มหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่มวลน้ำมหาศาลได้ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางหลายจังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล กินเวลายาวนานตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคมปีที่แล้ว สร้างความเสียหายอย่างมหันต์ให้เกือบทุกภาคส่วน มีคนหลายล้านครัวเรือนได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นชีวิต อาคารบ้านเรือน ทรัพย์สินต่างๆ ฯลฯ
แม้รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย เพื่อแบ่งเบาภาระให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทว่าความสูญเสียทางจิตใจนั้น มิอาจประเมินเป็นตัวเลขได้ กลายเป็นฝันร้ายที่ทำให้หลายคนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ไร้ความสุข
แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป... มีเพียงตัวคุณเองเท่านั้น ที่จะฝ่าฟันไปให้ได้
7 หนทางต่อไปนี้ เป็นเรื่องง่ายๆและทำได้จริง ซึ่งจะช่วยสร้างความสุขให้คุณอย่างเร่งด่วนในปีใหม่นี้
1. อยู่กับปัจจุบันขณะ
คนส่วนใหญ่มักติดอยู่กับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำอันปวดร้าว หรือจินตนาการถึงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทว่าข้อดีก็ยังพอมี คือ เรื่องในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนเรื่องอนาคตก็ยังมาไม่ถึง
การอยู่กับปัจจุบันขณะ จะช่วยให้คุณตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ เวลานั้น อันจะส่งผลต่อร่างกาย ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้น แม้ว่าตอนนั้นคุณจะรู้สึกแย่ๆอยู่ก็ตาม
ที่สำคัญ จงตระหนักรู้และยอมรับถึงความรู้สึกไม่ดีนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่พยายามปฏิเสธและฝังกลบมันด้วยการหันไปเที่ยวเตร่ กิน ดื่ม สูบบุหรี่ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้คลายทุกข์ได้อย่างแท้จริง
2. ทะนุถนอมความสัมพันธ์
ให้จินตนาการว่า หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด ใช่เงินหรือเปล่า หรือความรู้สึกดีๆที่คุณได้ทำงานที่แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบมาจน 30 ปีแล้ว หรือดีใจที่มีครอบครัวที่อบอุ่นหรือเพื่อนดีๆอยู่เคียงข้าง ฯลฯ
เมื่อเหลือเวลาเพียง 24 ชั่วโมงบนโลกใบนี้ คุณจะรู้ซึ้งว่า ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวต่างหากที่สำคัญที่สุด แม้เรื่องราวความสำเร็จในชีวิตจะทำให้คุณรู้สึกดีได้ แต่ไม่นาน... มันก็จะผ่านไป
ฉะนั้น คุณจึงควรจัดลำดับเรื่องสำคัญในชีวิต ลองค้นหาสิ่งที่มีความสำคัญต่อคุณจริงๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสุขให้คุณอย่างเหลือเชื่อ เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะคุณมีสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่มี นั่นคือ “การให้ความสำคัญ” นั่นเอง
3. มีเมตตากรุณา
