ข่าวสารบ้านเรา

• "พระราชินี" จะเสด็จฯเททองหล่อ
"พระพุทธเมตตาประชาไทยฯ"

สมเด็จพระนางเจ้าฯ บรมราชินีนาถจะเสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างฐานองค์พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และพิธีเททองชิ้นส่วนสำคัญขององค์พระเป็นปฐมฤกษ์ ในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2555 ณ วัดทิพย์สุคนธาราม ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี

ทั้งนี้ โครงการจัดสร้างพระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีวัตถุประสงค์สำคัญ 4 ประการ คือ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2554 เพื่อเป็นการรำลึกถึงสมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดที่จะสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ และเพื่อให้ชุมชนโดยรอบส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมส่งเสริมและทำนุบำรุงศาสนา ให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทย

โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์” ซึ่งมีความหมายคือ เป็นพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชนชาวไทยและชาวโลก เป็นพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่พึ่งของ 3 โลก อันได้แก่ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และยมโลก และเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระพุทธรูปแห่งบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน

พระพุทธเมตตาฯ เป็นพระพุทธรูปปางขอฝนประทับยืน หรือปางคันธารราฐ หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ สูง 32 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสูงประมาณ 8 เมตร ถือได้ว่าเป็น “พระพุทธรูปโลหะสัมฤทธิ์สูงที่สุดในประเทศไทย”

อนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 200,000 บาท เป็นปฐมฤกษ์ในการเริ่มโครงการฯ

• สธ. ถวายตู้ยาประจำวัดทั่วประเทศ
เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระบรมฯ

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2555 กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ และโรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย จัดทำโครงการถวายตู้ยาพร้อมยาสามัญประจำวัดและเวชภัณฑ์ ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ถวายให้วัดทั่วประเทศที่มีจำนวน 37,331 วัดใน 77 จังหวัด วัดละ 1 ตู้ ราคาตู้ละ 11,000 บาท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และเพื่อให้วัดมีตู้ยาไว้ดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นของพระภิกษุสงฆ์ และเพื่อให้พระสงฆ์เป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างของสังคม สามารถให้คำแนะนำแก่ประชาชนได้ถูกต้อง เป็นการส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางการศึกษาพุทธธรรมกับระบบบริการสาธารณสุขแบบองค์รวม

ภายในตู้ยาจะบรรจุยาสามัญ มีทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนไทย 53 รายการ นำมาใช้บำบัดรักษาโรคได้ 16 กลุ่ม เช่น อาการไข้หวัด ปวดศีรษะ โรคระบบทางเดินอาหาร โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการบริหารเวชภัณฑ์ให้พร้อมใช้ตลอดเวลา

• สุรินทร์ เตรียมจัดงาน"มหกรรมแห่เทียนพรรษา
และตักบาตรบนหลังช้าง" อย่างยิ่งใหญ่

นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง เป็นงานประจำปีที่มีความสำคัญอีกงานหนึ่งของสุรินทร์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา เพื่อส่งเสริมและสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา 28 กรกฎาคม 2555 จังหวัดสุรินทร์จึงกำหนดจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษา 85 ไอยรา และงานตักบาตรบนหลังช้างอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 1-2 สิงหาคม 2555 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์

สำหรับกิจกรรมในงาน ประกอบด้วย ขบวนแห่เทียนพรรษาด้วยขบวนช้าง ที่ประดับด้วยแสงไฟสวยงาม จำนวน 85 เชือก พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ การประกวดเทียนพรรษา ประกวดสวดมนต์สรภัญญะ และบรรยายธรรม โดยในวันที่ 2 สิงหาคม เวลา 07.00 น. จะมีพิธีตักบาตรบนหลังช้าง หนึ่งเดียวในโลก ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง

• คณะสงฆ์ และภาครัฐร่วมจัดงานใหญ่
"พุทธกิจ ๔๕ พรรษา อาสาฬหบูชาฯ"

คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ฯลฯ ได้ร่วมจัดงาน “สัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชา ธรรมยาตราคุ้มครองโลก” ถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในโอกาสครบ 2600 ปี แห่งการตรัสรู้

