• ฟองน้ำล้างจาน "สกปรกกว่าฝารองนั่งชักโครก" 200,000 เท่า
ดร.ชัค เกอร์บา ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยอริโซนา ได้ศึกษาวิธีการที่โรคระบาดต่างๆแพร่กระจายในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน และการวัดระดับจำนวนแบคทีเรีย ว่าเป็นชนิดใดและมีการพัฒนาได้อย่างไร โดยการศึกษาเน้นที่แบคทีเรียที่พบในอุจจาระ อาทิ อีโคไล และสตาฟิโลค็อกคัส ออเรียส
ผลการศึกษาพบว่า โดยเฉลี่ยฝารองนั่งชักโครกมีแบคทีเรีย 50 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางนิ้ว ขณะที่เขียงมีจำนวนแบคทีเรียถึง 200 ชนิด แต่ผู้ร้ายด้านความสกปรกที่สุดตัวจริงคือฟองน้ำล้างจาน
ตามข้อมูลของดร.เกอร์บา พบว่า ในแต่ละตารางนิ้วของฟองน้ำล้างจานมีจำนวนแบคทีเรียอยู่ถึง 10 ล้านตัว หรือมากกว่าฝารองนั่งชักโครกถึง 200,000 เท่า และมากกว่าผ้าเช็ดจานที่มีแบคทีเรียราว 1 ล้านตัว
ดร.จอห์น อ็อกซ์ฟอร์ด ศาสตราจารย์ด้านไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยลอนดอน และประธานองค์กรไฮยีน เคาน์ซิล องค์กรนานาชาติที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมาตรฐานด้านสุขอนามัยทั่วโลก เปิดเผยว่า สิ่งที่ยังคงรักษาแชมป์ความสกปรกที่สุดในครัวก็คือ ฟองน้ำล้างจาน
• เครียด เกลียดงาน เสี่ยงป่วยโรคหัวใจ
ผลการศึกษาวิจัยของศาสตราจารย์ปีเตอร์ บัตเตอร์เวอร์ธ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย พบว่า ผู้ที่มีความรู้สึกเกลียดและไม่พอใจในเรื่องการงาน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะงาน ปริมาณงาน เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ผลตอบแทน อาจทำให้คนคนนั้นมีสุขภาพจิตที่ไม่ดี
สุขภาพจิตของคนที่เกลียดเรื่องใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับงานจนเครียดนั้น ระดับความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ย่ำแย่พอๆ กับกลุ่มคนที่เครียดเพราะกำลังตกงาน และทั้งสองกลุ่มนี้ต่างก็มีแนวโน้มจะเกิดปัญหาสุขภาพจิตได้ง่ายกว่าคนที่แฮปปี้กับงาน
ไม่ใช่แค่กระทบกับสุขภาพจิตเท่านั้น ที่ผ่านมาเคยมีผลวิจัยชี้ว่า ความเครียดจากงานส่งผลให้ความดันโลหิตสูง โดยจะสูงอยู่อย่างนั้นแม้ไม่ได้ทำงานหรืออยู่ที่ออฟฟิศก็ตาม และล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยลอนดอนคอลเลจ บอกว่า คนที่เครียดเพราะงาน มีความเสี่ยงโรคหัวใจเพิ่มขึ้นด้วย
• เพิ่มเวลานอนช่วยลดความเจ็บปวด
การพักผ่อนให้เพียงพอนั้นส่งผลดีต่อสุขภาพ ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า การนอนมากขึ้นในแต่ละคืน สามารถเพิ่มขีดความตื่นตัว และลดความเจ็บปวดลงได้
โดยการศึกษาทดลองกับอาสาสมัครสุขภาพดี 18 คนที่ไม่มีอาการเจ็บปวด โดยให้แบ่งเป็นสองกลุ่ม นอน 4 คืน กลุ่มหนึ่งนอน 8 ชั่วโมง อีกกลุ่มนอน 10 ชั่วโมง และใช้เครื่องมือตรวจสอบปัญหาการนอนมาใช้ประกอบกับการทดสอบความรับรู้ต่อความเจ็บปวดด้วยความร้อน
ผลปรากฏว่า การนอนเพิ่มขึ้น 1.8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยเพิ่มความตื่นตัวระหว่างวัน และช่วยลดความไวต่อการสัมผัสความเจ็บปวดลงได้อย่างเห็นผล โดยผู้ที่นอนมากกว่าสามารถวางมือบนความร้อนได้นานขึ้น 25 เปอร์เซนต์ โดยแสดงอาการเจ็บปวดน้อยกว่า
ผลที่ได้นี้สอดคล้องกับข้อมูลวิจัยก่อนหน้า ที่เน้นว่าการพักผ่อนน้อยจะทำให้คนที่เหน็ดเหนื่อยอยู่แล้วไวต่อความเจ็บปวดที่ได้รับมากกว่าคนที่พักผ่อนอย่างเพียงพอ
• ผลวิจัยชี้ "หนังสยองขวัญ" ช่วยเผาผลาญแคลอรี
