ข่าวสารผ่านโลก

อัญเชิญพระพุทธรูปไม้สน ในเหตุสึนามิญี่ปุ่นกลับวัด

• ญี่ปุ่น : พระไวโรจนพุทธะ พระพุทธรูปไม้เคลือบทองสูง 2.7 เมตร แกะสลักจากต้นสนที่โค่นล้มในเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม 2011 ได้กลับมาประดิษฐานภายในวัดกิโยมิซุ เมืองเกียวโต

พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวนั้น ทางวัดได้ขอให้วิทยาลัยศิลปะโบราณชั้นสูงแห่งเกียวโตแกะสลัก แต่ยังมิได้ลงมือก็เกิดสึนามิ โดยหลังเหตุการณ์ บรรดานักศึกษาได้นำไม้สนราว 30 ท่อนที่โค่นล้ม ในเมืองริคุเซนทากาตะ จังหวัดอิวาเตะ มาแกะสลัก

มีคนกว่า 10,000 คน รวมทั้งกษัตริย์และราชินีภูฏาน ซึ่งเสด็จเยือนญี่ปุ่นเมื่อปลายปี 2011 ร่วมกันแกะสลักพระพุทธรูปจนแล้วเสร็จ และอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่เมืองริคุเซนทากาตะ ในเดือนเมษายน 2012 เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัย และเป็นเสมือนสัญลักษณ์การฟื้นฟูเมืองที่ได้รับความเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม

ต่อมาในวันที่ 1 พฤษภาคม 2012 นักศึกษาราว 20 คนซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการแกะสลัก ช่วยกันอัญเชิญพระพุทธรูปเข้ามาประดิษฐานในพระอุโบสถวัดกิโยมิซุ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

(จาก Kyodo News)

เปิดวัดเซนใหญ่ที่สุดในยุโรป

• ฝรั่งเศส : เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2012 ได้มีพิธีเปิดวัดและศูนย์วัฒนธรรมในพุทธศาสนานิกายเซนมูลค่า 600 ล้านบาทอย่างเป็นทางการ ที่ชุมชนบุซซี่ เซนต์ จอร์จส์ ใกล้กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป

วัดดังกล่าวสามารถรองรับผู้มีจิตศรัทธา 1,000 คน มีห้องนอน 40 ห้องสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม ห้องสวดมนต์ ห้องทำสมาธิ วิปัสสนา ห้องอาหาร และห้องทำกิจกรรมอื่นๆ

โครงสร้างของวัดส่วนใหญ่ทำด้วยกระจก ไม้ และคอนกรีตหยาบ หลังคาตกแต่งเป็นสวน รายล้อมด้วยต้นไม้ บริเวณห้องโถงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สูง 16 ฟุต หนัก 8 ตัน แกะสลักจากหยกขาวจากพม่า

(จาก UPI)

รัฐบาลไต้หวันเตรียมสั่งห้ามปล่อยสัตว์สะเดาะเคราะห์

• ไต้หวัน : มีรายงานจากสมาคมสิ่งแวดล้อมและสัตว์แห่งไต้หวันเปิดเผยว่า ทุกๆปี บรรดาสัตว์ต่างๆหลายร้อยล้านตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลาและนกต้องตาย เนื่องจากพิธีกรรมของชาวพุทธที่เรียกว่า “ปล่อยสัตว์เอาบุญ” เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ โดยมีพิธีกรรมดังกล่าว 750 ครั้งเป็นประจำทุกปี

รัฐบาลไต้หวันจึงเตรียมออกคำสั่งห้ามการปล่อยสัตว์ เพราะเป็นการกระทำที่ส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม และสัตว์จำนวนมากถึง 200 ล้านตัวที่ถูกปล่อยทุกปี ต้องตายลงเพราะบาดเจ็บ หิวโหย และไม่ชินกับแหล่งที่อยู่ใหม่

หลิน เกาฉาง เจ้าหน้าที่จากสภาเกษตรกรรมกล่าวว่า มีทั้งกลุ่ม คนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ รวมทั้งมีการเสนอแก้ไขกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับปัจจุบัน ให้ผู้ที่ปล่อยสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับราว 2.6 ล้านบาท

(จาก AFP)

