ทุบกุญแจนำพ่ออดีตนักยกน้ำหนักส่ง รพ. - ลูกชายรับอยู่ร่วมชายคากับเมียลำบาก

ลำปาง - เจ้าหน้าที่ทุบกุญแจประตูบ้าน นำ “อำพล ภาคสุโพธิ์” พ่ออดีตนักยกน้ำหนักทีมชาติไทยออกจากบ้าน ส่งเข้า รพ.ลำปาง แล้วก่อนจะหาทางออกว่าหลังจากหายป่วยจะให้ไปพักอยู่ที่ไหนต่อ ขณะที่ลูกชายยอมรับเอาไปอยู่บ้านร่วมชายคากับภรรยาลำบาก ยันไม่ได้ทิ้งพ่อ ส่วนพี่สาวอยู่ กทม.ไม่ได้มาดู แต่ส่งเงินมาให้บางครั้ง

วันนี้ (17 ต.ค. 55) นายสมชาย อำพันกาญจน์ ปลัดอาวุโส พร้อมด้วยนายพรนิมิตร สายเทพ ปลัดอำเภอเมืองลำปาง อสม.บ้านดงสันเงิน ผู้นำท้องถิ่น และพยาบาลจากโรงพยาบาลสวนปรุง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนำโดย น.ส.เสาวณี อิกัน พยาบาลวิชาชีพ, นางกรภัทร สิมะวงศ์ พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลลำปาง, นางสุจิตรา อาจิริยะ นักวิชาการสาธารณะสุขจังหวัดลำปาง และพยาบาลจาก รพ.สต.ม่วงแงว ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง รวมทั้งนายศักดา ภาคสุโพธิ์ หรือโอ๋ ได้เข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 550 ซึ่งนายโอ๋ นำบิดาคือนายอำพล ภาคสุโพธิ์ ชายชราวัย 65 ปี ที่ป่วยด้วยโรคความจำเสื่อมมาพักอาศัยอยู่เพียงลำพังแล้วล็อกกุญแจด้านนอก เจาะช่องให้โผล่ศีรษะออกมาได้เท่านั้น

เจ้าหน้าที่ต้องทุบลูกกุญแจที่ปิดล็อกประตูหน้าบ้านออก เนื่องจากนายศักดา หรือโอ๋ บุตรชาย บอกว่าไม่มีกุญแจไข หลังจากนั้นจึงพานายอำพลออกมานั่งที่ระเบียงหน้าบ้าน ก่อนที่นายอำพลจะบอกว่าหิวข้าวอยากกินลาบเนื้อ นายโอ๋ลูกชายจึงได้ออกไปซื้อและป้อนอาหารให้พ่อ เมื่อแพทย์มาถึงจึงได้เข้าตรวจร่างกายพบว่ามีความดันสูงเล็กน้อย

ส่วนข้อมูลประวัติคนไข้พบว่า ล่าสุดเมื่อปี 54 ญาติเคยพานายอำพลไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลสวนปรุง แพทย์ให้ยาเกี่ยวกับความจำเสื่อม และยาเกี่ยวกับจิตแบบอ่อนๆ มาให้กิน หลังจากนั้นผู้ป่วยก็ไม่ได้ติดต่อทางโรงพยาบาลอีกเลย

เจ้าหน้าที่พยาบาลที่เข้าร่วมตรวจสอบได้บอกว่า นายอำพลเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อม ซึ่งก็จะหลงลืม ทำอะไรซ้ำไปซ้ำมา บางครั้งจะเอะอะโวยวายบ้างหากไม่ได้ดังใจ ก็ถือเป็นปกติ แต่เท่าที่ดูนายอำพลไม่ได้ก้าวร้าว สามารถอยู่ในชุมชนได้ แต่ต้องมีคนดูแล และคอยให้กินยาตามกำหนด แต่ที่มีอาการขึ้นมาก็เพราะนายอำพลขาดการกินยามาแล้วประมาณ 2 ปี

ดังนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงขอให้พยาบาลได้นำตัวนายอำพลไปตรวจรักษาให้มีอาการดีขึ้นก่อน เนื่องจากไม่มีคนคอยดูแล และเมื่ออาการดีขึ้นแล้วจะให้นายอำพลไปพักอยู่ที่ไหนก็จะได้ประสานงานกันอีกครั้ง ซึ่งอาจจะนำไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชราก็เป็นได้