ผลวิจัยล่าสุดของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวสมินสเตอร์ ของอังกฤษ เปิดเผยว่า การชมภาพยนตร์สยองขวัญ สามารถเผาผลาญแคลอรีได้ โดยผู้ที่ชมหนังสยองขวัญความยาว 90 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 113 แคลอรี หรือมีตัวเลขใกล้เคียงกับการเดินเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง และหนังสยองขวัญแต่ละเรื่องก็ให้ผลไม่เท่ากัน
ผลการศึกษาพบว่า หนังที่มีช่วงเวลา"สยองขวัญจนต้องสะดุ้ง" จะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดีกว่า เนื่องจากจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจอย่างมาก
ดร.ริชาร์ด แมคเคนซี อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญกระบวนการเผาผลาญอาหารในเซลล์และสรีรศาสตร์ เปิดเผยว่า ขณะที่จังหวะการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกายเร็วขึ้น ร่างกายจะทำการหลั่งอะดรีนาลีน ที่เกิดขึ้นระหว่างการตกใจหรือสะดุ้งที่เกิดจากความกลัว อะดรีนาลีนดังกล่าวจะเพิ่มอัตราการเผาผลาญพื้นฐาน และทำให้แคลอรีถูกเผาผลาญในระดับสูงสุด
• เดินวันละ 45 นาที ยืดอายุได้ราว 5 ปี
ทีมนักวิจัยที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐได้ศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างการออกกำลังกายกับสุขภาพของประชากรวัยผู้ใหญ่ 650 คน พบว่า คนที่ออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาเป็นประจำ แม้แต่คนที่เป็นโรคอ้วน จะมีชีวิตยืนยาวกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยโดยเฉลี่ยถึง 4 ปีครึ่ง
รัฐบาลสหรัฐแนะนำให้คนอายุ 18 - 64 ปี ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมงครึ่งหากเป็นการออกกำลังกายที่ต้องออกแรงในระดับปานกลาง และ1 ชั่วโมง 15 นาทีหากเป็นการออกกำลังกายที่ต้องออกแรงในระดับเข้มข้น เช่น การเดินเล่นสบายๆ จนถึงการวิ่งและปั่นจักรยาน
ทีมนักวิจัยพบว่า คนที่ออกกำลังกายได้ตามข้อแนะนำนี้ มีอายุยืนกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยถึง 3 ปี 4 เดือน ส่วนคนที่ออกกำลังกายได้มากกว่านั้น 2 เท่าจะมีชีวิตยืนขึ้นราว 4 ปี 2 เดือน ส่วนการออกกำลังกายที่ออกแรงในระดับปกติเทียบเท่ากับการเดินนาน 10 นาทีต่อวัน ช่วยให้อายุยืนขึ้นถึง 2 ปี
และหากต้องการได้รับประโยชน์สุงสุดจากการออกกำลังกาย ก็ต้องออกกำลังกายให้เทียบเท่ากับการเดินนาน 45 นาทีหรือมากกว่านั้นต่อวัน จากการศึกษาพบว่า หากทำได้เช่นนั้น คุณจะมีชีวิตยืนขึ้น 4 ปีครึ่งทีเดียว
• ดื่มชาเย็นมากอาจเป็นนิ่วในไต
ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยลาโยลาของสหรัฐฯ กล่าวเตือนว่า ผู้ที่ชอบดื่มชาเย็นมากๆ อาจจะเสี่ยงกับการเป็นนิ่วในไต ทั้งนี้เพราะชาเย็นมีกรดออกซาลิก ซึ่งเป็นสารเคมีก่อผลึกเล็กๆ ของแร่ธาตุและเกลือ ปนอยู่ในปัสสาวะ ซึ่งอาจจะโตขึ้นจนไปเกาะติดอยู่กับท่อปัสสาวะจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะได้
ดร.จอห์น มิลเนอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แผนกโรคทางเดินปัสสาวะชี้ว่า ผู้ที่โน้มเอียงจะเป็นนิ่วในไตเกือบทุกแบบอยู่แล้ว ชาเย็นนับเป็นเครื่องดื่มที่แสลงมากที่สุด
ทั้งนี้ ผู้ชายจะเป็นนิ่วในไตง่ายกว่าผู้หญิง 4 เท่า โดยเฉพาะเมื่ออายุเกิน 40 ปีไปแล้ว แต่สตรีวัยทองซึ่งมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ และเคยตัดรังไข่มาแล้วควรจะต้องระวังด้วย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 145 มกราคม 2556 โดย กองบรรณาธิการ)