ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 10 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 2 ทีฆนิกาย มหาวรรค หน้าที่ 135-136 ข้อที่ 131 ปรากฏข้อความตอนหนึ่ง ถึงตอนก่อนที่พระผู้มีพระภาคจะเสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น พระอานนท์ พุทธอุปัฏฐากได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาค ความว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อก่อนพวกภิกษุผู้อยู่จำพรรษาในทิศทั้งหลายย่อมมาเพื่อเฝ้าพระตถาคต พวกข้าพระองค์ย่อมได้เห็น ได้เข้าไปนั่งใกล้ภิกษุเหล่านั้นผู้ให้เจริญใจ ก็โดยกาลล่วงไปแห่งพระผู้มีพระภาค พวกข้าพระองค์จักไม่ได้เห็น ไม่ได้เข้าไปนั่งใกล้ พวกภิกษุผู้ให้เจริญใจ”
พระพุทธเจ้าจึงตอบพระอานนท์ว่า “ดูกรอานนท์ สังเวชนียสถานสี่แห่งเหล่านี้ เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา คือ
1. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา ด้วยมาตามระลึกว่าพระตถาคตประสูติในที่นี้
2. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา ด้วยมาตามระลึกว่าพระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้
3. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา ด้วยมาตามระลึกว่าพระตถาคตทรงยังอนุตตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้
4. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา ด้วยมาตามระลึกว่าพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้
สังเวชนียสถานสี่แห่งนี้แลเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา
ดูกรอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จักมาด้วยความเชื่อว่าพระตถาคตประสูติในที่นี้ก็ดี พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ก็ดี พระตถาคตทรงยังอนุตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ก็ดี พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้ก็ดี ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์”
สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งคือ สถานที่ประสูติ ปัจจุบันอยู่ในประเทศเนปาล สถานที่ตรัสรู้ ปัจจุบันคือพุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่แสดงปฐมเทศนา ปัจจุบันเรียกว่าสารนาถ อยู่ในเมืองพาราณสี ส่วนสถานที่ปรินิพพาน ปัจจุบันอยู่ที่กุสินารา สถานที่ทั้ง 4 แห่งได้รับการบูรณะไว้ในฐานะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา
คำถามที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ท่าน ก่อนการเดินทางไปอินเดีย โดยเฉพาะการไปสังเวชนียสถานนั้น มีมากมาย อาทิ ไปทำไม? ไปแล้วจะได้อะไร? ไปแล้วจะเปลี่ยนชีวิตได้หรือไม่? ได้บุญกลับมาเยอะไหม? ฯลฯ
ส่วนตัวแล้ว คำตอบของผู้เขียนต่อการเดินทางไปอินเดีย คือ อินเดียมิได้เป็นดินแดนที่เริ่มต้นด้วยการรับ หากแต่เป็นการไปเพื่อลด ละ เรียน รู้ แล้วสุดท้ายค่อยรับ.. กลับมา
แค่เริ่มคิดว่าจะไปอินเดีย ก็ต้องหัดลดและละ อะไรหลายๆอย่าง ในกายและในใจของตนเอง ก่อนที่จะแบกกระเป๋าเดินเข้าประตูผู้โดยสารขาออกที่สนามบินสุวรรณภูมิ เห็นไหมครับว่า แค่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ยังไม่ทันถึงอินเดีย ก็ได้ปฏิบัติธรรมกันแล้ว
พอไปถึง หลายท่านคงคิดเช่นเดียวกันว่า เรื่องแรกที่ต้องเผชิญคือ "ขอทานที่อินเดีย" ... พบแล้วพลอยให้ได้เรียนรู้ที่จะตระหนักว่า “ชีวิตมนุษย์นั้นหลากหลาย”
แต่เหนืออื่นใด การไปอินเดีย คือการไปเรียนรู้ตามรอยพระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจะได้มีโอกาสสัมผัสถึงบรรยากาศการบำเพ็ญบารมี อย่างเช่นที่พุทธคยา ภายในปริมณฑลต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา และพระมหาเจดีย์ศรีพุทธคยา อันสูงตระหง่านเป็นสักขีพยาน ณ สถานที่ตรั สรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ บริเวณรอบสถูป มีคนไปปักกลดเพื่อนั่งเจริญภาวนาเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ภายในพระมหาเจดีย์พุทธคยา ยังเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระพุทธเมตตา่ พระพุทธปฏิมากรปางชนะมาร อายุ 1,400 ปีเศษ ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายจากน้ำมือกษัตริย์ฮินดูอย่างปาฏิหาริย์ ด้วยพระพักตร์ที่แสดงออกด้วยเมตตากรุณาอันเปี่ยมล้น ชาวพุทธทั่วโลกจึงต่างพากันเบียดเสียดเพื่อเข้าไปกราบไหว้บูชาสักครั้งหนึ่งในชีวิต
เรื่องการเรียนรู้ซึ่งศรัทธานี่ก็น่าทึ่งนะครับ คุณว่าไหม?
