• เปิดงานเทศน์มหาชาติฯ
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 54 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จฯลง ณ หอประชุมราชแพทยาลัย โรงพยาบาลศิริราช ทรงเปิดงาน “เทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเฉลิมพระเกียรติ 79 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล” และทรงสดับพระธรรมเทศนามหาชาติเวสสันดรชาดก “กัณฑ์ทศพร 19 พระคาถา”
• เปลี่ยนเครื่องทรง
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 54 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์ พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นทรงเครื่องฤดูฝน ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
• บำเพ็ญพระราชกุศล
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 54 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์ พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเทศกาลเข้าพรรษา ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
• อุปสมบทนาคหลวง
เมื่อวัน ที่ 8 ก.ค. 54 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ ในการพระราชพิธีอุปสมบทนาคหลวง พุทธศักราช 2554 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
• หล่อเทียนจำนำพรรษา
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 54 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จฯเป็นองค์ประธานประกอบพิธีหล่อเทียนจำนำพรรษา ณ พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งจะอัญเชิญไปประจำในวัดเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 26 วัด และในต่างจังหวัด 36 วัด รวมทั้งสิ้น 62 วัด
• บรรพชาเฉลิมพระเกียรติ “พระราชินี”
นายชาญศักดิ์ จริยวิทยานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 5 จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับศูนย์ฝึกฯ จัดโครงการบรรพชาเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยนำเด็กและเยาวชนภายใต้การดูแลของศูนย์ฝึกฯจำนวน 80 คน เข้าบรรพชาเป็นสามเณร ในวันที่ 9 ส.ค.54 ณ สำนักสงฆ์ทุ่งเศรษฐี ต.หัวเรือ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา
• กรมศิลป์จัดนิทรรศการ
แสดงตราสัญลักษณ์
เนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 กรมศิลปากร ได้จัดงานนิทรรศการตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป์ ระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. ถึง 31 ธ.ค. โดยได้นำภาพตราสัญลักษณ์ เนื่องในพระราชพิธีต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ปี 2514 จนถึงปัจจุบันมาจัดแสดง
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการจดหมายเหตุพระราชพิธีทรงพระผนวช นิทรรศการถาวรเรื่อง พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช คลองห้า จ.ปทุมธานี
• เครือข่ายคุณธรรมประกาศ
สร้างสังคมซื่อตรง
จากการจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ประจำปี 54 ที่ผ่านมา เครือข่ายสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ได้ร่วมประกาศปฏิญญาเพื่อการขับเคลื่อนคุณธรรมความซื่อตรงของสังคมไทย ในการร่วมก่อตั้งเครือข่ายช่วยสังคม คุณธรรมแห่งชาติ และมุ่งมั่นทำให้สถาบัน และเครือข่าย เป็นต้นแบบ ซึ่งมีผู้นำ ผู้ปฏิบัติงาน และวัฒนธรรมองค์กร เอื้อต่อการสร้างความซื่อตรง และประกาศให้วันที่ 22 ก.ค. ของทุกปี เป็นวันแห่งความซื่อตรงของสังคมไทย โดยเครือข่ายจะร่วมกันสร้างระบบและกระบวนการยกย่องเชิดชูการเป็นต้นแบบด้านคุณธรรมความซื่อตรง ในระดับบุคคลและหน่วยงานอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ จะใช้มาตรการทางสังคม ลงโทษและประณามผู้ฝ่าฝืนกฎกติกามารยาททางสังคมและกฎหมายบ้านเมือง ขยายเครือข่ายสังคมคุณธรรม และการรณรงค์ค่านิยมความซื่อตรงให้กว้างขวาง โดยยึดการขับเคลื่อนเครือข่ายสังคมคุณธรรม พ.ศ.2555-2564 และแผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติ พ.ศ.2555-2559 ที่ผ่านความเห็นชอบจากสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 จัดทำกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมาย
• พศ.เตรียมหารือ ศธ.
รื้อฟื้นสวดมนต์หน้าเสาธง
ดร.อำนาจ บัวศิริ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า จากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่พบว่าชาวพุทธกว่าร้อยละ 25 ไม่เคยทำบุญตักบาตรและสวดมนต์นั้น อาจเป็นเพราะการนำเสนอข่าวในแง่ลบของพระสงฆ์ ทำให้ประชาชนหันไปทำบุญกับสถานสงเคราะห์แทน ส่วนกรณีผู้ไม่สวดมนต์อาจเห็นว่าการสวดมนต์เป็นภาษาบาลีอ่านยาก นักเรียนในปัจจุบันไม่มีการปลูกฝังให้รักการสวดมนต์ ดังนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)จะหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ขอความร่วมมือให้โรงเรียนทั่วประเทศรื้อ ฟื้นการสวดมนต์หน้าเสาธงกลับมาอีกครั้ง
• กรรมการ มส.ขอให้รัฐบาลใหม่
เห็นความสำคัญของงานศาสนา
พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลใหม่เห็นความสำคัญของงาน ด้านศาสนา โดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรีที่จะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ควรมีวิสัยทัศน์ และเป็นผู้ที่มีความรู้งานด้านศาสนา เข้าใจหลักธรรมคำสอน ที่สำคัญต้องน้อมนำพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะมีส่วนสำคัญให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ไม่ฟุ่มเฟือยไปกับวัตถุนิยม ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาดูแลงานด้านศาสนาต้องเข้าใจการบริหารงานของคณะสงฆ์ เป็นแบบอย่างในการสร้างคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักการเมืองไทย เป็นนักเสียสละ ที่สำคัญอยากให้รัฐบาลสนับสนุนเรื่องการศึกษาของพระสงฆ์ เพื่อช่วยส่งเสริมวงการพระสงฆ์ไทยให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 129 สิงหาคม 2554)