จำประสบการณ์ที่คุณเคยให้สิ่งของหรือช่วยเหลือผู้อื่น หรือตัวคุณเคยได้รับจากคนอื่น.. บ้างมั้ย เป็นความรู้สึกดีๆ ใช่หรือเปล่า แน่นอน...คุณย่อมไม่ปฏิเสธว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ดี เพราะการเป็นผู้ให้หรือผู้รับ ล้วนก่อให้เกิดความสุขทั้งสิ้น
ความเมตตากรุณานั้น หากคุณไม่เคยฝึกการเป็นผู้ให้มาก่อน อาจเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อคุณเป็นผู้ให้หรือช่วย เหลือผู้อื่นจนเคยชิน ความเมตตากรุณานี้จะถูกฝังอยู่ในจิตใจของคุณอย่างไม่เสื่อมคลาย นึกถึงคราใดก็สุขใจทุกครั้ง
มีคำกล่าวว่า “คุณให้อะไรไป ก็จะได้สิ่งนั้นกลับคืนมา” เช่น เมื่อคุณยิ้มให้คนอื่น คนนั้นก็จะยิ้มตอบคุณ หรือ “ยิ่งให้ ยิ่งได้” สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ คงต้องลองค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
4. ทำในสิ่งที่รัก
บางคนอาจโชคดี ได้ข้อคิดดีๆ และค้นพบตัวเองจากการอ่านหนังสือ ฟังการบรรยาย และจากการดูหนังฟังเพลง ซึ่งบางเรื่องนับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง
เคล็ดลับในเรื่องนี้คือ จงแสวงหาไปเรื่อยๆ อย่าหยุดจนกว่าจะพบสิ่งที่ “ใช่” สำหรับคุณ เพราะเมื่อได้ทำในสิ่งที่รักชอบ ชีวิตของคุณจะเริ่มเปลี่ยนแปลง คุณจะรู้สึกสนุกและมีความสุขกับการทำงานมากยิ่งขึ้น แต่ปัญหามักเกิดตรงที่ต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง และเริ่มสงสัยว่า จะคุ้มมั้ยกับการเสียเวลาค้นหาตนเอง
แต่เชื่อเถอะ... คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะคุณจะมีความสุขได้ทุกวัน
5. รู้จักยืดหยุ่น
เมื่อคุณได้ตั้งเป้าหมายบางสิ่งบางอย่างในชีวิตแล้ว สิ่งที่ควรทำคือ ต้องลงรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่า ต้องทำอย่างไร เสร็จเมื่อไหร่ เป็นต้น แต่ก็ต้องมีความยืดหยุ่นบ้าง ไม่ยึดติดในเป้าหมายจนเกินไป
คุณต้องพร้อมเปิดรับความเป็นไปได้ทั้งหลายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง เพราะไม่แน่ว่า คุณอาจปิ๊งไอเดียใหม่ๆ ซึ่งทำให้แผนการณ์ที่วางไว้แต่เดิม ต้องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
และเมื่อไม่ยึดติดกับเป้าหมายที่วางไว้แต่แรก คุณก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างสบายใจ อันจะทำให้คุณมีีความสุขมากขึ้น และส่งผลต่อเนื่องไปยังงานที่คุณทำ ให้มีโอกาสสำเร็จมากขึ้นด้วย
6. เตรียมพร้อมรับความตาย
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของชีวิต ฉะนั้น ความตายจึงเป็นเรื่องที่หลีกไม่พ้น เราอาจตายได้ทุกขณะ ฟังดูแล้ว.. ช่างเป็นเรื่องน่ากลัวเสียจริงๆ
แต่การฝึกเจริญมรณานุสติ จะช่วยให้เราโฟกัสเฉพาะเรื่องสำคัญในชีวิต และช่วยขจัดความกลัวทั้งหลายในใจให้หมดไป คุณจะรู้ว่า แท้จริงแล้ว คุณต้องการทำอะไร
และอะไรคือข้ออ้าง ความกลัว และอุปสรรค ที่จะหยุดยั้งคุณไม่ให้เดินหน้าต่อไป และจะมีวิธีใดที่จะเอาชนะมัน เพื่อคุณจะได้ทำตามเสียงเรียกร้องภายในใจ
หากสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ คุณจะพบว่า ตัวเองมีพลังที่จะเริ่มต้นทำงานได้อีก และเมื่อคุณทำตามเสียงของหัวใจ คุณจะทำงานอย่างสนุกและมีความสุขยิ่งขึ้น
7. ทำตามหัวใจปรารถนา
และทั้งหมดนี้ ก็นำมาสู่เรื่องสุดท้าย..
