมอนท์กลุ่มหนึ่ง โรเดอริคอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป โรเดอริคใช้มีดขู่แจ็ค และฉกถั่ววิเศษที่เหลือมาครอง แต่แจ็คก็แอบซ่อนถั่ววิเศษไว้หนึ่งเมล็ด
ในที่สุดทุกคนก็ได้เจอกับตำนานเล่าขานที่มีอยู่จริง นั่นคือ ยักษ์รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาน่ากลัว อาศัยอยู่บนนั้น
กลุ่มของแจ็คถูกยักษ์จับตัวไป ขณะที่แจ็ครอดหวุดหวิด ส่วนกลุ่มของโรเดอริคโดนผลักตกหน้าผาไปหนึ่ง และโดนยักษ์กินไปอีกหนึ่ง แต่โรเดอริคคว้ามงกุฎวิเศษที่ขโมยจากหลุมศพของอดีตพระราชามาสวมศีรษะตนเองได้ทันท่วงที อำนาจของมงกุฎทำให้เหล่ายักษ์จำต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามแผนการชั่วร้ายของโรเดอริค คือ สั่งกองทัพยักษ์ไปโจมตีเมืองของพระราชา เพื่อสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเจ้าอาณาจักรแทน
แต่ด้วยการรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม แจ็คก็สามารถช่วยองค์หญิงกับเอลมอนท์ออกมาได้ จากนั้นก็ใช้ไหวพริบปราบยักษ์ที่เฝ้าตรงปากทาง จนยักษ์ตกลงไปด้านล่าง ก่อนที่จะไต่ต้นถั่วกลับลงไป แต่เอลมอนท์ขออยู่ด้านบนต่อ เพื่อจัดการกับโรเดอริค
ยักษ์ที่ตกลงไปตายด้านล่างนั้น กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้พระราชาตัดสินพระทัยรับสั่งให้ทหารตัดต้นถั่วยักษ์ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงภัยที่มิอาจคาดเดาได้ในอนาคต
ย้อนกลับไปที่บนฟ้า เอลมอนท์ฉวยโอกาสจัดการโรเดอริคขณะที่กำลังสั่งกองทัพยักษ์ให้เข้าโจมตีเมือง แม้จะปราบคนเลวได้ แต่เอลมอนท์ก็พลาดทำมงกุฎตกไปอยู่ในมือของยักษ์สองหัว ซึ่งเป็นวายร้ายหัวโจก
สุดท้าย แจ็ค องค์หญิง และเอลมอนท์ ได้กลับลงสู่พื้นดิน โดยไม่มีใครเป็นอะไร ขณะนั้นเอง ยักษ์สองหัวก็เหลือบไปเห็นถุงเก็บเมล็ดถั่วที่โรเดอริคทำตกไว้ เมล็ดถั่วจึงกลายเป็นบันไดเชื่อมระหว่างสองโลกอีกครั้ง และสงครามระหว่างกองทัพยักษ์กับมนุษย์ก็เตรียมปะทุขึ้น
แจ็คสังเกตเห็นว่า มีต้นถั่ววิเศษกำลังพุ่งลงมาผืนดินด้านล่างอีกครั้ง อันเป็นสัญญาณว่า กองทัพยักษ์กำลังจะมา จึงเร่งควบม้าไปแจ้งเตือนกองทัพของพระราชา ทหารทุกคนจึงเตรียมพร้อมตั้งรับที่ปราสาท โดยมีพระราชายืนนำทัพร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่
ขณะที่แจ็คกับองค์หญิงเตรียมจะส่งสัญญาณเตือนภัยไปอาณาจักรอื่นๆ แต่ต้องเผชิญกับยักษ์สองหัว เจ้ายักษ์ร้ายคว้าตัวแจ็คได้ และเตรียมที่จะเขมือบ แต่หนุ่มชาวนาผู้หาญกล้า ตั้งสติมั่น แล้วคว้าเมล็ดถั่ววิเศษโยนลงไปในลำคอของยักษ์ ต้นถั่วเริ่มแตกกิ่งก้านสาขาอย่างรวดเร็ว จนทะลุออกมาฉีกร่างยักษ์เป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับมงกุฎวิเศษที่ตกกระเด็นลงมาด้วย
เมื่อมงกุฎวิเศษตกอยู่ในมือคนดีอย่างแจ็ค เขาก็นำมันไปใช้สั่งเหล่าอสูร ให้กลับไปยังถิ่นของตนเอง แล้วมนุษย์โลกก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
ภาพยนตร์แฟนตาซี Jack the Giant Slayer เป็นหนังที่ดูเพื่อความบันเทิง แต่ขณะเดียวกันก็แฝงข้อคิดไว้มากมาย โดยเฉพาะหลักคิดในเรื่อง “ความรับผิดชอบ ความเสียสละ และความกล้าหาญ” ที่สื่อจากการกระทำของตัวเองทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแจ็ค เอลมอนท์ หรือพระราชาบราห์มเวล
โดยแนวคิดดังกล่าวนั้น พอจะหยิบยกหลัก “สัปปุริสธรรม 7” ในทางพุทธศาสนา มาเทียบเคียงให้เห็นภาพที่ชัดเจนได้ดี
หลักสัปปุริสธรรม ทั้ง 7 ประการ ประกอบด้วย 1) ธัมมัญญุตา เป็นผู้รู้จักเหตุ 2) อัตถัญญุตา เป็นผู้รู้จักผล 3) อัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักตนตามจริง 4) มัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักประมาณ 5) กาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาลเวลาที่เหมาะสม 6) ปริสัญญุตา เป็นผู้รู้จักชุมชนที่อยู่ และ 7) ปุคคลัญญุตา หรือ ปุคคลปโรปรัญญุตา เป็นผู้รู้จักและเข้าใจบุคคล
กล่าวคือ การเป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักผล ทำให้ทั้งแจ็ค หรือเอลมอนท์ ต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนตามฐานะ หรือตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัดด้วยความรับผิดชอบ เมื่อเกิดเหตุการณ์วุ่นวายจากต้นถั่วยักษ์ เฉกเช่นเดียวกับพระราชาบราห์มเวล ที่ยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตบุคคลที่ตนรัก (ขณะสั่งให้ทหารตัดทำลายต้นถั่ว) เนื่องจากเกรงว่าหากไม่ทันกาล กองทัพยักษ์จะลงมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
ส่วนการรู้จักตนตามจริง การรู้จักประมาณ และรู้จักกาลเวลาที่เหมาะสม ทำให้แจ็คกับเอลมอนท์ตระหนักถึงศักยภาพที่จะต่อกรกับอสูรร่างใหญ่ และจำต้องประมาณตนเอง ด้วยการใช้จังหวะ โอกาส ที่เหมาะเจาะที่สุด โดยไม่ลืมใช้ปัญญาในการต่อสู้เป็นหลัก
การเป็นผู้รู้จักชุมชน และเข้าใจบุคคล ก็คือ การตัดสินใจของพระราชาที่ทรงรู้ดีว่ากองทัพทหารเป็นอย่างไร ปราสาทที่เป็นป้อมปราการนั้นเป็นอย่างไร จึงทรงต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทุกคน
สัปปุริสธรรม ทั้ง 7 ประการ จึงสามารถนำมาอธิบายเชื่อมโยงกับการกระทำอันกล้าหาญ ของเหล่าตัวเอกในภาพยนตร์ได้ทั้งสิ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ก็กลายเป็นความสำเร็จดังที่ทุกคนคาดหวัง
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 149 พฤษภาคม 2556 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)