ASTVผู้จัดการรายวัน- สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวารพระราชทานพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ครบ 7 วัน "ในหลวง" โปรดเกล้าฯ พิมพ์หนังสือแจกผู้มาร่วมพิธี 7 วัน ด้านที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง คาดจัดสร้างพระเมรุในปี 56 เพื่อความเหมาะสม “นิพิฏฐ์” เผยจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุงานพระราชพิธีพระศพ พิมพ์ 2 เล่มจบ คาดเสร็จปลายปี 55
จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ สำนักพระราชวังจัดการพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี และให้ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมพระราชทานพระโกศทองใหญ่ และฉัตร 5 ชั้นประดับชั้นยศ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 7
วานนี้ 3 ส.ค.54 เวลา 10.25 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราช เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวารพระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ครบ 7 วัน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
เมื่อเสด็จฯ ถึง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันออก สวดถวายพรพระจบ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์พระราชทานฉันเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
เจ้าพนักงานนิมนต์พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ที่จะถวายพระธรรมเทศนาและสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระพรหมมุนีถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา จบ พระ 4 รูป สวดพระธรรมคาถา และทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตรถวายพระเทศน์และพระสวดธรรมคาถา ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์อีก 86 รูปเท่าพระชันษาสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงหลั่งทักษิโณทก สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสด็จพระราชดำเนินก
ลับ
ทั้งนี้ เวลา 07.00 น. ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ เป็นองค์ประธานพิธีบำเพ็ญพระกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรมจากวัดราชสิทธาราม และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ราชวรมหาวิหาร
สำหรับบรรยากาศบริเวณลานพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีประชาชนเดินทางมาสักการะพระศพอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดทั้งวันมีบุคคลสำคัญ หน่วยงานรัฐ เอกชน และประชาชนเข้าสักการะพระศพ และวางพวงมาลาถวายสักการะพระศพ อาทิ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพบกภาคที่ 4 โรงเรียนสยามธุรกิจ ในพระอุปถัมภ์ สาขาเทคโนโลยีและการสื่อสาร
***"ในหลวง" โปรดเกล้าฯ พิมพ์หนังสือแจกผู้มาร่วมพิธี 7 วัน
ภายหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวารพระราชทานพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สำนักพระราชวัง แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักราชเลขาธิการจัดพิมพ์หนังสือ เรื่อง "การประดิษฐานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี" เพื่อพระราชทานในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง โดยนำมาแจกจ่ายให้กับบุคคลสำคัญและคณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ รวมถึงประชาชน ที่มาร่วมในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลฯ
สำหรับ หนังสือ เรื่อง " การประดิษฐานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี " เป็นหนังสือปกอ่อนสีเทา ความหนา 28 หน้า จัดพิมพ์จำนวน 10,000 เล่ม โดยในหนังสือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นสมเด็จพระบรมปิตุลาธิราช ว่า ทรงเป็นกุลเชษฐ์แห่งพระบรมราชวงศ์ ทรงเป็นที่เคารพนับถือในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ และทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจที่เป็นคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองนานัปการ เมื่อสิ้นพระชนม์ในวันพุธที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2554 เป็นเหตุให้ทรงเศร้าสลดพระราชหฤทัย และเป็นที่โศกาลัยของประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประดิษฐานพระศพไว้ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานเป็นลำดับตามโบราณราชประเพณี
บัดนี้ ถึงวาระที่จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร พระราชทานในวันพุธที่ 3 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิมพ์หนังสือเรื่องน่ารู้สำหรับประชาชน เกี่ยวกับรายละเอียดในการประดิษฐานพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ขึ้นเป็นพระอนุสรณ์วิทยาทานสำหรับพระราชทานแก่ผู้มาถวายสักการะพระศพ
ทรงตั้งพระราชหฤทัยพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศล กับประโยชน์ทั้งปวงอันพึงเกิดจากหนังสือพระราชทานทั้งนี้ แก่ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ผู้สิ้นพระชนม์ไปแล้วนั้นทุกประการ ลงท้าย อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พุทธศักราช 2554
นอกจากนี้ ภายในหนังสือยังมีพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ฉายเมื่อพ.ศ.2548 ทรงฉลองพระองค์ลูกไม้และผ้าคลุมพระอังสาสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นสีที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ใช้เป็นสีประจำพระองค์ ประดับเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่ง มหาจักรีบรมราชวงศ์ (ฝ่ายใน)