ขุดพบรูปหินแกะสลักเจ้าชายสิทธัตถะ

• อัฟกานิสถาน : ในปี 2010 ทีมนักโบราณคดีได้ขุดพบรูปหินแกะสลัก ภายในซากวัดพุทธแห่งหนึ่งที่บริเวณเมสไอนัค ในอัฟกานิสถาน โดยไม่ทราบว่าเป็นรูปใคร กระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ เจอราร์ด ฟัสมัน ศาสตราจารย์ของวิทยาลัยแห่งชาติของฝรั่งเศส ได้ระบุรายละเอียดไว้ในรายงานการศึกษาของเขาที่มีชื่อว่า “ประติมานวิทยายุคแรกของอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์”

โดยรูปปั้นดังกล่าวสูง 11 นิ้ว แกะสลักจากหินผลึกที่ไม่พบในบริเวณดังกล่าว เป็นรูปเจ้าชายประทับนั่งบนเก้าอี้หวายกลมใต้ต้นโพธิ์ โดยมีพระสงฆ์ยืนเคียงข้าง เมื่อดูจากเหรียญทองแดงที่พบตกอยู่ใกล้ๆ ฟัสมันประเมินว่ารูปปั้นมีอายุอย่างน้อย 1,600 ปี

เมื่อพิจารณาจากรูปสัญลักษณ์ของรูปปั้นดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นโพธิ์ ฟัสมันเชื่อว่า นี่คือรูปปั้นเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่วงต้นพระชนม์ชีพของพระองค์ เมื่อครั้งยังไม่ออกผนวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

(จาก LiveScience.com)

แองจินา โจลี ปรึกษาพระขอฤกษ์แต่งงานกับแบรด พิตต์

• สหรัฐอเมริกา : เมื่อเดือนมิถุนายน 2012 แองเจลินา โจลี ดาราฮอลลีวูดชื่อดังวัย 37 ปี ได้ขอฤกษ์แต่งงานจากพระสงฆ์

“ที่ผ่านมา แองเจลินา เคยปรึกษาพระเพื่อขอฤกษ์ดีๆ ในการทำเรื่องสำคัญๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องการไปหาหมอ เรื่องวันหยุดพักผ่อนของครอบครัว หรือแม้กระทั่งวันเปิดฉายภาพยนตร์ที่เธอแสดงนำ”

แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า “เธอเชื่อมั่นในเรื่องฤกษ์งามยามดี และอยากให้วันแต่งงานของเธอและแบรด พิตต์ เป็นวันมงคลที่ทำให้ชีวิตสมรสมีแต่ความสุข” ในขณะที่แบรด พิตต์ พระเอกคนดังแห่งฮอลลีวูดเห็นดีด้วย และบอกให้เธอค่อยๆ ใช้เวลาเฟ้นหาฤกษ์วันแต่งงาน

ปัจจุบัน ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน 8 ปี มีบุตร 6 คน

(จาก ANI)

อินเดียพิมพ์คัมภีร์พระสูตรโบราณ

• อินเดีย : คัมภีร์สัทธรรมปุณฑริกสูตรโบราณ ซึ่งเขียนขึ้นในศตวรรษที่ 5 มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าในช่วงปลายพระชนม์ชีพ ค้นพบโดยเหล่าคนเลี้ยงสัตว์แห่งกิลจิต (ปัจจุบันอยู่ในปากีสถาน) เมื่อปี 1931 คาดว่า เป็นคัมภีร์พุทธเพียงเล่มเดียวที่ค้นพบในอินเดีย ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรุงนิวเดลี

โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติร่วมมือกับสถาบันปรัชญาตะวันออกและสมาคมโซคา งักไก ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับจากองค์การสหประชาชาติ ได้นำสำเนาจากคัมภีร์ตัวจริงมาจัดพิมพ์เป็นหนังสือ

ศาตราจารย์มูเชอร์ อัล ฮาซาน ผู้อำนวยการทั่วไปของหอจดหมายเหตุฯ กล่าวว่า “การจัดพิมพ์เป็นหนังสือจะช่วยอนุรักษ์เอกสารล้ำค่าให้สืบทอดต่อไปยังอนุชนรุ่นหลัง และใช้เพื่อการศีกษาวิจัยในอนาคต”

