*ภาวะขาดวิตามินซีเรื้อรัง*
มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ มนุษย์ยุคปัจจุบันตกอยู่ในฐานะที่ขาดวิตามินซีอย่างเรื้อรัง ในความหมายที่ปัจจุบันชีวิตของคนเราต้องการวิตามินซีเป็นอย่างมาก เพื่อไว้ต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีมากขึ้นเพื่อช่วยให้คอลลาเจนแข็งแรง และเพื่อสนับสนุนระบบภูมิชีวิต (ระบบภูมิคุ้มกัน) ของเราที่ต้องทำงานหนักกว่ายุคสมัยก่อนอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในยุคอุตสาหกรรม และยุคหลังอุตสาหกรรมอย่างยุคปัจจุบันทำให้คนเราต้องการวิตามินซีมากขึ้น เพื่อใช้ต่อสู้กับมลพิษที่ร่างกายของเรารับเข้ามาโดยผ่านอาหาร น้ำ และอากาศ จนทำให้เหลือวิตามินซีในเลือดของเราน้อยลงมาก เพราะฉะนั้น สิ่งที่เคยสอนกันมาว่า หากคนเรารับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หรือได้วิตามินจากผัก ผลไม้ ก็เพียงพอแล้วนั้น น่าจะเป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกับความจริงในปัจจุบัน และเป็นมายาคติอย่างหนึ่งที่ควร “ถอดรื้อ”
สรุปแบบ “ฟันธง” ก็คือ ภาวะขาดวิตามินซีเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับผู้คนส่วนใหญ่นั้น เราหมายความว่า จำนวนวิตามินซีที่คนเราได้รับจากการรับประทานอาหาร แม้จะครบ 5 หมู่ในชีวิตประจำวันในยุคปัจจุบันนี้นั้น ไม่น่าจะเพียงพอที่จะทำให้คอลลาเจนของคนเราที่อ่อนแอลง และผิดรูปร่างสามารถฟื้นคืนสภาพขึ้นมาได้จากความเสียหายในระดับเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
มาถึงตรงนี้ เห็นทีเราจะต้องหันไปทบทวนความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของวิตามินกันอีกทีจะดีกว่า จากหนังสือ “วิตามินไบเบิล” ของดร.เอิร์ล มินเดลล์ (สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ, พ.ศ. 2553)
วิตามิน คือ สารอินทรีย์ที่จำเป็นต่อชีวิต วิตามินไม่ใช่ยา แม้ว่าบ่อยครั้งมันจะทำหน้าที่แทนยาก็ตาม ความเข้าใจผิดของคนทั่วไปที่คิดว่า วิตามินคือเม็ดยา ทำให้เกิดภาพอันสับสนเกี่ยวกับบทบาทของวิตามิน ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำหน้าที่ตามปกติของร่างกายเรา ที่สำคัญร่างกายของคนเราไม่สามารถสร้างหรือสังเคราะห์วิตามินขึ้นได้เอง วิตามินจำเป็นต่อการเจริญเติบโต การดำรงชีวิต และการมีสุขภาพที่ดีโดยรวม วิตามินมีอยู่ในอาหารจากธรรมชาติทุกชนิดในปริมาณเล็กน้อย คนเราจึงต้องได้รับวิตามินผ่านการรับประทานอาหารเหล่านี้ หรือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
หลายคนอาจจะคิดว่า วิตามินทดแทนอาหารได้ แต่ไม่ใช่เช่นนั้น แท้จริงแล้ว วิตามินไม่สามารถดูดซึมได้หากไม่ได้รับประทานร่วมกับอาหาร หากเปรียบร่างกายของคนเราเป็นเหมือนเครื่องยนต์ของรถ วิตามินก็คือหัวเทียน วิตามินเป็นส่วนหนึ่งของระบบเอนไซม์ที่ทำงานคล้ายหัวเทียนในการให้พลังงาน และควบคุมการสันดาปของร่างกาย ช่วยให้คนเรามีเรี่ยวแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หากเปรียบเทียบกับการรับประทานสารอาหารในกลุ่มอื่น เช่น โปรตีน ไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรต ปริมาณการรับประทานวิตามินของคนเราถือว่าน้อยมาก แม้แต่ในสูตรที่รับประทานเป็นปริมาณสูงก็ตาม แต่การขาดวิตามินแม้เพียงตัวเดียว ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายทุกส่วนได้
