xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมะบันเทิง : Happy Feet Two เพนกวินกลมปุ๊ก ลุกขึ้นมาเต้น 2 สามัคคี คือ พลังเพื่อความอยู่รอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สิ่งมีชีวิตไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่ ล้วนมีความสำคัญและหน้าที่ที่แตกต่างกัน ดังนั้น ขนาดหรือเผ่าพันธุ์ จึงไม่ใช่ข้อจำกัดในการที่จะกระทำสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน สิ่งยิ่งใหญ่ที่เป็นไปได้ยาก ก็สามารถสำเร็จลุล่วงได้

หลังจากประสบความสำเร็จในภาคแรก Happy Feet ภาพยนต์แอนิเมชั่นน่ารักๆ ก็กลับมาในภาคต่อในชื่อ Happy Feet Two ว่าด้วยการผจญภัยของเพนกวินขนปุยอ้วนปุ๊กลุ๊กในขั้วโลกใต้อีกครั้ง โดยในภาคนี้เพนกวินนักเต้นตัวเอกอย่าง “มัมเบิล” เติบโตเป็นเพนกวินที่เป็นผู้นำ มีครอบครัวที่น่ารักกับ “กลอเรีย” เพนกวินสาวนักร้องเสียงดี พร้อมทายาทตัวน้อยชื่อ “อีริค”

อีริคมีปัญหาคล้ายพ่อ คือ ในภาคแรกมัมเบิลเป็นเพนกวินตัวเดียวที่ร้องเพลงไม่ได้ แต่เรื่องลีลาการเต้น แท็บนั้นไม่เป็นสองรองใคร จนได้รับการยอมรับ และทำให้เหล่าฝูงเพนกวินจักรพรรดิ กลายเป็นเพนกวินนักเต้นกันทุกตัว

แต่ทว่าเมื่อมาถึงรุ่นลูก อีริคกลับเต้นไม่ได้เหมือนพ่อ เมื่อถึงเวลาที่ฝูงเพนกวินพากันเต้นรำสนุกสนาน เจ้าเพนกวินตัวจิ๋วกลับเต้นแบบเก้ๆกังๆ หกล้มหัวคะมำเป็นที่ขบขัน จนอีริคขวัญเสีย หนีออกไปผจญโลกกว้างกับลุง “เรมอน” เพนกวินพันธุ์อื่น โดยมีเพนกวินน้อยเพื่อนซี้ “โบ” กับ “แอตติคัส” ตามไปด้วย

เรมอนเดินทางไปเรื่อยๆ เพื่อไปเข้าฝูงเพนกวินพันธุ์เดียวกับตน แล้วก็พบว่า ตอนนี้ที่ฝูงมีขวัญใจตัวใหม่ ชื่อ “สเวน” ซึ่งเป็นเพนกวินบินได้ (แต่ความเป็นจริงแล้ว Sven เป็นนกพันธุ์ Puffin)

อีริคทึ่งกับความสามารถของสเวนมาก จนเกิดแรงบันดาลใจว่า สักวันเพนกวินต้องบินได้ และขอให้สเวนเล่าที่มาของการผจญภัยให้ฟัง ซึ่งเพนกวินขวัญใจสาวๆ ก็เล่าว่า เขาบินเร่ร่อนจนไปเจอกับเอเลี่ยนส์ (มนุษย์) ซึ่งนำเขาไปเลี้ยงดู จนกระทั่งได้เจอกับ “เลิฟเลซ” เพนกวินผู้นำของเผ่าพันธุ์เพนกวินตัวเล็ก และต่างก็ดูมีความสุขกันดี แต่ในวันหนึ่งสเวนเห็นมนุษย์กำลังกินไก่ย่าง จึงตกใจมากจนต้องหลบหนีออกมา และกลายเป็นขวัญใจของฝูงเพนกวินพันธุ์เล็ก

อีริคตื่นเต้นกับจินตนาการไร้ขีดจำกัดได้ไม่นาน มัมเบิลก็เดินตามหาลูกชายกับเพื่อนๆจนพบ และพาเพนกวินน้อยทั้งสามกลับฝูงเพนกวินจักรพรรดิ โดยระหว่างทางก็ได้เจอกับสิงโตทะเลตัวใหญ่ยักษ์ ที่กำลังพาลูกๆกลับบ้านเช่นกัน แต่เนื่องจากเส้นทางน้ำแข็งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงเกิดเหตุไม่คาดฝัน สิงโตทะเลตกลงไปในก้นเหว มัมเบิลจึงใช้ความกล้าหาญ และความชาญฉลาดของตน ช่วยสิงโตทะเลรอดพ้นวิกฤตออกมา และกลับบ้านพร้อมกับลูกๆ ได้

ทว่าเพนกวินทั้ง 4 ชีวิต ต้องมาพบกับความจริงที่น่าตกใจ เมื่อพบว่าภูเขาน้ำแข็งเกิดการเปลี่ยนแปลงและพังทลายมาปิดทางเข้าออกของฝูงเพนกวินจักรพรรดิทั้งหมด ทำให้ฝูงเพนกวินนับพันตัวติดอยู่ในกำแพงภูเขาน้ำแข็ง

มัมเบิลต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการออกไปหาปลา มาโยนให้ครอบครัวเพนกวินด้านล่างภูเขาน้ำแข็งได้กิน ลำพังเขาเพียงตัวเดียวคงไม่สามารถเลี้ยงชีวิตเพนกวิน นับพันตัวแบบนี้ต่อไปได้ ดังนั้น “โบ” เพนกวินตัวอ้วน จึงอาสาไปขอความช่วยเหลือจากเพนกวินพันธุ์เล็ก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ เมื่อเหล่าเพนกวินต่างพันธุ์ ทยอยกันมาจับปลา เพื่อช่วยเหลือฝูงเพนกวินจักรพรรดิให้รอดตาย โดยมีสเวนเป็นผู้นำในการทำงาน

ดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง เมื่อเรือของคนผ่านมาพอดี เลิฟเลซซึ่งเคยถูกคนจับไปเลี้ยง จึงอาสาไปเต้นรำเรียกร้อง ความสนใจ เพื่อให้คนในเรือแวะเข้ามาดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับฝูงเพนกวินจักรพรรดิ เมื่อหลายคนเห็นสภาพแล้ว จึงพากันมาช่วยตอกน้ำแข็ง สร้างทางเดินให้เพนกวินไต่ขึ้นจากหุบเขาน้ำแข็งที่ล้อมรอบได้ แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผันอีกครั้ง เมื่อพายุหิมะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคนต้องถอนกำลังออกไป และภายหลังจากพายุสงบ ทะเลที่เคยเป็นสีครามก็กลายเป็นน้ำแข็งขาวโพลน นั่นหมายถึง ไม่มีมนุษย์คนใดจะเดินทางเข้ามาช่วยเหลือได้อีกเลย

เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นลบอีกครั้ง มัมเบิลจึงตั้งสติและคิดได้ จึงชวนเพนกวินพันธุ์เล็กช่วยกันเต้นรำ กระทืบเท้าแรงๆลงไปบนก้อนภูเขาน้ำแข็ง เพื่อให้พังทลายลงไป ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้ฝูงเพนกวินจักรพรรดิหลุดพ้นออกมาจากหุบเขาน้ำแข็ง

แรงกระทืบ แรงเต้นของเหล่าเพนกวิน ทำให้ภูเขาน้ำแข็งสะเทือนและพังลงมาส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่มากพอ ขณะที่เรี่ยวแรงในการเต้นก็อ่อนล้าลงไป จนสุดท้ายมัมเบิลกับอีริคก็นึกถึงตัวช่วยสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาครั้งนี้ได้ นั่นคือ สิงโตทะเล

สองพ่อลูกเดินทางไปที่ฝูงสิงโตทะเล และเจอสิงโตทะเลจ่าฝูงตัวใหญ่ที่ทั้งสองเคยช่วยชีวิตไว้ แต่มันกำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้เพื่อประกาศอาณาเขต จึงปฏิเสธไป ทำให้อีริคไม่พอใจและร้องเพลงออกมาได้เป็นครั้งแรก โดยเนื้อเพลงบรรยายถึงความมุ่งมั่นที่น่าภูมิใจของพ่อตนเอง ที่ไม่เคยย่อท้อ และยังเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือสิงโตทะเลมาก่อน แต่กลับได้รับการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

สุดท้ายจ่าฝูงสิงโตทะเลจึงคิดได้ และยินยอมไปช่วยเหลือ จนนำไปสู่ปฏิบัติการการเต้นของมิมเบิล เหล่าเพนกวินพันธุ์เล็ก และฝูงสิงโตทะเลตัวยักษ์ จนกระทั่งภูเขาน้ำแข็งก้อนมหึมา ถล่มลงเป็นเส้นทางให้เพนกวินจักรพรรดินับพันรอดตายออกมาได้ในที่สุด

ข้อคิดจาก Happy Feet Two อย่างแรกที่ชัดเจนในช่วงท้าย คือ “ความสามัคคี” ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการทำงานเพื่อให้สำเร็จลุล่วง โดยมีพุทธสุภาษิตที่เกี่ยวข้องกับ ความสามัคคีจำนวนมาก เช่น สามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข, ความเพียรของหมู่ชนผู้พร้อมเพรียงกันทำให้เกิดสุข, ความพร้อมเพรียงของปวงชนผู้เป็นหมู่ ยังความเจริญให้สำเร็จ เป็นต้น เหล่านี้ล้วนตอกย้ำว่าความสามัคคีนั้น เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการกระทำการงานให้สำเร็จและเกิดสุข

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสอดแทรกเรื่องการไม่แบ่งชั้น วรรณะ หรือเผ่าพันธุ์ ขอเพียงให้เกิดเป็นความสามัคคีร่วมกัน ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ย่อมทลายกำแพงแห่งอุปสรรคได้ไม่ยาก

ข้อคิดหลักธรรมสำคัญอีกประการ คือ “การเห็นประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน” ซึ่งเห็นได้ชัดจากจ่าฝูงสิงโตทะเล ซึ่งตอนแรกให้ความสำคัญกับการประลองกำลังในฝูงของตน โดยละเลยชีวิตนับพันที่กำลังเผชิญหน้ากับความหิวโหย แต่เมื่อได้สติคิดว่า เพนกวินตัวเล็กๆก็เคยเสียสละ และสามารถช่วยชีวิตตนเอาไว้ได้ จึงตัดสินใจละจากประโยชน์ส่วนตน ไปช่วยเหลือผู้อื่น

มนุษย์เราก็ไม่ต่างกัน หากตรองดูแล้วว่า การอันใดมีความสำคัญกว่า โดยเฉพาะเรื่องของส่วนรวม ควรละประโยชน์ส่วนตนไว้ชั่วครู่ แล้วแบ่งกำลังกายกำลังใจไปสร้างประโยชน์แก่คนหมู่มาก เพราะเราต้องอยู่ร่วม และพึ่งพาผู้อื่นในสังคมเดียวกันไม่วันนี้ก็วันหน้านั่นเอง

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 133 มกราคม 2555 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)





กำลังโหลดความคิดเห็น