ในโลกที่สับสนวุ่นวายในปัจจุบัน คนเราแทบจะไม่มีเวลาให้ความสำคัญกับสิ่งดีๆ ที่จะนำพาชีวิตให้สดใส และมีความหมายมากขึ้น บ่อยครั้งที่หลายคนใช้ชีวิตเหมือนเครื่องจักรที่เดินเครื่องอัตโนมัติไปวันๆ มากกว่าการใช้ชีวิตอย่างมีสติ
จึงดูเหมือนว่า มันได้กลายเป็นบรรทัดฐานของสังคมในวันนี้ไปเสียแล้ว ที่ผู้คนต่างพากันใช้เวลาทำงานมากขึ้น เพื่อสิ่งที่อยู่ภายนอก มากกว่าการดูแลสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราให้ดี
บางที 9 แนวคิดนี้อาจช่วยให้ผู้ที่ปฏิบัติตามอย่างมีสติ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในชีวิต
1. มีความสุข
เคล็ดลับของการมีความสุข คือ การยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต และปล่อยวางเรื่องที่เป็นอุปสรรคออกไป ฟังดูเหมือนทำได้ยาก แต่จริงๆแล้วไม่ยากเลย เพราะความสุขเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ ไม่ว่าจะยากดีมีจน ตรงกันข้ามคุณจะไม่มีความสุขเลยจนกว่าจะยอมรับความจริง ที่ว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แม้แต่ตัวเราเอง
คุณไม่ใช่ตัวปัญหา ปัญหาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นปกติในชีวิต คนเราทุกคนต้องเผชิญกับมันด้วยความอดทน ซึ่งเป็นสัจธรรม ถ้าคุณไม่มีความสุข นั่นเป็นเพราะคุณรู้ถึงปัญหา แต่เลือกที่จะเก็บมันไว้ในใจ ดังนั้น ควรเปลี่ยนแนวคิดเพื่อพลิกชีวิต เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จงจัดการและปล่อยวางเพื่อเดินหน้าต่อไป
2. รู้จักยอมรับ
บางครั้ง คำพูดที่ว่า “เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเอง” หรือ “เวลาจะช่วยเยียวยา” นั้น อาจไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ คุณจึงไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปโดยไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
มีเพียงหนทางเดียวที่จะเอาชนะความทุกข์และความยากลำบาก คือ ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริงและกำลังทำร้ายคุณ เมื่อคิดได้ดังนี้ แล้วหาทางแก้ไขจนสุดความสามารถ คุณก็จะสามารถก้าวข้ามและดำเนินชีวิตต่อไปได้
3. ควบคุมปฏิกิริยาโต้ตอบ
ความคิดและความเชื่อทั่วไปที่เรามีเกี่ยวกับชีวิต เป็นตัวสร้างสภาพที่เป็นจริงภายนอก เมื่อเราเชื่อในสิ่งใด ก็จะเห็นในสิ่งนั้น
คนทุกคนล้วนมีปัญหา และมักถูกทดสอบจากเหตุการณ์ที่อยู่เหนือความควบคุมของเราเสมอ หากมันเกิดขึ้น ให้จำไว้ว่า แม้คุณไม่อาจควบคุมสถานการณ์ภายนอกได้ แต่คุณสามารถควบคุมปฏิกิริยาโต้ตอบได้ และไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่ พลังนี้มีอยู่ในตัวคุณเสมอ
4. วิกฤตคือโอกาส
หากคุณคาดหวังให้ชีวิตคลี่คลายไปในทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณละก็ จะต้องยอมรับให้ได้ว่าอุปสรรคทุกอย่างที่กำลังเผชิญอยู่นั้น คือโอกาสที่ช่วยให้คุณได้พัฒนาและเรียนรู้ บางครั้งแม้ในสถานการณ์ที่ดูเลวร้ายสุดๆ อาจแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งดีๆที่แอบแฝงมาก็เป็นได้
เพราะชีวิตเป็นเรื่องของการรับรู้ และการรับรู้เป็นเรื่องของจิตใจ
5. ขจัดความสงสัยในตัวเอง
คนเรามักตัดสินตัวเอง สงสัยในตัวเอง วิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง และมักพร่ำบอกตัวเองว่า ทำไมจึงไม่มีความสามารถพอที่จะทำสิ่งที่ต้องการจริงๆในชีวิตให้สำเร็จ และเชื่อแน่ว่า คุณก็คงไม่ปล่อยให้ใครคนใดมาพูด ใส่หน้าเช่นนี้ แล้วเหตุใดคุณจึงปล่อยให้ใจที่เคลือบแคลง ของคุณคิดเช่นนั้นเสียเอง