คนทุกคนที่รับประทานน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมแป้งขัดขาว อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นประจำ จึงตกอยู่ในภาวะขาดสารอาหารไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณของอาหารด้อยคุณค่าเหล่านี้ที่ตัวเองบริโภคเข้าไป อย่าลืมว่า ในสังคมอุตสาหกรรมมีผู้คนจำนวนไม่มากนัก ที่สามารถรับสารอาหารที่ต้องการครบถ้วนจากอาหาร “ธรรมชาติ” และ “ปลอดสารพิษ” ที่ตัวเองรับประทานในแต่ละวัน
อาหารที่ผ่านการอุ่นซ้ำ หากผู้นั้นนิยมซื้ออาหารจากข้างนอกมารับประทานที่บ้านเป็นประจำ จะทำให้ผู้นั้นเสี่ยงต่อการขาดวิตามินเอบี 1 และซี คนที่ชอบทานอาหารแบบเน้นความสะดวกไว้ก่อน หากเป็นสตรีที่อยู่ในช่วงอายุ 13-40 ปี ก็อาจต้องจ่ายค่าความสะดวกนี้ในรูปของภาวะขาดแคลเซียม และธาตุเหล็กซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการสร้างกระดูกเมื่ออายุมากขึ้น อาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจะมีสารอาหารต่ำ เพราะฉะนั้น อาหารแปรรูปเกือบทั้งหมดที่วางขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เกตทุกวันนี้ จึงไม่มีสารอาหารใดๆ สูงเลยนอกจากแป้งเท่านั้น ต่อให้มีการเติมสารอาหารเข้าไปในอาหารแปรรูปเหล่านี้ แต่การผ่านความร้อน การเก็บรักษา และอีกหลายกระบวนการได้ทำให้สารอาหารจำนวนมากชนิดสูญสลายไปโดยไม่อาจทดแทนได้ด้วยสารอาหารไม่กี่ชนิดที่เติมเข้าไป
วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ละลายในน้ำ สัตว์ส่วนใหญ่สังเคราะห์วิตามินซีเองได้ แต่มนุษย์ต้องอาศัยวิตามินซีจากอาหารที่รับประทาน วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ เหงือก ผนังหลอดเลือด กระดูก และฟัน
ประโยชน์ของวิตามินซีนี้มีมากมาย มันช่วยในการรักษาแผลสด แผลไหม้ เพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เร่งแผลหลังผ่าตัดให้หายเร็วขึ้น ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียหลายชนิด ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยป้องกันมะเร็งหลายประเภท ช่วยต่อต้านการสร้างสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เป็นยาระบายตามธรรมชาติ ลดการเกิดเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัดต่อชีวิตให้เซลล์โดยช่วยให้โปรตีนในเซลล์เกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้น เพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก ช่วยลดความดันเลือด ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
แหล่งวิตามินซีจากธรรมชาติที่ดีที่สุด คือ ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอรี่ ผักใบเขียว มะเขือเทศ แคนตาลูป ดอกกะหล่ำ มันฝรั่ง และพริกไทย ในขณะเดียวกัน วิตามินซีก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รับประทานกันอย่างแพร่หลายที่สุด มีจำหน่ายทั้งในรูปเม็ดอัด แคปซูล ลูกอม เม็ดแบบแตกตัวช้า น้ำเชื่อมแบบผง แบบเคี้ยว เรียกได้ว่ามีแทบทุกรูปแบบของวิตามินที่มีอยู่ในโลกนี้ ความแตกต่างระหว่างวิตามินซีจากธรรมชาติ และกรดแอสคอร์บิกสังเคราะห์ (ที่แปลงมาจากน้ำตาลเดกซ์โทรสจากข้าวโพด) นั้นอยู่ที่ความยากง่ายในการย่อยและดูดซึม ซึ่งต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละคน
ผลิตภัณฑ์วิตามินซีเสริมอาหารที่ดีที่สุด คือ วิตามินซีที่ประกอบด้วยไบโอฟลาโวนอยด์ เฮสเพอริติน และรูติน วิตามินซีในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลมักมีขนาด 1,000 มก. ส่วนในรูปผงละลายน้ำมักมีขนาด 5,000 มก.ต่อช้อนชา ขนาดที่มักแนะนำให้รับประทานกันคือ 500 มก.ไปจนถึง 4 กรัมต่อวัน
