xs
xsm
sm
md
lg

รอบรู้โรคภัย : ตับแข็ง ภัยร้ายใกล้ตัว น่ากลัวกว่าที่คิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากจะกล่าวถึงอวัยวะภายในร่างกายที่มีความสำคัญต่อสุขภาพ คงไม่มีใครที่จะไม่นึกถึง “ตับ” เพราะ “ตับ” เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในร่างกาย ทำหน้าที่ควบคุมสภาพร่างกายให้อยู่ดีมีสุข และทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ขจัดสารพิษออกจากเลือด สร้างภูมิคุ้มกัน บางอย่างขึ้นมาเพื่อต่อสู้โรคติดเชื้อ ตลอดจนกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ออกจากเลือด

นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบในการทำให้เลือดแข็งตัว ตลอดจนสร้างน้ำดี ซึ่งทำหน้าที่ในการดูดซึมไขมันและวิตามินชนิดละลายในน้ำมัน

สำหรับโรคร้ายที่เกิดกับอวัยวะชนิดนี้มีหลายโรคด้วยกัน และ “ตับแข็ง” เป็นโรคที่คร่าชีวิตประชากรทั่วโลกกว่า 25,000 คนต่อปี

อาการ

อาการเมื่อก้าวสู่โรคตับแข็ง ตับอยู่ในสภาวะที่เกิดแผลเป็นขึ้น หลังจากที่มีการอักเสบหรืออันตรายต่อตับ และเมื่อเนื้อตับส่วนที่ดีถูกทำลายลง จากการอักเสบหรือสาเหตุอื่นๆ เนื้อตับที่เหลือจะล้อมรอบ และทดแทนด้วยเนื้อเยื่อประเภทพังผืด ส่งผลให้เลือดที่ไหลผ่านตับถูกอุดกั้น ไหลไม่สะดวก และสมรรถภาพการทำงานลดลง

อาการที่จะเกิดกับผู้ป่วยจึงอาจแบ่งได้เป็น อาการที่เกิดจากการทำงานของตับลดลง เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หากอาการมากขึ้นจะมีการสร้างโปรตีนลดลง ทำให้เท้าบวม มีน้ำในช่องท้องเกิดท้องมาน อาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง เป็นดีซ่านได้

นอกจากนั้นอาจมีอาการจากพังผืดดึงรั้งในตับ ทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ เกิดเส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร อาจตามมาด้วยการอาเจียนเป็นเลือด ในรายที่เป็นมากอาจซึม หรือในระยะยาวอาจเกิดมะเร็งตับได้

สาเหตุของโรค

1. ดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เพราะแอลกอฮอล์ในสุรา จะทำให้เกิดความผิดปกติของการใช้โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในตับ ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ และเรื้อรังจนเป็นตับแข็ง

2. ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, ซี เรื้อรัง

3. ยาชนิดที่ต้องรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
หรือยาสมุนไพรบางชนิด เช่น ยาเม็ดใบขี้เหล็ก ซึ่งนิยมใช้เป็นยานอนหลับ เป็นต้น

4. สารพิษ เช่น สารหนู (arsenic) ที่ผสมในยาต้ม ยาหม้อ อาจก่อให้เกิดพังผืดในตับได้

5. พยาธิบางชนิด เช่น พยาธิใบไม้ในเลือด Schistosome อาจทำให้เกิดตับแข็ง

6. ภาวะดีซ่านเรื้อรัง เนื่องจากท่อน้ำดีอุดตัน เพราะโดยปกติน้ำดีจะถูกส่งขึ้นไปที่ตับ และไหลลงมาสู่ลำไส้เล็กส่วนต้นตามท่อน้ำดี ถ้ามีการอุดกั้นการไหลของน้ำดี ไม่ว่าจะจากสาเหตุใดก็ตาม เช่น จากนิ่วน้ำดีอุดท่อน้ำดี หรือเนื้องอกอุด หรือเบียดท่อน้ำดี จนตีบตันเป็นเวลานาน น้ำดีที่ไหลย้อนกลับไปที่ตับก็จะสามารถทำลายเนื้อ ตับจนเป็นตับแข็งได้

7. ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง ทำให้เส้นเลือดคั่งที่ตับ เลือดไหลเวียนในตับน้อยลง เนื้อตับขาดภาวะออกซิเจนจนตายลง

8. โรคกรรมพันธุ์บางชนิด เช่น โรควิลสันที่เกิดจากมีการสะสมทองแดงในตับมาก จนเนื้อตับอักเสบและตาย หรืออาจเกิดตับแข็ง เป็นต้น

9. โรคตับอักเสบจากภูมิต้านทานตนเอง ที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หันมาทำลายตับตนเอง

10. โรคตับอักเสบจากไขมัน เกิดจากภาวะที่มีไขมันสะสมที่ตับเป็นจำนวนมาก อาจจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง จนกลายเป็นตับแข็งได้ นอกจากนี้อาจพบร่วมกับโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น

โรคตับแข็งฟังดูอาจน่ากลัว แต่ถ้าเรารู้จักดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ แล้ว ก็ไม่ยากที่จะหลบหลีกโรคชนิดนี้ได้

และหากท่านเป็นผู้หนึ่งซึ่งมีอาการของโรค ก็ควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพและพลานามัยที่สมบูรณ์


ข้อควรปฏิบัติ เมื่อเป็นโรคตับแข็ง

เลี่ยงปัจจัยต้นเหตุดังกล่าวแล้ว และควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม โดยหากยังไม่มีภาวะตับวาย สามารถรับประทานโปรตีนได้ในปริมาณปกติ

ในรายที่ตับเสื่อมมากๆ การรับประทานโปรตีนมากเกินไป ก็จะเกิดอันตราย ต่อร่างกายได้

ทางที่ดีที่สุดควรรับประทานโปรตีนจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง เป็นต้น ควรรับประทานอาหารบ่อยมื้อขึ้น เพื่อทำให้ร่างกายได้รับอาหารเพียงพอ รับประทานอาหารที่สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่สุกโดยเฉพาะอาหารทะเล หลีกเลี่ยงอาหารที่ชื้น เช่น ถั่วปน พริกป่น อันเป็นแหล่งของสารอะฟลาท็อกซิน ซึ่งส่งเสริมการเกิดมะเร็งตับ

หากบวมควรจำกัดเกลือและของเค็ม ออกกำลังกายได้ตามสมควร รับประทานยาบำรุงตามแพทย์สั่ง และมาพบแพทย์เป็นระยะๆ

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 130 กันยายน 2554 โดย ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล)


กำลังโหลดความคิดเห็น