ไม่เพียงแต่จะสนุกกับการเขียนภาพสีน้ำ แต่ “เทอดศักดิ์ ไชยกาล” ศิลปินชาว จ.อุบลราชธานี ศิษย์เก่าจากรั้วเพาะช่าง ยังชื่นชอบการเขียนภาพเหมือนบุคคลอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพเหมือนของบุคคลที่เขาเคารพรักและนับถือ เช่น ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ภาพพระสงฆ์ และภาพของสมาชิกในครอบครัว
ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้ง 3 ภาพนี้ มีที่มาจากเขาบังเอิญไปเห็นภาพต้นแบบ ซึ่งเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์(ภาพถ่าย) ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากเขียนเก็บเอาไว้
“เพราะคิดว่าน่าจะเขียนออกมาได้สวย และเพื่อนำมาติดตั้งไว้ที่บ้านเพื่อเป็นสิริมงคลครับ”
สองภาพแรกเน้นนำเสนอพระพักตร์ ขณะที่อีกหนึ่งภาพ เป็นภาพของพระองค์ท่านกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ขณะทรงพระเยาว์ ทว่าทุกภาพล้วนเขียนขึ้นด้วยเทคนิคสีน้ำมัน
ทุกครั้งที่หลับตาระลึกถึง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในห้วงความ คิดของเขาคือ
“ทรงเปี่ยมล้นไปด้วยพระเมตตา ให้ความช่วยเหลือราษฎรอย่างเต็มพระกำลัง และทรงเป็นพระมารดาผู้มีแต่ให้ของพสกนิกรชาวไทยโดยแท้จริง”
นอกจากนี้ เขายังมีความชื่นชมในพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านอีกหลายด้าน
“โครงการศิลปาชีพซึ่งพระองค์ท่านทรงนำผู้คนที่ยากจนและด้อยโอกาสมาศึกษาศิลปะในแขนงต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยอนุรักษ์ศิลปะแขนงต่างๆของไทยเอาไว้
ตลอดจนโครงการอนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งพระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสอยู่เสมอ ว่าให้ชาวไทยทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของป่าไม้ และให้ช่วยกันรักษาไว้ เพื่อลูกหลานในอนาคต”
วันแม่ปีนี้ สิ่งที่เขาอยากกระทำเพื่อเป็นการถวายพระพรแด่ “แม่หลวงแห่งแผ่นดิน” คือ
“จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ประพฤติตนไม่เบียดเบียนให้ร้ายผู้อื่น คิดดี พูดดี ทำดี เป็นคนดี และใช้ความถนัดส่วนตัวของผม เขียนภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ของพระองค์ท่านเก็บเอาไว้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติในโอกาสต่อไป”
ส่วนในด้านความผูกพันที่เขามีกับแม่ของตัวเอง เทอดศักดิ์บอกว่า
“แม่นั้นให้ความรักและความห่วงใยแก่ผมมาโดยตลอด ให้การอบรมสั่งสอน และให้การสนับสนุนผมในหลายๆด้าน เช่น ครั้งหนึ่งที่ผมต้องการจะไปศึกษาวิชาศิลปะโดยตรง แต่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะมักจะคิดเสมอว่า ไม่น่าจะเป็นอาชีพที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แต่แม่ก็ยังให้การสนับสนุนในการเรียนของผมมาตลอด จนกระทั่งทุกวันนี้”
คำสอนของแม่ที่เขาจดจำได้ดี และจะนำไปใช้ในชีวิตตลอดไปคือ
“เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดโกงผู้ใด เพราะครอบครัวผมเริ่มต้นจากการประกอบอาชีพค้าขาย และถือคติว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน และในเรื่องการทำงานโดยไม่ย่อท้อ ไม่หวังพึ่งโชคชะตา แต่ต้องทำงานอย่างหนักและขยันขันแข็ง จึงจะประสบผลสำเร็จในชีวิตได้ครับ”
วิธีการตอบแทนบุญคุณของแม่ที่เขาทำมาโดยตลอด ไม่ว่าจะโอกาสใด
“ให้ความเคารพท่านอยู่เสมอ รักและเชื่อฟังท่าน ช่วยดูแลท่านบ้างในบางโอกาส โดยตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมตั้งใจที่จะปฏิบัติตนเป็นคนดี ประกอบอาชีพสุจริต ทำให้ท่านภูมิใจที่มีเราเป็นลูก เพื่อทดแทนพระคุณท่าน”
และเขาเชื่อว่าคนอื่นๆน่าจะไม่ลืมนึกถึงบุญคุณที่แม่มีต่อตัวเอง และหาวิธีตอบแทนท่าน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“ผมคิดว่าถ้าไม่มีแม่คงไม่มีเราในวันนี้ แม่เป็นทั้งผู้ให้กำเนิดและผู้เลี้ยงดูเรามา ท่านให้เราทั้งความรักความห่วงใย ให้ความหวังดีแก่เราหลายๆอย่าง เราควรทดแทนพระคุณของท่านในทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้ท่านทราบว่าเราห่วงใยท่าน ลูกทุกคนไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไป โดยไม่ทำอะไรเพื่อแม่ของตัวเองเลย”
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 129 สิงหาคม 2554 โดย ฮักก้า)