โดยมีการจัดนิทรรศการ “พุทธกิจ ๔๕ พรรษา อาสาฬหบูชาธรรมยาตราคุ้มครองโลก ๒๖๐๐ ปี สัมพุทธชยันตี” นิทรรศการที่จะชวนให้รู้เหตุอันใกล้และเหตุอันไกล กว่าจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องราวพุทธกิจและสถานที่อันมีอยู่จริงตลอด 45 พรรษา หลังพระพุทธองค์ “ตรัสรู้” จวบจน “ปรินิพพาน” และ 31 ภพภูมิที่เหล่าสัตว์ทั้งหลายยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ

รวมทั้งนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา และในโอกาสมหามงคลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา

ภายในงานจะมีการเทศน์มหาชาติ หล่อเทียนพรรษา การบรรยายธรรม พร้อมฉายวิดิทัศน์ การสวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตรทุกเย็น และเวียนเทียน ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึง 15 สิงหาคม 2555

• วางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงาน
ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2555 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยประมุขสงฆ์ ผู้นำชาวพุทธนานาชาติ และผู้มีเกียรติ ซึ่งมาเข้าร่วมประชุมชาวพุทธนานาชาติ ครั้งที่ 9 ได้ร่วมประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ก่อสร้างอาคารสำนักงานศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งถือว่าเป็นสำนักงานกลางพระพุทธศาสนาโลกแห่งแรก ทั้งนี้เพื่อเป็นการประกาศเริ่มต้นการดำเนินงานที่ “พุทธมณฑล” ประเทศไทย ได้รับการยอมรับให้เป็น “ศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก” จากมติการประชุมชาวพุทธนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลก ครั้งที่ 2 ที่พุทธมณฑล เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2548

อนึ่ง ปฏิญญากรุงเทพฯ 2555 ในการประชุมชาวพุทธนานาชาติ ครั้งที่ 9 เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก พุทธชยันตี ฉลอง 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ได้ระบุไว้ในข้อที่ 5 ว่า

เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และให้การสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ ในการตั้งศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก พวกเราจึงรับรองและยินดีต่อผลสำเร็จของการประชุมโต๊ะกลม ซึ่งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกันจัดขึ้น เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2555 ณ มหาาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ดำเนินการตามมติในการก่อตั้งศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสำหรับชาวพุทธโลก ณ พุทธมณฑล ให้เป็นจริงขึ้นมา พวกเราจึงบันทึกว่าได้ร่วมกันประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เพื่อสร้างอาคารของศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกขึ้น

• เตรียมเสนอ มส.ให้พระบวชใหม่
ต้องผ่านหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลางกล่าวว่า จากการที่มีนโยบายให้พระนิสิตที่จะเข้ารับการศึกษาต่อระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส จ.นครปฐม ต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานเป็น เวลา 1 เดือนก่อน ผลปรากฏว่า พระนิสิตที่ผ่านการอบรมหลักสูตรกรรมฐานแล้วเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโท 3 รุ่น มีความตั้งใจเรียน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีเยี่ยม ที่สำคัญ ส่งผลให้พระนิสิตเห็นความสำคัญของการปฏิบัติที่ต้องใช้ควบคู่กับปริยัติ

นอกจากนี้ ก่อนจบการศึกษา พระนิสิตจะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรกรรมฐาน 7 เดือนด้วย ทำให้มีพระนักปฏิบัติที่สามารถสอนกรรมฐานให้แก่พุทธศาสนิกชน และเป็นที่ต้องการของวัดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น

ดังนั้น จึงอยากจะขยายผลหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานไปยังกลุ่มของพระบวชใหม่ รวมทั้งพระสงฆ์ที่อยู่ในพรรษา ได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรระยะสั้น 7 วัน และหลักสูตร 1 เดือน เพื่อให้ได้เรียนรู้พื้นฐานการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยจะหารือกับมหาเถรสมาคม (มส.) ในการประกาศให้พระบวชใหม่ทั่วประเทศ จะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานทุกรูป ทั้งระยะสั้นหรือระยะยาว หากสามารถทำได้จะเกิดประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาบวช รวมทั้งยกระดับคุณภาพของพระสงฆ์ไทย ที่สำคัญจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 139 กรกฎาคม 2555 โดย กองบรรณาธิการ)