การไปอินเดียนอกจากจะไปเพื่อเรียนรู้ เพื่อไปเห็นแจ้งแล้ว ยังเป็นการไปเพื่อให้เกิดความสังเวชว่า พระโอรส พระราชา พระมหากษัตริย์ ผู้เป็นพระศาสดาเอกของโลก ก็ยังประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน และดับขันธปรินิพพานกลางดิน เช่นนี้แล้วชีวิตของปุถุชนอย่างเราๆ ล่ะ! โถ ... มันก็เท่านี้เอง
สังเวชนียสถานจึงเปรียบเสมือนแรงบันดาลใจ เป็นห้องเรียนธรรมะห้องใหญ่ในชีวิต และยังเป็นตัวเร้าที่ทำให้เราเข้าหาธรรมะได้อีกทางหนึ่ง
นี่คือสิ่งสำคัญที่จะได้รับจากการไปอินเดียกลับมา ...
ส่วนคำถามที่ว่า ไปอินเดียกลับมาแล้ว อินเดียจะเปลี่ยนชีวิตได้จริงหรือไม่ ... คุณเท่านั้นที่รู้
โครงการธรรมาภิวัตน์ สถานีโทรทัศน์ ASTV ขอเรียนเชิญร่วมเดินทางไปแสวงบุญ เนื่องในวโรกาสพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล สถานที่ประสูติ-ตรัสรู้–ปฐมเทศนา-ปรินิพพาน โดยมีพระธรรมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิสายพุทธภูมิ เป็นผู้บรรยายพุทธประวัติ นำสวดมนต์ภาวนา และปฏิบัติธรรมตลอดเส้นทาง และพระอาจารย์ชัยณรงค์ อุปสโม สำนักสงฆ์เขมาภิรโต จ.ราชบุรี ได้เมตตาร่วมนำภาวนาจิต ปฏิบัติธรรม ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ทั้ง 2 คณะ
คณะที่ 1 เดินทางวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 – 2 ธันวาคม 2555
คณะที่ 2 เดินทางวันที่ 29 ธันวาคม 2555 – 8 มกราคม 2556
* รายการพิเศษเพิ่มเติมสำหรับคณะที่ 2
เที่ยวชม ถ้ำอชันต้า อายุกว่า 2,000 ปี และกลุ่มถ้ำวิหารเอลโลร่า 34 ถ้ำ
สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่ง ได้ที่
โครงการธรรมาภิวัตน์ สถานีโทรทัศน์ ASTVโทร. 0-2629-2211 ต่อ 2421, 2423, 2493มือถือ 08-0810-4104
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 141 กันยายน 2555 โดย กานต์ จอมอินตา ผู้อำนวยการโครงการธรรมาภิวัตน์ สถานีโทรทัศน์ ASTV)