เจ้าหน้าที่หอจดหมายเหตุฯเผยสาเหตุที่คัมภีร์โบราณดังกล่าวรอดพ้นมาได้หลายศตวรรษ เป็นเพราะเขียนลงบนเปลือกไม้เบิร์ช และถูกเก็บในอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาของเขต กิลจิต จึงไม่เน่าเปื่อย ผุพัง

อนึ่ง คัมภีร์สัทธรรมปุณฑริกสูตร เป็นหนึ่งในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ซึ่งแพร่หลายในทิเบต จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี และมองโกเลีย

(จาก BBC News)

จีนขุดพบซากวัดโบราณในทะเลทรายทากลามากัน

• จีน : เมื่อเร็วๆนี้ มีการขุดพบซากวัดพุทธที่มีอายุราว 1,500 ปี ในทะเลทรายทากลามากัน เขตปกครองตนเอง ซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดของจีน

นับเป็นหลักฐานอันทรงคุณค่าต่อนักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องการเผยแผ่ของพุทธศาสนาจากอินเดียสู่จีน

ดร.วู ซินหัว หัวหน้าโครงการขุดค้นทางโบราณคดี กล่าวว่า อุโบสถของวัดมีโครงสร้างที่พบไม่บ่อยนัก คือมีระเบียงรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสล้อมรอบ 3 ชั้น และมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยขุดพบ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาสำรวจพื้นที่นี้ในศตวรรษที่ 20

ซากวัดดังกล่าวตั้งอยู่ในแอ่งทาริม ทางใต้ของทะเลทรายทากลามากัน ที่รู้จักกันดีว่าเป็นโอเอซิสของอาณาจักรโบราณโขตาน ซึ่งเป็นแหล่งอารยธรรมพุทธย้อนหลังไป 300 ปี ก่อนคริสตกาล

เสี่ยว ฮัวหยัน หนึ่งในทีมนักขุดและอดีตนักวิจัยของสถาบันสังคมศาสตร์แห่งประเทศจีน บอกว่า อุโบสถที่มีระเบียงสี่เหลี่ยมจตุรัสล้อมรอบ มีรากฐานมาจากพุทธสถาปัตยกรรมยุคต้นๆของอินเดีย แต่ค่อยๆเลือนหายไปหลังยุคสมัยราชวงค์เหนือและใต้ (ค.ศ.420-589) เนื่องจากพุทธสถาปัตยกรรมเริ่มมีเอกลักษณ์เฉพาะของจีน

ดร.วู และทีมงาน เชื่อว่าวัดนี้สร้างในสมัยราชวงศ์เหนือและใต้ โดยพิจารณาจากโครงสร้างวัดและวัตถุโบราณที่ขุดพบ ปัจจุบันถือเป็นพุทธสถานที่ดีที่สุด ที่นักวิชาการจะได้ศึกษาการเผยแผ่พุทธศาสนาจากอินเดียสู่จีนและวิวัฒนาการในยุคแรก

เมื่อดูจากขนาดเสาของอุโบสถ ดร.วู คาดว่าพระพุทธรูปที่หายไปนั้น น่าจะมีความสูงอย่างน้อย 3 เมตร ซึ่งเท่ากับความสูงของอุโบสถ ระเบียงชั้นในสุดมีขนาด 6x6 เมตร ชั้นถัดมามีขนาด 10x10 เมตร ตัวอุโบสถมีพื้นที่ 256 ตารางเมตร

ตามผนังระเบียงเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังภาพพระพุทธบาท พุทธศาสนิกชน และสัตว์ที่เป็นมงคล วาดในแบบพุทธศิลป์เกรโก ซึ่งหาดูได้ยากในยุคหลังศตวรรษที่ 6 เป็นต้นมา

อีกทั้งยังพบซากปรักหักพังของบ้านเรือน เตาเผาอิฐ และเหรียญโบราณ ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของอุโบสถ อีกด้วย ซึ่ง ดร.วู เสริมว่า ในอนาคตจะต้องมีการขุดค้นหาห้องเก็บคัมภีร์ สถูป และบ้านเรือนของชาวพุทธ

(จาก Xinhua-ANI)

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 139 กรกฎาคม 2555 โดย เภตรา)