ระเบิดเวลา..ที่ กกต. 5 คน..วางไว้!

“สอดแนมการเมือง”
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

“คณะกรรมการเลือกตั้ง”หรือ“กกต.”มีหน้าที่หลัก ต้องจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรให้“บริสุทธิ์ ยุติธรรม” มิใช่ไม่สนใจเลยว่า การเลือกตั้งจะมีการโกง-การซื้อเสียงหรือไม่เพราะนั่นเท่ากับกกต.ได้ละเลย-ละเว้น-การปฏิบัติหน้าที่หลักของตนครับ

กกต.ชุดนี้ไม่เคยรับผิดชอบต่อการที่ นักการเมืองชั่วและพรรคการเมืองของนายทุนสามานย์ กระทำเรื่องไม่ดีต่อชาติและประชาชนคนไทยเลย

ที่แย่กว่านั้น..กกต.ชุดนี้ไม่เคยสนใจอีกว่า พรรคการเมืองจะส่งสส.เลว ลงสู่สนามเลือกตั้งให้ประชาชนหลงเลือก เพราะนั่นเท่ากับกกต.มีส่วนสำคัญยิ่ง ในการนำคนชั่วหรือสส.เลวเข้าไปทำร้ายชาติบ้านเมมืองโดยตรงอีกด้วย

เพราะบทบาทของสส.เลวส่วนใหญ่ จะเข้าไปกุมอำนาจในรัฐสภาหรือฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นสถาบันสำคัญในการออกกฏหมายบังคับใช้กับผู้คนทั้งชาติ และสส.อีกกลุ่มก็จะเข้าไปกุมอำนาจรัฐหรือฝ่ายบริหารสูงสุดที่เรียกกันว่า..รัฐบาล

หากกกต.คัดสรรสส.ดีมาให้ประชาชนเลือกเข้าสภา สส.ดีส่วนใหญ่ที่เข้าทำงานในรัฐสภาย่อมออกกฏหมายดี-คัดสรรรัฐบาลดี มาทำประโยชน์ให้กับชาติและประชาชนคนส่วนใหญ่อย่างแน่นอน

ทว่า..เมื่อกกต.ทำให้สส.เลวส่วนใหญ่ได้ยึดครองรัฐสภา รัฐสภาย่อมกลายเป็นสถานที่ออกกฏหมายอธรรม ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนเจ้าของ และผู้สนับสนุนพรรคการเมือง ส่วนชาติและประชาชนคนส่วนใหญ่ จะได้ผลประโยชน์บ้าง..ก็แค่..เศษเนื้อเท่านั้นครับ

ส่วนรัฐบาลนั้น..สส.เลวส่วนใหญ่ในสภา จะร่วมกันลงมติตามโผหรือคำสั่งของนายทุนพรรคการเมือง เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นพรรคพวกของตนเป็นลำดับแรก

จากนั้นนายกรัฐมนตรี..ก็จะเลือกรัฐมนตรีทั้งคณะ ที่ส่วนใหญ่จะขี้เหร่ไม่มากก็น้อย เพราะเลือกตามโควต้าสส.แต่ละก๊วน-แต่ละแก๊ง-แต่ละก๊ก ดดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมความสามารถ จากนั้นนายกฯก็นำครม.ทั้งคณะเข้าถวายคำสัตย์ปฏิญาณ ต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

การยืนถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์”ในหลวง”ว่า คณะรัฐมนตรีจะบริหารชาติบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จะทำเพื่อชาติและประชาชนคนส่วนใหญ่นั้น ถือเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์และต้องปฏิบัติตามคำสัตย์ฯที่ให้ไว้..

