มหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด ได้ส่งผลกระทบต่อภิกษุ สามเณร แม่ชี วัดวาอารามต่างๆมากมาย รวมทั้งผู้คน บ้านเรือน และสัตว์เลี้ยงน้อยใหญ่
หลายคนที่น้ำท่วมบ้านได้อพยพออกจากบ้านไปหาที่อยู่ใหม่ชั่วคราว แต่อีกหลายคนก็ปักหลักสู้อยู่บ้าน ไม่ยอมโยกย้ายไปไหน แม้ว่าจะต้องอาศัยอยู่บนหลังคาบ้านก็ตาม
ส่วนบางคนที่น้ำไม่ท่วมบ้าน เพราะอยู่ตึกสูง ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางผืนน้ำที่รายล้อมอยู่ได้ หลายชีวิตที่ล้วนประสบชะตากรรมร่วมกัน ต่างพูดคุยปลอบโยน และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ คนเฒ่าคนแก่บอกว่า เกิดมาไม่เคยเห็นความหายนะมากมายมหาศาลเช่นนี้มาก่อน ขณะที่คนหนุ่มสาวต่างบอกต่อๆกันทั้งในหมู่เพื่อนและสังคมออนไลน์ว่า อุทกภัยครานี้มิใช่ภัยธรรมชาติล้วนๆ แต่ส่วนหนึ่งเป็นภัยจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง โดยเฉพาะมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลส ความอยากได้ไม่รู้จบสิ้น ซึ่งเข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลานี้
เมื่อกิเลสปิดบังดวงตา ย่อมมองไม่เห็นหายนะภัยอันใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้น และเมื่อกิเลสเต็มท่วมใจก็ทำได้ทุกอย่างโดยไม่คำนึงว่าจะมีผู้คนนับล้านเดือดร้อนแสนสาหัสสักปานใด
น้ำท่วมครั้งนี้เราได้เห็น “น้ำตา” ของผู้ประสบภัย ได้เห็น “น้ำใจ” ของผู้คนหลายสาขา อาชีพที่หลั่งไหลให้ความช่วยเหลือ และได้เห็น “น้ำพระทัย” อันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระบรมวงศ์ศานุวงศ์
“ธรรมลีลา” ฉบับรับวันพ่อแห่งชาติปีนี้ จึงมีเรื่องของ “ศิลปินเหนือ-ใต้ เทิดพระเกียรติ “น้ำพระทัย” ผ่านงานศิลป์” เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554
ขณะเดียวกัน ในฉบับนี้ก็ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจอันเนื่องมาจากมหาอุทกภัย อาทิ สารพัดโรคร้ายที่มากับน้ำท่วม, อุทกธรรม, อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาเพื่อถอนทุกข์, คิดอย่างไร ไม่ให้ทุกข์ ฯลฯ
ด้วยหวังว่า หลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้นำมาแสดงไว้นั้น จะพอช่วยคลายทุกข์โศกได้บ้าง
หวังว่าเราจะผ่านพ้นวิกฤตต่างๆไปได้ในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปี เพื่อเตรียมรับปีใหม่ด้วยใจอันเบิกบาน
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 132 พฤศจิกายน - ธันวาคม 2554)