มีคนจำนวนมากที่ใช้ชีวิตเสมือนหุ่นยนต์ ไร้อารมณ์ความรู้สึก และที่น่ากลัวคือ ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ เพราะถูกตั้งโปรแกรมให้เป็นตรรกะ ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลทุก (หรือเกือบทุก) ครั้งไป
เมื่อคุณใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งแล้วว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข และได้ทำตามนั้น คุณจะพบว่า ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ที่สำคัญคือ คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในคราเดียวกัน ขอให้เริ่มทำวันละนิด แล้วคุณจะประหลาดใจกับสิ่งดีๆที่ตามมา ซึ่งทำให้คุณมีความสุขอย่างยิ่ง
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว จะรออะไรอยู่เล่า เริ่มทำเสียแต่วันนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับตัวเอง
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 133 มกราคม 2555 โดย ประกายรุ้ง)
แม้รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย เพื่อแบ่งเบาภาระให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทว่าความสูญเสียทางจิตใจนั้น มิอาจประเมินเป็นตัวเลขได้ กลายเป็นฝันร้ายที่ทำให้หลายคนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ไร้ความสุข
แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป... มีเพียงตัวคุณเองเท่านั้น ที่จะฝ่าฟันไปให้ได้
7 หนทางต่อไปนี้ เป็นเรื่องง่ายๆและทำได้จริง ซึ่งจะช่วยสร้างความสุขให้คุณอย่างเร่งด่วนในปีใหม่นี้
1. อยู่กับปัจจุบันขณะ
คนส่วนใหญ่มักติดอยู่กับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำอันปวดร้าว หรือจินตนาการถึงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทว่าข้อดีก็ยังพอมี คือ เรื่องในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนเรื่องอนาคตก็ยังมาไม่ถึง
การอยู่กับปัจจุบันขณะ จะช่วยให้คุณตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ เวลานั้น อันจะส่งผลต่อร่างกาย ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้น แม้ว่าตอนนั้นคุณจะรู้สึกแย่ๆอยู่ก็ตาม
ที่สำคัญ จงตระหนักรู้และยอมรับถึงความรู้สึกไม่ดีนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่พยายามปฏิเสธและฝังกลบมันด้วยการหันไปเที่ยวเตร่ กิน ดื่ม สูบบุหรี่ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้คลายทุกข์ได้อย่างแท้จริง
2. ทะนุถนอมความสัมพันธ์
ให้จินตนาการว่า หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด ใช่เงินหรือเปล่า หรือความรู้สึกดีๆที่คุณได้ทำงานที่แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบมาจน 30 ปีแล้ว หรือดีใจที่มีครอบครัวที่อบอุ่นหรือเพื่อนดีๆอยู่เคียงข้าง ฯลฯ
เมื่อเหลือเวลาเพียง 24 ชั่วโมงบนโลกใบนี้ คุณจะรู้ซึ้งว่า ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวต่างหากที่สำคัญที่สุด แม้เรื่องราวความสำเร็จในชีวิตจะทำให้คุณรู้สึกดีได้ แต่ไม่นาน... มันก็จะผ่านไป
ฉะนั้น คุณจึงควรจัดลำดับเรื่องสำคัญในชีวิต ลองค้นหาสิ่งที่มีความสำคัญต่อคุณจริงๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสุขให้คุณอย่างเหลือเชื่อ เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะคุณมีสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่มี นั่นคือ “การให้ความสำคัญ” นั่นเอง
3. มีเมตตากรุณา
จำประสบการณ์ที่คุณเคยให้สิ่งของหรือช่วยเหลือผู้อื่น หรือตัวคุณเคยได้รับจากคนอื่น.. บ้างมั้ย เป็นความรู้สึกดีๆ ใช่หรือเปล่า แน่นอน...คุณย่อมไม่ปฏิเสธว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ดี เพราะการเป็นผู้ให้หรือผู้รับ ล้วนก่อให้เกิดความสุขทั้งสิ้น