แต่นักการเมืองที่ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน ไม่เคยถือว่าสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ จะถือเพียงว่า..นั่นเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งทางพิธีกรรม ก่อนพวกตนจะบริหารชาติบ้านเมืองอย่างเป็นทางการเท่านั้นครับ

สำหรับเมืองไทยแล้ว..สภากับรัฐบาลเป็นพวกเดียวกัน เพราะสส.ทุกคนจะต้องสังกัดพรรค และพรรคก็มีนายทุนคอยบงการในทุกเรื่อง หากสส.คนใดดื้อไม่ยอมทำตามหรือฝ่าฝืนมติพรรค ก็จะโดนเฉดหัวออกจากพรรค ฐานไม่ยอมเป็น“เด็กว่านอนสอนง่าย” แถมเลือกตั้งคราวหน้า..พรรคอาจไม่ส่งสส.“เด็กดื้อ”ลงสมัครสส.อีกก็ได้

นั่นเป็นหนึ่งในเนื้อหารัฐธรรมนูญไทย ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงไงล่ะครับ!

ตามหลักประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น อำนาจรัฐสภากับรัฐบาลต้องแยกกัน เพราะนอกจากสภาจะเป็นสถาบันที่ออกกฏหมายของชาติแล้ว สภายังต้องทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลอีกด้วย แต่ประเทศไทยนั้น..ความไม่ถูกต้องก็คือ รัฐบาลกับ ส.ส.ในรัฐสภาที่สังกัดพรรครัฐบาล มักกระทำตัวเป็นลูกน้อง-ลูกไล่-ข้าทาสบริวารของรัฐบาลไปเสียฉิบ

รัฐบาลมักใหญ่กว่าและสั่งรัฐสภาได้เสมอ เพราะสส.ในสภาสังกัดพรรครัฐบาล มักจะรับเงินพิเศษประจำเดือน เดือนละแสนสองแสนบาทจากบรรดา ครม.ในรัฐบาล เรียกว่า..ครม.ต้องส่งส่วยหรือให้เงินนักการเมืองที่สังกัดพรรคของตนนั่นเอง

นั่นยังไม่นับรวมสส.ฝ่ายรัฐบาลในสภา จะใช้ความสนิทสนมส่วนตัวเที่ยวขอโครงการรัฐหรือขอโครงการให้กับภาคเอกชน เพื่อจะได้รับเงินใต้โต๊ะอีกต่างหากนะครับ

การคอร์รัปชั่นทั้งทางตรง-ทางอ้อม ทั้งลับและเปิดเผย ทั้งงบประมาณหลวงและเอกชน ซึ่งโลกถือว่า..เป็นปลวกกัดกร่อนสังคมประชาธิปไตยอย่างร้ายแรงนั้น พรรคการเมืองในยุคเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฏาคม 2554 จึงมีแต่นโยบายประชานิยม-ลด-แลก-แจก-แถม ที่มีทั้งทำได้และทำไม่ได้เต็มไปหมด โดยไม่มีนโยบายปราบปรามคอร์รัปชั่นแม้แต่พรรคเดียวเลย!

เพราะพรรคการเมืองไทยแทบทุกพรรค หากได้เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่..ก็มักจะจมปลัก อยู่กับการคอร์รัปชั่นโกงกินทุกครั้งครา

เมื่อสื่อมวลชนหรือภาคประชาชนออกมาแฉโพยคัดค้าน พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลก็มักจะสวมวิญญาณ รัฐบาลคณา-ธนา-โจราธิปไตยใช้อำนาจบาตรใหญ่ ใช้สื่อของรัฐให้ร้ายป้ายสีฝ่ายต่อต้าน หรือคัดค้านการคอร์รัปชั่น บ่อยครั้งถึงขนาดใช้กลไกรัฐอย่างตำรวจ เข้าดำเนินการกลั่นแกล้ง-ยัดข้อหาเกินจริง ให้ภาคประชาชนที่รักชาติและคู่กรณีหรือคนเห็นต่างอยู่เสมอๆ

แน่นอน..รัฐสภาและรัฐบาลมักจะใช้ข้ออ้าง หรือด้วยคำพูดไพเราะเสนาะหูว่า กฏหมายของรัฐสภาหรือโครงการ(โกงกิน)นี้ของรัฐบาล ออกมาเพื่อพัฒนาชาติ..ดังนั้น..คนไทยที่ได้รับผลกระทบส่วนหนึ่ง(ในบริเวณที่จะทำโครงการใหญ่ของรัฐหรือเอกชน) จึงต้องยอมเสียสละ-เสียประโยชน์กันบ้างเพื่อ(อ้าง)ชาติไงล่ะครับ

เป็นหลักธรรมชาติ..ที่ว่า นักการเมืองซื้อเสียง-ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน มักหนีไม่พ้นกับการเป็นเผด็จการรัฐสภา และชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างอธรรมเสมอ!

ปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะเมืองไทยมีเลือกตั้ง ที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่เป็นการซื้อเสียงเลือกตั้งด้วยเงิน เพื่อยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน-ใช้อำนาจรัฐเพื่อหาเงิน เรื่องชั่วร้ายเช่นนี้..เกิดขึ้นจากผลงานห่วยแตกของ กกต. 5 คนนั่นเอง

การเลือกตั้งครั้งล่าสุด..นักเลือกตั้งแทบทุกพรรค ได้ทำผิดกฏหมายกันอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์ โดยกกต.ทำเป็นไม่รู้-ไม่ชี้ เอาหูไปนา-ทำตาไปไร่ ไม่มีการวินิจฉัยว่า..การหาเสียงพรรคไหนถูกและผิด

การเลือกตั้งครั้งนี้-เต็มไปด้วยการซื้อเสียงและโกงนานัปการ โดยกกต.ใหญ่บางคนถึงกับยอมรับว่า มีการใช้เงินซื้อเสียงหลายหมื่นล้านบาท เรียกว่า..ซื้อเสียงมากเป็นประวัติการณ์ แต่กกต.ก็ไม่สามารถจับคนซื้อเสียง ก่อนการเลือกตั้งได้แม้แต่รายเดียว!

การเลือกตั้งครั้งนี้-พรรคการเมืองต่างๆของนักเลือกตั้ง ใช้นโยบายโกหกพกลมที่ทำได้บ้าง-ทำไม่ได้บ้าง หลอกลวงประชาชนคนไทยทั้งชาติ แต่กกต.ก็ไม่เคยลงโทษพรรคการเมืองใดเลย

การเลือกตั้งครั้งนี้-กกต.ยังปล่อยให้พรรคการเมืองต่างๆ ส่งนักการเมืองที่ไม่ได้คัดกรองว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี ถึงขนาดผู้สมัครบางคน-บางพรรค คนไทยทั้งชาติรู้เช่นเห็นชาติว่า..เลวบริสุทธิ์แต่กกต.ก็ไม่มีการคัดกรองคนชั่วออกไป ไม่มีการวินิจฉัยว่า..คนชั่วเหล่านั้นมีสิทธิ์สมัครหรือไม่?

การเลือกตั้งล่วงหน้า..ที่เกิดความบกพร่อง ชนิดที่อภัยให้ไม่ได้ของกกต. เพราะทำให้ประชาชนถึง 2 ล้านคน ไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งตามกฏหมายรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากที่กกต. 5 คนจะต้องรับผิดชอบโดยตรง

แต่ กกต.ทั้งองค์กรและ กกต.ทั้ง 5 คน ยังทำเฉยและปกปิดความบกพร่อง ที่พวกตนกระทำขึ้นด้วยการเดินหน้าประกาศรับรอง ส.ส.ต่อไป โดยทิ้งเรื่องไม่โปร่งใสมากมายในการเลือกตั้งครั้งนี้..ให้คงคาค้างต่อไป อีกทั้งเรื่องที่ทำให้ชาติและประชาชนเสียหายอย่างใหญ่หลวงยังคงไม่มีกกต.หน้าไหนออกมารับผิดชอบเลย

การเลือกตั้ง 3 กรกฏาคม 2554 ที่มีเรื่องบกพร่อง-ผิดพลาดมากมาย..เป็นโมฆะหรือไม่? อีกหลายพรรคการเมืองที่โฆษณาหลอกลวงประชาชน..จะโดนยุบพรรคหรือเปล่า?

ปัญหาทั้งหมดเกิดจากข้อผิดพลาดของ กกต. 5 คน จะโดยจงใจ-รู้เท่าไม่ถึงการณ์-ประมาท ฯลฯ ได้กลายเป็น“ระเบิดเวลา”ที่รอเวลาระเบิด“ตูม”อยู่ครับ !!!