เนื่องจาก วิตามินซีจะถูกขับออกจากร่างกาย ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังรับประทานขึ้นกับปริมาณอาหารในกระเพาะ ขณะที่การรักษาระดับของวิตามินซีในเลือดให้สูงอยู่ตลอด ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ จึงขอแนะนำให้รับประทานวิตามินซีพร้อมกับอาหารมื้อเช้า และเย็นเป็นประจำ แต่หากรับประทานวิตามินซีมากเกินไป อาจทำให้เกิดนิ่วจากกรดออกซาลิก และกรดยูริกได้ เพราะฉะนั้น การรับประทานแมกนีเซียม วิตามินบี 6 และการดื่มน้ำมากๆ ควบคู่ไปด้วย จึงเป็นสิ่งจำเป็น สัญญาณที่เตือนว่ารับประทานวิตามินซีมากไปคือ มีอาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย และมีผื่นตามผิวหนัง หากมีอาการดังกล่าว ก็ควรลดปริมาณที่รับประทานลง
การขาดวิตามินซีอย่างเรื้อรัง จะทำให้เกิดปัญหา 2 อย่างของหลอดเลือดคือ
(1) ผนังหลอดเลือดไม่มั่นคง อ่อนแอ เกิดโรคเลือดออกง่าย
(2) การบาดเจ็บเสียหายที่ผนังหลอดเลือดนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแข็ง
ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การจะดูแลสุขภาพให้ได้ผลยิ่งขึ้นนั้น จะต้องตระหนักว่า สุขภาพเริ่มที่โมเลกุลในเซลล์ โดยที่เซลล์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยสารอาหาร เกลือแร่ น้ำ และออกซิเจน รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนสารละเอียดเหล่านี้ และถ่ายเทของเสียออกด้วยกระบวนการชีวเคมี ฟิสิกส์ที่สมดุลหรือปฏิกิริยาที่มีประสิทธิภาพ จึงก่อเกิดสุขภาพที่ดีขึ้นมาได้ กระบวนการเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้โดยผ่านผนังเซลล์ ผนังเซลล์เปรียบเสมือนรั้วหรือขอบเขตที่จำกัดความเข้มข้น และการกระจายของโมเลกุลภายในเซลล์ ทั้งอาหารละเอียดย่อย ยาหรือสารอื่นๆ ผนังของเซลล์จึงมีความสำคัญมาก ที่คอยควบคุมและติดต่อสื่อสารการเข้า-ออกของเซลล์ ผนังที่มีคุณภาพหรือรักษาดุลยภาพ คือ พื้นฐานแห่งสมดุลของชีวิตร่างกายของคนเรา
www.suvinai-dragon.com
มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ มนุษย์ยุคปัจจุบันตกอยู่ในฐานะที่ขาดวิตามินซีอย่างเรื้อรัง ในความหมายที่ปัจจุบันชีวิตของคนเราต้องการวิตามินซีเป็นอย่างมาก เพื่อไว้ต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีมากขึ้นเพื่อช่วยให้คอลลาเจนแข็งแรง และเพื่อสนับสนุนระบบภูมิชีวิต (ระบบภูมิคุ้มกัน) ของเราที่ต้องทำงานหนักกว่ายุคสมัยก่อนอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในยุคอุตสาหกรรม และยุคหลังอุตสาหกรรมอย่างยุคปัจจุบันทำให้คนเราต้องการวิตามินซีมากขึ้น เพื่อใช้ต่อสู้กับมลพิษที่ร่างกายของเรารับเข้ามาโดยผ่านอาหาร น้ำ และอากาศ จนทำให้เหลือวิตามินซีในเลือดของเราน้อยลงมาก เพราะฉะนั้น สิ่งที่เคยสอนกันมาว่า หากคนเรารับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หรือได้วิตามินจากผัก ผลไม้ ก็เพียงพอแล้วนั้น น่าจะเป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกับความจริงในปัจจุบัน และเป็นมายาคติอย่างหนึ่งที่ควร “ถอดรื้อ”
สรุปแบบ “ฟันธง” ก็คือ ภาวะขาดวิตามินซีเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับผู้คนส่วนใหญ่นั้น เราหมายความว่า จำนวนวิตามินซีที่คนเราได้รับจากการรับประทานอาหาร แม้จะครบ 5 หมู่ในชีวิตประจำวันในยุคปัจจุบันนี้นั้น ไม่น่าจะเพียงพอที่จะทำให้คอลลาเจนของคนเราที่อ่อนแอลง และผิดรูปร่างสามารถฟื้นคืนสภาพขึ้นมาได้จากความเสียหายในระดับเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
มาถึงตรงนี้ เห็นทีเราจะต้องหันไปทบทวนความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของวิตามินกันอีกทีจะดีกว่า จากหนังสือ “วิตามินไบเบิล” ของดร.เอิร์ล มินเดลล์ (สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ, พ.ศ. 2553)
