การมอบของขวัญให้แก่ลูกๆ นั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่ทุกคนปฏิบัติ จะมากหรือน้อยก็แตกต่างกันไปตามฐานะ แต่สำหรับนักเขียนนิยายและนักหนังสือพิมพ์อย่าง “เบนจามิน มี” (Benjamin Mee) ดูจะโดดเด่นกว่าใครๆ เพราะของขวัญที่เขามอบให้ลูกนั้น คือ “สวนสัตว์”
หนังเปิดเรื่องโดยค่อยๆเผยรายละเอียดให้เห็นว่า เบนจามินตัวเอกของเรื่องนั้น เป็นนักเขียนผู้มีจินตนาการอันบรรเจิด เป็นพ่อหม้ายลูกติด คือ ลูกชายกำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น กับลูกสาววัยกำลังน่ารักอีกหนึ่งคน
พ่อลูกติดต้องรับภาระการเลี้ยงดูลูกไปพร้อมๆกับงานเขียน แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็มีปัญหากับนายจ้าง ที่มีทัศนคติไม่ตรงกันในรูปแบบงาน เขาจึงตัดสินใจลาออก เพื่อไปเผชิญกับความท้าทายใหม่ คือ การหาบ้านใหม่ และลงหลักปักฐาน
เขาเดินทางไปพร้อมกับนายหน้าเสาะหาบ้านมือสองที่พอจะซื้อได้ โดยหวังว่าบ้านหลังใหม่จะทำให้ลูกชายที่ดูห่างเหินหลังแม่จากไป กลับมาพูดคุยกันเป็นปกติ ขณะที่ลูกสาวตัวน้อยก็จะได้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดี
ในที่สุดเขาก็มาเจอบ้านมือสองในเขตนอกเมือง ที่ราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ มีที่ดินกว้างขวางท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ แต่มีข้อแม้เดียวที่เจ้าของบ้านจะขายให้ คือ ผู้ซื้อต้องรับผิดชอบกิจการสวนสัตว์เล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน ไปดูแลด้วย
แม้เบนจามินเป็นนักคิด นักเขียน ผู้มากความสามารถ แต่สำหรับการบริหารจัดการสวนสัตว์นั้น เป็นเรื่องใหม่และเรื่องใหญ่สำหรับเขา มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนไร้ประสบการณ์ความรู้เรื่องสิงสาราสัตว์ ที่จะมาดูแลสวนสัตว์ที่มีสัตว์ป่าทั้งเสือโคร่ง สิงโต และหมีกริซลี่ตัวเบิ้ม
แต่จุดเล็กๆที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต ก็เกิดขึ้นเพียงแวบเดียว ในขณะที่เขากำลังลังเลว่าจะซื้อบ้านที่มาพร้อมกับภาระขนาดใหญ่หรือไม่ เขาก็เหลือบไปเห็นลูกสาวกำลังสนุกสนานอยู่กับการพูดคุย หยอกล้อ ฝูงนกยูงตัวเล็ก ที่กำลังมะรุมมะตุ้มอยู่รอบๆ ซึ่งนั่นเป็นภาพแห่งความสุขของคนที่เขารักนั่นเอง
เบนจามินจึงตัดสินใจรับข้อเสนอนั้น และได้กลายเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่พร้อมกิจการสวนสัตว์ควบคู่กันไป และทั้งหมดนั้นไม่ใช่การสิ้นสุดของปัญหาอย่างที่เบนจามินคิด แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาและอุปสรรคมากมายที่ตามมา
แล้วสิ่งที่ผู้บริหารสวนสัตว์มือใหม่ได้เจอ คือ ความจริงที่ว่า สวนสัตว์นั้นเป็นสวนสัตว์ที่ปิดกิจการชั่วคราว เพราะทรุดโทรม ขาดงบประมาณสำหรับการบำรุงรักษา
และปัญหาที่หนักหนาสาหัสไปกว่านั้น คือ สวนสัตว์แห่งนี้ยังรอเวลานับถอยหลังในการประเมินมาตรฐานจากผู้ตรวจการณ์สุดเนี้ยบ ซึ่งหากไม่ผ่าน ก็จำเป็นต้องปิดตัวลง และนั่นหมายถึงอนาคตเจ้าของบ้านหลังใหม่ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
เบนจามินคิดแล้วว่า ความลำบากที่เกิดขึ้นนั้น หากผ่านมันไปได้ ย่อมแลกกับชีวิตที่สุขสบายของลูกๆ เขาจึงตัดสินใจเดินหน้าสานต่อกิจการ ร่วมกับคนงานเก่าที่ดูแลสวนสัตว์อีก 5-6 คน ฟื้นฟูสวนสัตว์ที่เก่าร้าง