สิ่งที่ควรทำคือ จงเฝ้าดูจิตที่สงสัยในตัวเอง และพยายามขจัดพฤติกรรมทำลายตนเองออกไป เพราะคุณไม่ใช่จิต แต่เป็นคนควบคุมจิตนั่นเอง
6. ใช้ชีวิตอย่างมีสติ
จงมีความสุขและพอใจในจุดที่คุณยืนอยู่ ณ ปัจจุบัน และโปรดอย่าทำผิดพลาดด้วยการเลื่อนเวลาแห่งความสุขออกไป เพียงเพราะคุณกำลังรอคอยเวลาที่เหมาะสมให้มาถึง แต่ควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีสติ เพราะชีวิตไม่จีรังยั่งยืน ทุกนาทีที่ยังมีลมหายใจจึงเป็นเหมือนพรอันประเสริฐ จงให้ความสำคัญกับปัจจุบันขณะ ฟังดูไม่ง่าย แต่คุณสามารถเลือกทำได้อย่างแน่นอน
7. ปรับเปลี่ยนการรับรู้
เหตุที่เรามักผูกอารมณ์และเจตนา ร่วมไปกับสถานการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต เราจึงพลอยเชื่อไปตามนั้น
แต่ถ้าเราถอยมาตั้งหลัก แยกอารมณ์ออกจากสถานการณ์ และเฝ้ามองอย่างมีเหตุผล เราจะเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารับรู้นั้น มีทั้งด้านดีและเลวเสมอ อุปมาดั่งเหรียญที่มี 2 ด้าน ซึ่งเราจะมองเห็นเพียงด้านเดียวในแต่ละครั้ง คนหนึ่งจะรับรู้ได้ถึงสิ่งเลวร้าย ในขณะที่อีกคน จะรับรู้ถึงสิ่งดีๆ ตัวสถานการณ์นั้นมีความเป็นกลาง แต่ความเชื่อ การตัดสิน และอคติของเราจะเป็นตัวกำหนด ลักษณะของผลที่ออกมา
ลองมองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำในชีวิต และถามตัวเองว่า ได้เวลาที่คุณควรหาวิธีอื่นในการแก้ปัญหาหรือยัง เพราะบ่อยครั้งที่เรามักโต้ตอบอัตโนมัติอย่างเป็นนิสัย และไม่เคยแก้ปัญหาได้ จงถามตัวเองว่า มันคุ้มหรือไม่ที่จะมองปัญหาเหล่านี้ในแบบเดิมๆ ถึงเวลาหรือยังที่ต้องพลิกดูอีกด้านหนึ่งของเหรียญบ้าง
ควรระลึกเสมอว่า ในความเป็นจริง สถานการณ์จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อคุณเปลี่ยนการรับรู้ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปในสายตาคุณได้เช่นกัน
8. อย่าเพียงมีชีวิต..แต่จงใช้ชีวิต
นับเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ที่ต้องไม่ปล่อยให้สิ่งภายนอกควบคุมพฤติกรรมของเรา อย่าตกเป็นเหยื่อของมัน เพราะจะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย หากเต็มใจยอมพ่ายแพ้ต่อสิ่งภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เราทุกคนล้วนมีพลัง ขอจงอย่ายอมแพ้
ทุกคนบนโลกนี้มีสิทธิใช้ชีวิตตามแบบของตัวเอง จงยอมรับในแบบที่เขาเป็น มิใช่ในแบบที่คุณต้องการให้เป็น คุณควบคุมโลกได้ด้วยการควบคุมตัวเอง จงเป็นในแบบที่คุณเป็น
เมื่อคุณต้องทำตามสิ่งนอกกาย นั่นคือคุณมีชีวิต แต่ถ้าทำตามสิ่งที่อยู่ภายในใจ นั่นคือ คุณใช้ชีวิต และหากคุณยังไม่ได้ทำ จงเริ่มด้วยการรักและเคารพตัวเอง ทำให้ตัวเองก่อน จากนั้นค่อยยอมรับจากภายนอก
9. ใจเป็นประธานคุมกายและจิต
ระลึกเสมอว่า ใจของคุณคือประธานที่ควบคุมร่างกาย และความรู้สึกนึกคิดให้ไปในทางที่ดี มิใช่เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นวันนี้เดี๋ยวนี้ ที่เป็นตัวชี้ว่า วันนี้ของคุณจะดีหรือเลวอย่างไร จงตั้งเป้าหมายที่จะไม่ปล่อยให้ใครหรือสิ่งใดมาทำให้แต่ละวันในชีวิตของคุณอับเฉา
และสิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้ คือ คุณไม่ใช่จิต แต่คุณคือผู้ควบคุมจิต
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 129 สิงหาคม 2554 โดย ประกายรุ้ง)