วิตามิน คือ สารอินทรีย์ที่จำเป็นต่อชีวิต วิตามินไม่ใช่ยา แม้ว่าบ่อยครั้งมันจะทำหน้าที่แทนยาก็ตาม ความเข้าใจผิดของคนทั่วไปที่คิดว่า วิตามินคือเม็ดยา ทำให้เกิดภาพอันสับสนเกี่ยวกับบทบาทของวิตามิน ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำหน้าที่ตามปกติของร่างกายเรา ที่สำคัญร่างกายของคนเราไม่สามารถสร้างหรือสังเคราะห์วิตามินขึ้นได้เอง วิตามินจำเป็นต่อการเจริญเติบโต การดำรงชีวิต และการมีสุขภาพที่ดีโดยรวม วิตามินมีอยู่ในอาหารจากธรรมชาติทุกชนิดในปริมาณเล็กน้อย คนเราจึงต้องได้รับวิตามินผ่านการรับประทานอาหารเหล่านี้ หรือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
หลายคนอาจจะคิดว่า วิตามินทดแทนอาหารได้ แต่ไม่ใช่เช่นนั้น แท้จริงแล้ว วิตามินไม่สามารถดูดซึมได้หากไม่ได้รับประทานร่วมกับอาหาร หากเปรียบร่างกายของคนเราเป็นเหมือนเครื่องยนต์ของรถ วิตามินก็คือหัวเทียน วิตามินเป็นส่วนหนึ่งของระบบเอนไซม์ที่ทำงานคล้ายหัวเทียนในการให้พลังงาน และควบคุมการสันดาปของร่างกาย ช่วยให้คนเรามีเรี่ยวแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หากเปรียบเทียบกับการรับประทานสารอาหารในกลุ่มอื่น เช่น โปรตีน ไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรต ปริมาณการรับประทานวิตามินของคนเราถือว่าน้อยมาก แม้แต่ในสูตรที่รับประทานเป็นปริมาณสูงก็ตาม แต่การขาดวิตามินแม้เพียงตัวเดียว ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายทุกส่วนได้
คนทุกคนที่รับประทานน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมแป้งขัดขาว อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นประจำ จึงตกอยู่ในภาวะขาดสารอาหารไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณของอาหารด้อยคุณค่าเหล่านี้ที่ตัวเองบริโภคเข้าไป อย่าลืมว่า ในสังคมอุตสาหกรรมมีผู้คนจำนวนไม่มากนัก ที่สามารถรับสารอาหารที่ต้องการครบถ้วนจากอาหาร “ธรรมชาติ” และ “ปลอดสารพิษ” ที่ตัวเองรับประทานในแต่ละวัน
อาหารที่ผ่านการอุ่นซ้ำ หากผู้นั้นนิยมซื้ออาหารจากข้างนอกมารับประทานที่บ้านเป็นประจำ จะทำให้ผู้นั้นเสี่ยงต่อการขาดวิตามินเอบี 1 และซี คนที่ชอบทานอาหารแบบเน้นความสะดวกไว้ก่อน หากเป็นสตรีที่อยู่ในช่วงอายุ 13-40 ปี ก็อาจต้องจ่ายค่าความสะดวกนี้ในรูปของภาวะขาดแคลเซียม และธาตุเหล็กซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการสร้างกระดูกเมื่ออายุมากขึ้น อาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจะมีสารอาหารต่ำ เพราะฉะนั้น อาหารแปรรูปเกือบทั้งหมดที่วางขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เกตทุกวันนี้ จึงไม่มีสารอาหารใดๆ สูงเลยนอกจากแป้งเท่านั้น ต่อให้มีการเติมสารอาหารเข้าไปในอาหารแปรรูปเหล่านี้ แต่การผ่านความร้อน การเก็บรักษา และอีกหลายกระบวนการได้ทำให้สารอาหารจำนวนมากชนิดสูญสลายไปโดยไม่อาจทดแทนได้ด้วยสารอาหารไม่กี่ชนิดที่เติมเข้าไป
วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ละลายในน้ำ สัตว์ส่วนใหญ่สังเคราะห์วิตามินซีเองได้ แต่มนุษย์ต้องอาศัยวิตามินซีจากอาหารที่รับประทาน วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ เหงือก ผนังหลอดเลือด กระดูก และฟัน
