หากจะเปรียบสารอาหารพวก โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงของรถแล้ว วิตามินก็เปรียบได้เป็นน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องยนต์ ที่ถึงแม้จะมีความต้องการเพียงเล็กน้อย แต่ก็ขาดไม่ได้ วิตามินทำหน้าที่เป็นปัจจัยที่ช่วยให้ร่างกาย นำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้
หากไม่มีวิตามิน...ถึงแม้ว่าร่างกายจะได้สารอาหารชนิดอื่นเข้าไปมากเพียงใด ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
• วิตามินจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด •
1. ชนิดละลายในไขมัน (fat soluble vitamins) ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค
2. วิตามินที่ละลายในน้ำ (water soluble vitamins) ในกลุ่มวิตามินบี และวิตามินซี
• หน้าที่ของวิตามิน •
- วิตามินเอ ช่วยในการมองเห็น รักษาการคงสภาพของเยื่อบุผิว
- วิตามินดี ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
- วิตามินอี ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ
- วิตามินเค ช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือด
- กลุ่มวิตามินบี ช่วยในการนำสารอาหารประเภท ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนไปใช้
- วิตามินซี ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของผิว
• ข้อควรระวังของวิตามิน •
วิตามินที่ละลายในไขมัน สามารถสะสมในร่างกาย จนเป็นอันตราย ถ้าได้รับติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
อย่างไรก็ดี ประชากรส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาการขาดวิตามินชนิดนี้ ยกเว้นในบางท้องที่ วิตามินที่มักจะมีปัญหาในการขาด คือ กลุ่มวิตามินบี เพราะไม่มีการเก็บสะสมในร่างกาย หรือเก็บสะสมในปริมาณที่น้อยมากๆ
ดังนั้น เมื่อเกิดการขาดวิตามินกลุ่มนี้ ร่างกายจะแสดงออกอย่างรวดเร็ว เช่น อาการทางระบบประสาท ท้องเสีย ชาปลายมือปลายเท้า เยื่อบุมุมปากอักเสบ การขาดวิตามินบางอย่างอาจทำให้เสียชีวิตได้ เช่น หัวใจวายจากการขาดวิตามินบีหนึ่ง
ปัจจุบันด้วยกระแสของข้อมูลข่าวสาร ประชาชนมีโอกาสรับรู้ข้อมูลด้านสุขภาพมากขึ้นกับการเอาใจใส่ดูแลสุขภาพ ทำให้หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้น นับตั้งแต่เรื่องรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และรวมไปถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ซึ่งวิตามินก็เป็นจุดสำคัญที่ประชาชนให้ความสำคัญ ทำให้มีโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของวิตามินในด้านต่างๆ นอกเหนือจากหน้าที่ตามปกติของวิตามิน เช่น สรรพคุณชะลอความแก่ ป้องกันมะเร็ง ฯลฯ แต่โดยความเป็นจริงแล้วนั้น การรับประทานวิตามินบางชนิดในปริมาณที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดอันตราย นอกเหนือจากความสิ้นเปลือง
ดังนั้น การรับประทานวิตามินเพิ่ม นอกเหนือจากวิตามินที่ได้จากอาหารแล้ว ควรจะพิจารณาตามความจำเป็น ความสำคัญ และงบประมาณในกระเป๋าของตนเองด้วย
ส่วนใหญ่การโปรโมทผลิตภัณฑ์วิตามินจะเน้นไปที่กลุ่มคนวัยทำงาน ให้ได้รับวิตามิน บีให้เพียงพอ เพราะเชื่อว่าจะช่วยในเรื่อง ระบบประสาทและต่อสู้กับความเครียดได้ดี
อย่างไรก็ตาม ถ้าแน่ใจว่ารับประทานอาหารได้สัดส่วน หลีกเลี่ยงยาเสพติด สารกระตุ้นประสาท การทำงานของสมองก็ย่อมเป็นปกติแน่นอน
การเสริมวิตามินจะทำในกรณีที่มีข้อบ่งจำเพาะ เช่น การขาดสารอาหาร ภาวะความ เป็นพิษบางอย่าง ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยมะเร็ง ที่มีปัญหาด้านการดูดซึมสารอาหาร
• วิธีรับประทาน •
ควรรับประทานหลังอาหาร เพื่อให้ค่อยๆเกิดการดูดซึมไปพร้อมกับอาหาร
จะเห็นว่าแม้แต่เรื่องวิตามิน ก็มีแง่มุมที่สำคัญและน่าสนใจ การใส่ใจในเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรใส่ใจอย่างรู้เท่าทันและให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ากับตนเองให้มากที่สุด
• เลือกซื้อวิตามินอย่างไรให้ปลอดภัย •
1. ฉลากจะต้องระบุชื่อยี่ห้อ ส่วนประกอบสำคัญ ส่วนผสมอื่นๆ อย่างชัดเจน และมีปริมาณที่แน่นอน (อาจรวมถึงฉลากข้อมูลโภชนาการ)
2. ได้รับรองการขึ้นจดทะเบียนตำรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
3. มีที่อยู่ของผู้ผลิตผู้แทนจำหน่ายชัดเจน
4. มีวันผลิต วันหมดอายุ และวิธีการเก็บรักษา
ในท้องตลาดทั่วไปจะมีวิตามินอยู่หลายสูตร บางสูตรมีวิตามินไม่กี่ชนิดแต่มีปริมาณต่อเม็ดสูง (มักนำมาใช้ในการรักษาโรค) บางชนิดมีวิตามินหลายชนิดในปริมาณน้อยใกล้เคียงกับความต้องการในแต่ละวันของร่างกาย วิตามินบางชนิดผสมมากับแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม
การซื้อต้องสังเกตหรือสอบถามให้ละเอียด เพราะมีผู้ป่วยบางโรคที่รับประทานแร่ธาตุบางอย่างไม่ได้ เช่น โลหิตจางธาลัสซีเมีย ไม่ควรรับประทานวิตามินที่มีธาตุเหล็ก
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 129 สิงหาคม 2554 โดย ภก.ธนกร ศิริสมุทร ฝ่ายเภสัชกรรม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล)