xs
xsm
sm
md
lg

ปู-ยิ่งลักษณ์ แค่ว่าที่นายกฯ “ส่งของ” ให้พี่ชาย !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
แม้นาทีนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยังไม่รับรองให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็น ส.ส.ก็ตาม แต่เชื่อว่าวันที่ 19 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันที่จะมีการพิจารณาชี้ขาดอีกรอบจะไม่มีปัญหาเธอจะต้องผ่านฉลุย หรือถ้าเลวร้ายที่สุดก็เพียงแค่ “ปล่อยผี” ไปก่อนแล้วกกต.ก็อ้างว่าค่อยมาสอยเอาทีหลังแก้เกี้ยวกันไป

อย่างไรก็ดีเมื่อแยกมาพิจารณาเฉพาะตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะถูกวางตัวเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ว่าแท้ที่จริงแล้วคนที่ผลักดัน ชักใยอยู่เบื้องหลังมีเป้าหมาย และหวังผลอย่างไรกันแน่

ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องมาอ้อมค้อมเพราะรู้กันดีอยู่แล้วว่า คนที่กำหนดเกมทุกอย่างภายในพรรคเพื่อไทยก็คือ ทักษิณ ชินวัตรอย่างแน่นอน ใครที่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ก็ต้องบอกว่าไม่โง่ก็ต้องบ้าขนาดหนัก และมาคราวนี้ก็ได้ผลักดันให้ “น้องสาว” คือ ยิ่งลักษณ์ เป็น “โคลนนิ่ง” ของตนเอง สร้างกระแสเป็นจุดขายพร้อมๆกับความแปลกใหม่ในเรื่องของ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก โดยที่กำหนดเป็นสโลแกนอย่างชัดเจนว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” นำเอานโยบายประชานิยมในอดีตที่เคยทำเอาไว้มาสานต่อ และก็ได้ผลให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ได้เสียงข้างมากเกินครึ่ง จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวก็ทำได้

อย่างไรก็ดีสำหรับคนอย่าง ทักษิณ ที่ต้องคิดในเรื่องความมั่นคง สร้างผลกำไรสูงสุดแล้วก็ต้องมีหลักประกันด้วยการดึงเอาพรรคการเมืองอื่นเข้ามาร่วมรัฐบาลถึง 5 พรรคได้คะแนนเสียงสนับสนุนรวมกันถึง 300 เสียง ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของพวกที่กระสันอยากเข้าร่วมรัฐบาลอยู่ตลอดเวลาของพวก “กลุ่มสมศักดิ์ เทพสุทิน” ในพรรคภูมิใจไทยอีกจำนวน 6-7 ที่นั่งสำรองเอาไว้ในภายหน้า มันก็ยิ่งแน่นปึ้กขึ้นไปอีก

ด้วยคะแนนเสียงที่เกิน 300 เสียงดังกล่าวมันก็ต้องมาพิจารณากันต่อไปว่า ทำไมต้องแสวงหาเสียง ส.ส.เข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ แม้ว่าหากจะแก้ตัวว่าเผื่อเหลือเผื่อขาด หรือแม้แต่อ้างว่ายังไม่ชัวร์เรื่องการรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ที่ยังแขวนไว้อีกหลายคนมันก็พอฟังได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลายคนที่ “รู้ทัน” มองออกว่านี่คือแผนการที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อให้มีเสียงเพียงพอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิดให้กับตัวเองใช่หรือไม่ ซึ่งเสียง ส.ส.มากขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา ส.ว.ที่ยังคุมไม่ได้มากนัก

เพราะถึงจะมีการอ่อยเหยื่อแบบ “เหลี่ยมจัด” ออกมาโดยตลอดว่าหากจะมีการนิรโทษกรรมลบล้างความผิดก็ต้องเหมารวมกันทุกกลุ่ม ทุกสี เพื่อความปรองดอง ให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ เป็นคำพูดที่สวยหรูน่ากราบกรานในความเสียสละเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรเนื้อแท้แล้วก็คือต้องการให้ “ตัวเองพ้นจากความผิด” ได้คืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท และกลับเข้ามาสู่วงการเมืองได้อีกรอบเท่านั้นเอง

หากวิเคราะห์กันถึงเป้าหมายของเขาที่ต้องการก็คือไม่ต้องให้มีชนักปักหลังในเรื่องคดีอาญาโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ต้องการให้มีประวัติต้องคดี “เคยถูกจำคุก” เพราะนั่นเท่ากับว่าเป็นการ “ปิดประตู” สำหรับการกลับมาสู่วงการเมืองได้ตลอดกาล เป็นคุณสมบัติต้องห้าม

ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือต้องรื้อรัฐธรรมนูญเสียใหม่ ซึ่งก็ไม่มีวิธีใดที่ดีเท่ากับการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคือฉบับปี 50 แล้วนำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ใหม่แล้วพ่วงบทเฉพาะกาลเข้าไปว่าสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ถือว่าไม่มีผลทางกฎหมาย นั่นก็หมายความว่าคดีของเขาไม่ว่าจะถูกจำคุก คดีที่ยังคาอยู่ในศาลทั้งคดีอาญา คดีทุจริตสารพัดจะถูกลบล้างทิ้งไปหมดด้วยเหตุผลเดียวคือเป็นผลจากการรัฐประหารไม่ชอบธรรม ซึ่งเวลานี้เริ่มมีการส่งสัญญาณให้เคลื่อนไหวกันแล้ว โดยผ่านทางแกนนำคนเสื้อแดง และคราวนี้คนที่นำร่องออกมาก่อนก็คือ มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ที่มีแบ็กกราวด์เป็นอดีตผู้พิพากษามาก่อนเป็นคนเดินเรื่องในลักษณะโยนหินถามทางในแบบการทำ “ประชามติ” สอบถามความเห็นประชาชนว่าต้องการรัฐธรรมนูญแบบไหนให้เลือกเอาระหว่างฉบับปี 40 กับฉบับปี 50 โดยอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับหลังเป็นผลผลิตของเด็จการ แต่กลับไม่ยอมพูดถึงว่าฉบับดังกล่าวนั้นได้มีการแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องมาจากฉบับปี 40 แล้วทั้งสิ้น

เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของการจะนำรัฐธรรมนูญปี 40 รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดดังกล่าวหลายคนเชื่อว่าเป็นความต้องการของทักษิณอย่างยิ่งยวด ขณะเดียวกันนี่ก็คือคำตอบว่าทำไมเขาถึงต้องการผลักดันให้มีรัฐบาลผสมมีเสียงสนับสนุนเกิน 300 เสียง เป็นการเตรียมการเพื่อรองรับภารกิจส่วนตัวที่สำคัญในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันเมื่อหันมาทาง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่ว่ามองมุมไหนเธอก็ไม่ใช่นายกฯถาวรทั้งบุคลิกลักษณะ รวมไปถึงกึ๋นในตัว มันก็เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นแค่ชั่วคราว เหมือนกับ “รอส่งของ” ส่งมอบให้พี่ชายหลังจากภารกิจแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้ว

หากนับนิ้วคิดเวลาแล้วภารกิจต่างๆที่ต้องเร่งดำเนินการน่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 7-8เดือนเมื่อถึงเวลานั้นเธอก็จะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ และทักษิณ ก็จะโดดลงสนามการเมืองหวังกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ

แม้ว่านี่คือการคาดหมายล่วงหน้า แต่ดูตามรูปการณ์แล้วมันต้องเดินไปแบบนี้แน่นอน !!
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น