ส่วนนายศักดา ลูกชายได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนใหญ่ตนเองจะเป็นคนดูแลพ่อ ส่วนพี่สาว คือ เอ-อภิญญา ภาคสุโพธิ์ จะอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่ผ่านมาตนไม่ได้ทิ้งพ่อ เพิ่งนำพ่อมาอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวได้เพียง 1 ปีเศษ ไม่ใช่ 7-8 ปีอย่างที่เป็นข่าว โดยก่อนหน้านี้พ่อทำงานอยู่ที่กรมทรัพยากรธรณีที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากที่พ่อมีความผิดปกติทางสมองหลงๆ ลืมๆ ซึ่งขณะนั้นอายุประมาณ 58 ปี ทางกรมฯ จึงโทรศัพท์บอกให้ญาติเดินทางไปรับตัวกลับมารักษาที่บ้าน โดยตนก็นำพ่อมาอยู่ด้วยที่ จ.ลำปาง

เมื่อมาถึงบ้านที่ลำปาง ตนก็พาพ่อไปอยู่ด้วยกันซึ่งตนมีครอบครัวและลูก ทั้งต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติของภรรยา แต่พ่อมักจะส่งเสียงดังจนภรรยาของตนเองกลัว และจะเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้พาพ่อมาอยู่บ้านหลังดังกล่าว โดยตนจะเอาข้าวมาให้พ่อทุกวันๆ ละ 1 ครั้ง เนื่องจากต้องทำงานไม่มีเวลามาดูแลพ่อได้ตลอดทั้งวัน และจะมาเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านสัปดาห์ละครั้ง

สำหรับค่าใช้จ่ายในการหาอาหารมาให้พ่อก็มาจากเงินบำนาญของพ่อที่ได้รับเดือนละประมาณ 8,000 กว่าบาท ซึ่งจะโอนเข้าบัญชีของพ่อ แต่ตนจะเป็นคนไปกดเงินผ่านทางตู้เอทีเอ็มมาใช้จ่ายและเลี้ยงดูพ่อ ส่วนเรื่องที่นอนตนซื้อเตียงผ้าใบมาให้ พ่อก็ทำพัง ซื้อที่นอนมาให้ก็ฉี่ใส่ ต้องเอาออกไปทิ้งไว้ข้างนอก

“เรื่องที่ผมไม่ยอมพาพ่อไปรักษาที่เชียงใหม่นั้น ไม่ความเป็นจริง เคยพยายามพาพ่อไป ซึ่งต้องขึ้นรถโดยสารไป แต่พ่อก็ไปฉี่ไปตดบนรถ ผมเกรงใจผู้โดยสารคนอื่นๆ บนรถจึงต้องพากลับบ้าน และนำพ่อมาไว้ในบ้านแบบนี้ ส่วนพี่สาวคือ เอ-อภิญญา ภาคสุโพธิ์ ซึ่งเป็นอดีตนักยกน้ำหนักทีมชาติไทยนั้นก็ไม่ได้มาดูพ่อ เพราะอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็เคยส่งเงินมาให้บ้างเป็นครั้งคราว”

เมื่อถามว่าได้ปรึกษากับพี่สาวเรื่องการพาพ่อไปรักษาไหม นายศักดากล่าวว่า ได้พูดคุยกันแต่ช่วงนี้ตนไม่มีเวลา ลางานไม่ได้ จึงต้องรอเวลา แต่ก็ตั้งใจจะส่งพ่อไปรักษาที่เชียงใหม่เช่นกัน

เมื่อถามว่าหากหมอรักษาพ่อให้อาการดีขึ้นสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พูดจารู้เรื่องแล้วจะสามารถนำพ่อไปอยู่ด้วยได้หรือไม่ นายศักดากล่าวว่า ไม่สามารถพาพ่อไปอยู่ด้วยได้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ภรรยากับพ่ออยู่ด้วยกันไม่ได้ และปัจจุบันบ้านที่ตนเองอยู่ก็ต้องอาศัยญาติของภรรยาจึงเป็นเรื่องที่ลำบาก

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยนายศักดาได้นำตัวนายอำพลขึ้นรถไปรักษาที่โรงพยาบาลลำปางแล้ว

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :
1.ช็อก! อดีตนักยกน้ำหนักขังพ่อ 7 ปี เจาะช่องให้โผล่แต่หัว
2.กรมทรัพย์มอบเงินช่วย “พ่ออดีตนักยกน้ำหนักทีมชาติ” ถูกขังในบ้าน 7 ปี แต่ลูกยังไม่โผล่