แต่แล้วสารพัดปัญหาก็ถาโถมเข้ามาตลอด ทั้งเรื่องของสัตว์ต่างๆ เรื่องงบประมาณค่าอาหารสัตว์ ค่าทำรั้วใหม่ ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ ทุกอย่างล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เมื่อกิจการดูท่าจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ลูกชายคนโตก็ยังมีเรื่องให้ผู้เป็นพ่อขัดใจ เพราะมองว่าพ่อกำลังทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่ทว่าโชคชะตายังไม่โหดร้ายเกินไปสำหรับพ่อหม้ายแสนดี เพราะวันหนึ่งเขาได้พบเอกสารบางอย่างที่ซุกซ่อนไว้ในเสื้อแจ็คเก็ตตัวเก่ง นั่นคือ เงินออมก้อนใหญ่ ที่ภรรยาผู้ล่วงลับเก็บไว้ให้เขาและลูกๆยามจำเป็น ซึ่งได้กลายเป็นทุนทรัพย์ต่อลมหายใจของสวนสัตว์และครอบครัวได้ในที่สุด
พ่อลูกสองฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาจัดสรรงบประมาณอย่างถี่ถ้วน ปรับปรุงสวนสัตว์ เรียนรู้ทุกอย่างจากการทำงาน รวมถึงให้ลูกๆได้มีส่วนร่วมกับสวนสัตว์ไปในตัว
แล้วสวนสัตว์เก่าร้างก็ฟื้นคืนชีวิต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจแก่ชาวเมืองอีกครั้ง พร้อมกับชีวิตครอบครัวของคุณพ่อลูกสองที่กลับคืนสู่ความสมดุล เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจอย่างแน่นแฟ้นกว่าเดิม
และเมื่อถึงวันประเมินผล สวนสัตว์ Rosemoor Wildlife Park ก็ผ่านการตรวจสอบไปได้อย่างน่ายินดี
We Bought a Zoo เป็นภาพยนตร์น่ารักๆ ที่ให้ความรู้สึกดีๆตลอดทั้งเรื่อง ข้อคิดที่ทำให้ผู้ชมได้ตระหนัก คือ ความพยายามต่อสู้กับอุปสรรคอย่างไม่ย่อท้อของผู้เป็นพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งในหลักพุทธศาสนาก็มีหลักธรรมว่าด้วย หน้าที่ของบิดามารดาที่มีต่อบุตร ซึ่งจะต้องเลี้ยงดูบุตรให้เป็นคนดี โดยเฉพาะจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น หากเบนจามินท้อถอย สิ่งที่เขาได้รับผลกระทบ จะไม่เพียงแค่ตัวเองเท่านั้น แต่หมายถึงลูกอีกสองคนด้วย
เรื่องราวในหนังยังมีรายละเอียดที่ชี้ให้เห็นว่า ความตั้งใจซื้อบ้านพร้อมกิจการสวนสัตว์ ก็เพื่อให้ลูกๆได้เรียนรู้การทำงาน และอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้เป็นบิดา ที่ไม่ควรปล่อยปละละเลยลูกๆ
มีฉากหนึ่งที่หนังเผยให้เห็นว่า ลูกชายวัยรุ่นของเขานั้น มีพรสวรรค์ในการวาดภาพ แต่ภาพที่วาดนั้น ออกไปในลักษณะน่ากลัว รุนแรง ก้าวร้าว ซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นเด็กที่ขาดแม่
ดังนั้น ในฐานะพ่อ เบนจามินจึงให้ลูกชายวาดรูปโลโก้สวนสัตว์ ตลอดจนให้มาช่วยงานต่างๆ เพื่อปรับลดอารมณ์ในด้านลบ แล้วดึงพลังในด้านบวกออกมาใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ซึ่งก็นับเป็นหนึ่งในหลักธรรมการเลี้ยงดูบุตรเรื่องการให้ลูกได้เรียนรู้ศิลปวิทยา
หนังเรื่องนี้อาจมีเรื่องราวสวยงามราวความฝัน เมื่อคุณพ่อฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อลูกๆจนประสบความสำเร็จแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ซึ่งผู้ชมหลายคนอาจคิดไปว่า เป็นแค่เรื่องราวในหนังเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว We Bought a Zoo เป็นหนังที่นำเค้าโครงเรื่องจริงมาจากนักเขียนพ่อหม้ายลูกสองชาวอังกฤษ
ดังนั้น คุณพ่อทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นพ่อหม้าย หรือคุณพ่อผู้มีสถานะครอบครัวสมบูรณ์อยู่แล้ว จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะไปดู เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในการต่อสู้ชีวิตเพื่อลูกๆที่รักของคุณ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 144 ธันวาคม 2555 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)