ความเมตตากรุณานั้น หากคุณไม่เคยฝึกการเป็นผู้ให้มาก่อน อาจเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อคุณเป็นผู้ให้หรือช่วย เหลือผู้อื่นจนเคยชิน ความเมตตากรุณานี้จะถูกฝังอยู่ในจิตใจของคุณอย่างไม่เสื่อมคลาย นึกถึงคราใดก็สุขใจทุกครั้ง
มีคำกล่าวว่า “คุณให้อะไรไป ก็จะได้สิ่งนั้นกลับคืนมา” เช่น เมื่อคุณยิ้มให้คนอื่น คนนั้นก็จะยิ้มตอบคุณ หรือ “ยิ่งให้ ยิ่งได้” สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ คงต้องลองค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
4. ทำในสิ่งที่รัก
บางคนอาจโชคดี ได้ข้อคิดดีๆ และค้นพบตัวเองจากการอ่านหนังสือ ฟังการบรรยาย และจากการดูหนังฟังเพลง ซึ่งบางเรื่องนับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง
เคล็ดลับในเรื่องนี้คือ จงแสวงหาไปเรื่อยๆ อย่าหยุดจนกว่าจะพบสิ่งที่ “ใช่” สำหรับคุณ เพราะเมื่อได้ทำในสิ่งที่รักชอบ ชีวิตของคุณจะเริ่มเปลี่ยนแปลง คุณจะรู้สึกสนุกและมีความสุขกับการทำงานมากยิ่งขึ้น แต่ปัญหามักเกิดตรงที่ต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง และเริ่มสงสัยว่า จะคุ้มมั้ยกับการเสียเวลาค้นหาตนเอง
แต่เชื่อเถอะ... คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะคุณจะมีความสุขได้ทุกวัน
5. รู้จักยืดหยุ่น
เมื่อคุณได้ตั้งเป้าหมายบางสิ่งบางอย่างในชีวิตแล้ว สิ่งที่ควรทำคือ ต้องลงรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่า ต้องทำอย่างไร เสร็จเมื่อไหร่ เป็นต้น แต่ก็ต้องมีความยืดหยุ่นบ้าง ไม่ยึดติดในเป้าหมายจนเกินไป
คุณต้องพร้อมเปิดรับความเป็นไปได้ทั้งหลายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง เพราะไม่แน่ว่า คุณอาจปิ๊งไอเดียใหม่ๆ ซึ่งทำให้แผนการณ์ที่วางไว้แต่เดิม ต้องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
และเมื่อไม่ยึดติดกับเป้าหมายที่วางไว้แต่แรก คุณก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างสบายใจ อันจะทำให้คุณมีีความสุขมากขึ้น และส่งผลต่อเนื่องไปยังงานที่คุณทำ ให้มีโอกาสสำเร็จมากขึ้นด้วย
6. เตรียมพร้อมรับความตาย
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของชีวิต ฉะนั้น ความตายจึงเป็นเรื่องที่หลีกไม่พ้น เราอาจตายได้ทุกขณะ ฟังดูแล้ว.. ช่างเป็นเรื่องน่ากลัวเสียจริงๆ
แต่การฝึกเจริญมรณานุสติ จะช่วยให้เราโฟกัสเฉพาะเรื่องสำคัญในชีวิต และช่วยขจัดความกลัวทั้งหลายในใจให้หมดไป คุณจะรู้ว่า แท้จริงแล้ว คุณต้องการทำอะไร
และอะไรคือข้ออ้าง ความกลัว และอุปสรรค ที่จะหยุดยั้งคุณไม่ให้เดินหน้าต่อไป และจะมีวิธีใดที่จะเอาชนะมัน เพื่อคุณจะได้ทำตามเสียงเรียกร้องภายในใจ
หากสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ คุณจะพบว่า ตัวเองมีพลังที่จะเริ่มต้นทำงานได้อีก และเมื่อคุณทำตามเสียงของหัวใจ คุณจะทำงานอย่างสนุกและมีความสุขยิ่งขึ้น
7. ทำตามหัวใจปรารถนา
และทั้งหมดนี้ ก็นำมาสู่เรื่องสุดท้าย..
มีคนจำนวนมากที่ใช้ชีวิตเสมือนหุ่นยนต์ ไร้อารมณ์ความรู้สึก และที่น่ากลัวคือ ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ เพราะถูกตั้งโปรแกรมให้เป็นตรรกะ ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลทุก (หรือเกือบทุก) ครั้งไป
เมื่อคุณใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งแล้วว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข และได้ทำตามนั้น คุณจะพบว่า ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ที่สำคัญคือ คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในคราเดียวกัน ขอให้เริ่มทำวันละนิด แล้วคุณจะประหลาดใจกับสิ่งดีๆที่ตามมา ซึ่งทำให้คุณมีความสุขอย่างยิ่ง
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว จะรออะไรอยู่เล่า เริ่มทำเสียแต่วันนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับตัวเอง
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 133 มกราคม 2555 โดย ประกายรุ้ง)