ประโยชน์ของวิตามินซีนี้มีมากมาย มันช่วยในการรักษาแผลสด แผลไหม้ เพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เร่งแผลหลังผ่าตัดให้หายเร็วขึ้น ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียหลายชนิด ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยป้องกันมะเร็งหลายประเภท ช่วยต่อต้านการสร้างสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เป็นยาระบายตามธรรมชาติ ลดการเกิดเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัดต่อชีวิตให้เซลล์โดยช่วยให้โปรตีนในเซลล์เกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้น เพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก ช่วยลดความดันเลือด ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
แหล่งวิตามินซีจากธรรมชาติที่ดีที่สุด คือ ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอรี่ ผักใบเขียว มะเขือเทศ แคนตาลูป ดอกกะหล่ำ มันฝรั่ง และพริกไทย ในขณะเดียวกัน วิตามินซีก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รับประทานกันอย่างแพร่หลายที่สุด มีจำหน่ายทั้งในรูปเม็ดอัด แคปซูล ลูกอม เม็ดแบบแตกตัวช้า น้ำเชื่อมแบบผง แบบเคี้ยว เรียกได้ว่ามีแทบทุกรูปแบบของวิตามินที่มีอยู่ในโลกนี้ ความแตกต่างระหว่างวิตามินซีจากธรรมชาติ และกรดแอสคอร์บิกสังเคราะห์ (ที่แปลงมาจากน้ำตาลเดกซ์โทรสจากข้าวโพด) นั้นอยู่ที่ความยากง่ายในการย่อยและดูดซึม ซึ่งต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละคน
ผลิตภัณฑ์วิตามินซีเสริมอาหารที่ดีที่สุด คือ วิตามินซีที่ประกอบด้วยไบโอฟลาโวนอยด์ เฮสเพอริติน และรูติน วิตามินซีในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลมักมีขนาด 1,000 มก. ส่วนในรูปผงละลายน้ำมักมีขนาด 5,000 มก.ต่อช้อนชา ขนาดที่มักแนะนำให้รับประทานกันคือ 500 มก.ไปจนถึง 4 กรัมต่อวัน
เนื่องจาก วิตามินซีจะถูกขับออกจากร่างกาย ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังรับประทานขึ้นกับปริมาณอาหารในกระเพาะ ขณะที่การรักษาระดับของวิตามินซีในเลือดให้สูงอยู่ตลอด ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ จึงขอแนะนำให้รับประทานวิตามินซีพร้อมกับอาหารมื้อเช้า และเย็นเป็นประจำ แต่หากรับประทานวิตามินซีมากเกินไป อาจทำให้เกิดนิ่วจากกรดออกซาลิก และกรดยูริกได้ เพราะฉะนั้น การรับประทานแมกนีเซียม วิตามินบี 6 และการดื่มน้ำมากๆ ควบคู่ไปด้วย จึงเป็นสิ่งจำเป็น สัญญาณที่เตือนว่ารับประทานวิตามินซีมากไปคือ มีอาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย และมีผื่นตามผิวหนัง หากมีอาการดังกล่าว ก็ควรลดปริมาณที่รับประทานลง
การขาดวิตามินซีอย่างเรื้อรัง จะทำให้เกิดปัญหา 2 อย่างของหลอดเลือดคือ
(1) ผนังหลอดเลือดไม่มั่นคง อ่อนแอ เกิดโรคเลือดออกง่าย
(2) การบาดเจ็บเสียหายที่ผนังหลอดเลือดนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแข็ง
ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การจะดูแลสุขภาพให้ได้ผลยิ่งขึ้นนั้น จะต้องตระหนักว่า สุขภาพเริ่มที่โมเลกุลในเซลล์ โดยที่เซลล์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยสารอาหาร เกลือแร่ น้ำ และออกซิเจน รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนสารละเอียดเหล่านี้ และถ่ายเทของเสียออกด้วยกระบวนการชีวเคมี ฟิสิกส์ที่สมดุลหรือปฏิกิริยาที่มีประสิทธิภาพ จึงก่อเกิดสุขภาพที่ดีขึ้นมาได้ กระบวนการเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้โดยผ่านผนังเซลล์ ผนังเซลล์เปรียบเสมือนรั้วหรือขอบเขตที่จำกัดความเข้มข้น และการกระจายของโมเลกุลภายในเซลล์ ทั้งอาหารละเอียดย่อย ยาหรือสารอื่นๆ ผนังของเซลล์จึงมีความสำคัญมาก ที่คอยควบคุมและติดต่อสื่อสารการเข้า-ออกของเซลล์ ผนังที่มีคุณภาพหรือรักษาดุลยภาพ คือ พื้นฐานแห่งสมดุลของชีวิตร่างกายของคนเรา
www.suvinai-dragon.com