• นอนไม่พอส่งผลร้ายต่อสมอง
ทีมนักวิจัยสหรัฐฯบอกว่า การนอนหลับไม่เพียงพอในตอนกลางคืน ส่งผลให้ความจำแย่ลงและพฤติกรรมของเซลล์สมองเปลี่ยนแปลงไป โดยมีงานวิจัยต่อเนื่องที่เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการนอนหลับ ซึ่งนำเสนอในการประชุมประสาทวิทยา 2012 จัดโดยสมาคมประสาทวิทยา เมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา
โดย 1 ใน 5 ของชาวอเมริกันมีอาการนอนไม่เพียงพอ ส่งผลเสียต่อร่างกายที่บานปลายเป็นปัญหาสุขภาพระดับชาติ เช่น โรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคความจำเสื่อม
อีกทั้งยังมีงานวิจัยอื่นๆ ที่ระบุว่า อาการง่วงนอนทำให้เครือข่ายสำคัญที่เชื่อมโยงเซลล์สมองทำงานได้ไม่เต็มที่ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ และอาการง่วงนอนส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อการสื่อสารระหว่างสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องความทรงจำ
ดร.คลิฟฟอร์ด เซเปอร์ แห่งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับและการอดนอน กล่าวว่า “การศึกษารูปแบบและพฤติกรรมของสมอง ทำให้เห็นข้อเท็จจริงเรื่องเส้นทางเดินของเซลล์สมองที่ถูกกีดขวางหรือบิดเบี้ยวเมื่อบุคคลนั้นนอนไม่พอ ส่งผลร้ายต่อการเรียนรู้ ความจำ และสุขภาพจิต”
• กินกล้วยไข่ต้านมะเร็ง
งานวิจัยของสำนักโภชนาการ กรมอนามัย พบว่ากล้วยไข่มีประโยชน์สูง โดยมีวิตามินอี เบต้าแคโรทีน และวิตามีนซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง หรือทำให้เกิดการอักเสบ การทำลายเนื้อเยื่อ รวมทั้งโรคตาต้อกระจก
ผลการวิจัยพบว่าในกล้วยไข่ 1 ผล ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 40 กรัม มีเบต้าแคโรทีน 108 ไมโครกรัม มีวิตามินอี 0.19 มิลลิกรัม วิตามินซี 4 มิลลิกรัม และให้พลังงาน 44 กิโลแคลอรี ในการกินนั้น แนะนำให้กินกล้วยไข่แทนข้าวได้ 2 ผล เด็กกินได้ 1-2 ผล จะต้องลดปริมาณข้าวลง เพราะกล้วยไข่ 2 ผลเท่ากับข้าว 1 ทัพพี
• แพทย์แผนไทยแนะใช้รสชาติอาหาร
ปรับสมดุลร่างกายช่วงปลายฝนต้นหนาว
นายแพทย์สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เตือนว่าในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ อยากแนะนำให้ประชาชนได้ใช้สมุนไพรใกล้ตัวสำหรับดูแลสุขภาพ ด้วยผักพื้นบ้านอาหารเป็นยา ตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทยจะใช้รสชาติของอาหารเป็นยาช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้พร้อมรับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
โดยรสยาที่ใช้ในฤดูหนาว คือ รสเปรี้ยว รสขม และรสเผ็ดร้อน เพราะรสเปรี้ยวจะช่วยขับเสมหะ รสขมช่วยเจริญอาหารทำให้หลับง่าย ส่วนรสเผ็ดร้อนจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ขับลม ดังนั้น ช่วงหน้าหนาว ควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ เน้นรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อย และรสเผ็ดร้อน เช่น ต้มยำต่างๆ ในส่วนประกอบต้มยำจะมีสมุนไพรรสเผ็ดร้อน ได้แก่ ขิง ข่า ขมิ้น ตระไคร้ พริกใบกะเพรา มะกรูด พริก หัวหอม หัวกระเทียม เป็นต้น
• ออกกำลังกาย ลดความเสี่ยง
โรคนิ่วในถุงน้ำดี
โรคนิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากปริมาณโคเลสเตอรอลที่มีมากเกินไปในน้ำดี จนจับตัวรวมกันเป็นก้อนนิ่ว ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน
ผลการวิจัยของ ดร.ไมเคิล ลิทซ์ แมนน์ แห่งวิทยาลัยสาธารณสุขฮาร์วาร์ด ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ประเทศอังกฤษ ระบุว่า ผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอวันละ 30 นาที จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ถึง 31% ส่วนคนที่นั่งๆนอนๆ มากกว่า 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยไม่ได้ออกกำลังกาย มีโอกาสผ่าตัดถุงน้ำดีมากกว่าคนที่หมั่นบริหารร่างกาย หรือเดิน ยืน มากๆ ถึง 132 เท่า เพราะการออกกำลังบริหารร่างกายจะช่วยลดโคเลสเตอรอลให้น้อยลง ซึ่งเป็นการตัดปัจจัยสำคัญของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
• กรมอนามัยแนะ 7 ขั้นตอน
ล้างมือปลอดเชื้อโรค
นายแพทย์ธีรพล โตพันธานนท์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีโรคติดต่อหลายชนิดเกิดขึ้นใหม่ เช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้เกิดการตื่นตัวในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค มีการใช้อุปกรณ์เพื่อป้องกันโรคติดต่อเพิ่มขึ้น เช่น ผ้าปิดจมูก ถุงมือ แต่หากพิจารณาถึงความคุ้มค่าจากวิธีการดังกล่าว จะไม่มีวิธีใดที่ดีไปกว่าการล้างมือด้วยสบู่ โดยล้างมือทุกครั้งหลังการไอหรือจาม การสัมผัสสิ่งสกปรกหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หลังออกจากห้องส้วม และก่อนรับประทานอาหาร เป็นต้น
ทั้งนี้ การล้างมือที่ถูกวิธีด้วยน้ำและสบู่มีด้วยกัน 7 ขั้นตอนคือ 1) ฝ่ามือถูกัน 2) ฝ่ามือถูหลังมือ 3) ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว 4) หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ 5) ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ 6) ปลายนิ้วมือถูขวางฝ่ามือ และ 7) ถูรอบข้อมือ โดยทุกขั้นตอนทำ 5 ครั้ง สลับกันทั้ง 2 ข้าง
• แมกนีเซียมจำเป็นต่อผู้สูงอายุ
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีอยู่จำนวนมากเป็นอันดับ 4 ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งครึ่งหนึ่งนั้นอยู่ในกระดูก
ฟิล เลมเพิร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารของสหรัฐฯ กล่าวว่า “แมกนีเซียมมีความสำคัญ เพราะร่างกายจำเป็นต้องใช้เพื่อช่วยให้การทำงานของกล้ามเนื้อและประสาทเป็นปกติ รักษาจังหวะการเต้นของหัวใจให้คงที่ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ความดันโลหิตปกติ และยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญอาหารและการสังเคราะห์โปรตีน”
นอกจากนั้น แมกนีเซียมยังช่วยบรรเทาความเครียด ดีต่อสุขภาพผู้หญิง เสริมสร้างพลังงาน การนอนหลับ สุขภาพหลอดเลือดหัวใจ และอื่นๆ
ในผู้สูงอายุ การดูดซึมแมกนีเซียมจะลดลงและไตจะขับแมกนีเซียมออกจากร่างกายเพิ่มมากขึ้น และผู้สูงอายุมักทานยาที่มีปฏิกิริยาต่อแมกนีเซียม ดังนั้น เมื่อร่างกายมีแมกนีเซียมไม่เพียงพอ จะทำให้หมดแรง กล้ามเนื้อเกร็ง ปวดศีรษะ ฉุนเฉียวง่าย นอนไม่หลับ หัวใจเต้นผิดปกติ และกระวนกระวาย
สำหรับอาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม ได้แก่ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว ผักสีเขียว ผักใบเขียวแก่ เมล็ดฝักทอง ผักขม ถั่วเหลือง เมล็ดงา ถั่วดำ เมล็ดฝ้าย ถั่วแดง และช็อกโกแลต
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 143 พฤศจิกายน 2555 โดย ธาราทิพย์)