ส่วนเนื้อหา ประกอบไปด้วยพระประวัติของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ประวัติพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีต่างๆ มาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางมุขตะวันตก เป็นที่ประดิษฐานพระศพ พระมหากษัตริย์และสมเด็จพระอัครมเหสี และพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ในบางโอกาส รวมทั้งเรื่องราวของการประดิษฐานพระศพของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ที่ประกอบด้วย พระโกศทองใหญ่ ประดิษฐานภายใต้เบญจปฎลเศวตฉัตร (ฉัตรขาว 5 ชั้น) ตามพระอิสริยยศเจ้าฟ้า เครื่องอิสริยยศราชูปโภคและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชสักการะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีภาพในวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยาในพระบรมมหาราชวังเพื่อทรงประกอบพิธีสรงน้ำพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ รวมถึงแผนผังการประดิษฐานพระศพภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ทั้งนี้ สำนักพระราชวัง จะแจกหนังสือในวันครบรอบ 7 วัน 15 วัน 50 วัน และ 100 วัน ซึ่งในแต่ะวันจะเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาแตกต่างกัน
***คาดจัดสร้างพระเมรุปี 56
ด้านนาย รัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง กล่าวว่า พระราช พิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพสัตตมวาร 7 วัน เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังจากวันนี้ สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชน ขึ้นถวายสักการะพระศพตั้งแต่12.00 น.-16.00 น. และร่วมฟังสวดพระอภิธรรมพระศพ ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.โดยจะแจกจ่ายภาพโปสการ์ดที่ระลึกให้ผู้ที่เดินทางมาสักการะพระศพทุกคน จากนั้น จะมีพระราชพิธีอีกครั้ง คือบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร 15 วัน ในวันพุธที่ 10 ส.ค.และพฤหัสบดี ที่ 11 ส.ค.ซึ่งในราชประเพณีถือปฏิบัติว่า ผู้ที่จะเป็นเจ้าภาพก็คือพระญาติเท่านั้น ต่อจากนั้นทุกวันพุธของทุกสัปดาห์ โปรดเกล้าฯให้มีเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ซึ่งจะมีความสำคัญ ตามระดับชั้นลดหลั่นลงมา อาทิ ราชสกุลทุกมหาสาขา องค์มนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ตุลาการ ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ รวมทั้งพิธีกงเต๊ก จนครบพิธีหลวง 100 วัน
ต่อข้อถามถึงแนวทางการจัดสร้างพระเมรุ ของกรมศิลปากร ที่มีการระบุออกมาว่าจะต้องใช้เวลาจัดสร้างนาน 6-8 เดือน นายรัตนาวุธ ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า การจัดสร้างพระเมรุ ควรที่จะแล้วเสร็จก่อน วันที่ 5 ธ.ค.เนื่องจากเป็นปีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะมีการจัดงานใหญ่ ดังนั้นไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ถ้าจะมีพระเมรุตั้งอยู่ในท้องสนามหลวง นอกจากนี้ในปี 55 จะมีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ก็ไม่เหมาะสมเช่นกันที่จะจัดสร้างพระเมรุ ดังนั้น หากกรมศิลปากรทำไม่ทัน ก็ควรที่จะไปจัดสร้างในปี 56 ไปเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว มองว่ากรมศิลปากรน่าจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ตอนนี้ สำนักพระราชวังรออย่างเดียว ถ้ามีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการแล้วกรมศิลปากรบอกว่าสร้างไม่ได้ สำนักพระราชวังอาจจะเสนอดำเนินการจัดสร้างเอง ขอให้ไปคิดดูเอาเองว่า พาวิลเลียม ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ที่ยิ่งใหญ่ลงทุนเป็นพันล้าน ก็ไม่ได้สร้างเป็นปี อย่างน้อยกรมศิลปากรควรจะบอกให้ชัดเจนก่อนวันที่ 15 ส.ค.ว่าจะทำได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้กระทบถึงงานวันที่ 5 ธ.ค.
***พิมพ์หนังสืองานพระศพ เสร็จปลายปี55
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดเก็บรายละเอียดทุกวัน ทั้งภาพ เสียง เอกสาร บุคคล วัตถุต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุงานพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งได้ย้ำให้เก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ จะตั้งคณะกรรมการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุและหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน ส่วนยอดพิมพ์ในขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะพิมพ์จำนวนเท่าไหร่ แต่ดูจากงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นตัวอย่าง ใช้งบประมาณประมาณ 17 ล้านบาท
“ผมย้ำไปยังนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และกรมศิลปากร จัดงานให้สมพระเกียรติ และอยู่บนพื้นฐานของความประหยัด อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณของ วธ. ขอให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐมนตรีใหม่เข้ามาสานต่อ งานนี้ต้องเดินทุกวัน ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐมนตรี แม้จะมีรัฐมนตรีหรือไม่ ” รมว.วธ. กล่าว
ด้านนางสุรีย์รัตน์ วงศ์เสงี่ยม ผู้อำนวยการสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร กล่าวว่า สำหรับการจัดทำจดหมายเหตุงานพระราชพิธีพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ทางหอจดหมายเหตุฯได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปบันทึกตั้งแต่วันแรก 28 ก.ค. ซึ่งเป็นพิธีพระราชทานน้ำสรงพระศพ โดยจะมีการบันทึกทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศล หรือการบำเพ็ญพระกุศล รวมทั้งจะมีการบันทึกพระราชพิธีต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก งานพระเมรุ งานพระราชทานเพลิงพระศพ จนเสร็จพระราชพิธีทั้งหมด นำมารวบรวมทำเป็นหนังสือจดหมายเหตุฯ จำนวน 2 เล่มจบ ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างไรก็ตาม ทางหอจดหมายเหตุแห่งชาติ คาดว่า จะจัดทำหนังสือจดหมายเหตุฯแล้วเสร็จหลังงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ปลายปี 2555.
จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ สำนักพระราชวังจัดการพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี และให้ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมพระราชทานพระโกศทองใหญ่ และฉัตร 5 ชั้นประดับชั้นยศ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 7
วานนี้ 3 ส.ค.54 เวลา 10.25 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราช เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวารพระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ครบ 7 วัน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
เมื่อเสด็จฯ ถึง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันออก สวดถวายพรพระจบ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์พระราชทานฉันเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
เจ้าพนักงานนิมนต์พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ที่จะถวายพระธรรมเทศนาและสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระพรหมมุนีถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา จบ พระ 4 รูป สวดพระธรรมคาถา และทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตรถวายพระเทศน์และพระสวดธรรมคาถา ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์อีก 86 รูปเท่าพระชันษาสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงหลั่งทักษิโณทก สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสด็จพระราชดำเนินก
ลับ
ทั้งนี้ เวลา 07.00 น. ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ เป็นองค์ประธานพิธีบำเพ็ญพระกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรมจากวัดราชสิทธาราม และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ราชวรมหาวิหาร
สำหรับบรรยากาศบริเวณลานพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีประชาชนเดินทางมาสักการะพระศพอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดทั้งวันมีบุคคลสำคัญ หน่วยงานรัฐ เอกชน และประชาชนเข้าสักการะพระศพ และวางพวงมาลาถวายสักการะพระศพ อาทิ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพบกภาคที่ 4 โรงเรียนสยามธุรกิจ ในพระอุปถัมภ์ สาขาเทคโนโลยีและการสื่อสาร
***"ในหลวง" โปรดเกล้าฯ พิมพ์หนังสือแจกผู้มาร่วมพิธี 7 วัน
ภายหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวารพระราชทานพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สำนักพระราชวัง แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักราชเลขาธิการจัดพิมพ์หนังสือ เรื่อง "การประดิษฐานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี" เพื่อพระราชทานในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง โดยนำมาแจกจ่ายให้กับบุคคลสำคัญและคณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ รวมถึงประชาชน ที่มาร่วมในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลฯ
สำหรับ หนังสือ เรื่อง " การประดิษฐานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี " เป็นหนังสือปกอ่อนสีเทา ความหนา 28 หน้า จัดพิมพ์จำนวน 10,000 เล่ม โดยในหนังสือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นสมเด็จพระบรมปิตุลาธิราช ว่า ทรงเป็นกุลเชษฐ์แห่งพระบรมราชวงศ์ ทรงเป็นที่เคารพนับถือในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ และทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจที่เป็นคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองนานัปการ เมื่อสิ้นพระชนม์ในวันพุธที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2554 เป็นเหตุให้ทรงเศร้าสลดพระราชหฤทัย และเป็นที่โศกาลัยของประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประดิษฐานพระศพไว้ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานเป็นลำดับตามโบราณราชประเพณี
บัดนี้ ถึงวาระที่จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร พระราชทานในวันพุธที่ 3 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิมพ์หนังสือเรื่องน่ารู้สำหรับประชาชน เกี่ยวกับรายละเอียดในการประดิษฐานพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ขึ้นเป็นพระอนุสรณ์วิทยาทานสำหรับพระราชทานแก่ผู้มาถวายสักการะพระศพ
ทรงตั้งพระราชหฤทัยพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศล กับประโยชน์ทั้งปวงอันพึงเกิดจากหนังสือพระราชทานทั้งนี้ แก่ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ผู้สิ้นพระชนม์ไปแล้วนั้นทุกประการ ลงท้าย อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พุทธศักราช 2554
นอกจากนี้ ภายในหนังสือยังมีพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ฉายเมื่อพ.ศ.2548 ทรงฉลองพระองค์ลูกไม้และผ้าคลุมพระอังสาสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นสีที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ใช้เป็นสีประจำพระองค์ ประดับเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่ง มหาจักรีบรมราชวงศ์ (ฝ่ายใน)
ส่วนเนื้อหา ประกอบไปด้วยพระประวัติของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ประวัติพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีต่างๆ มาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางมุขตะวันตก เป็นที่ประดิษฐานพระศพ พระมหากษัตริย์และสมเด็จพระอัครมเหสี และพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ในบางโอกาส รวมทั้งเรื่องราวของการประดิษฐานพระศพของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ที่ประกอบด้วย พระโกศทองใหญ่ ประดิษฐานภายใต้เบญจปฎลเศวตฉัตร (ฉัตรขาว 5 ชั้น) ตามพระอิสริยยศเจ้าฟ้า เครื่องอิสริยยศราชูปโภคและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชสักการะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีภาพในวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยาในพระบรมมหาราชวังเพื่อทรงประกอบพิธีสรงน้ำพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ รวมถึงแผนผังการประดิษฐานพระศพภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ทั้งนี้ สำนักพระราชวัง จะแจกหนังสือในวันครบรอบ 7 วัน 15 วัน 50 วัน และ 100 วัน ซึ่งในแต่ะวันจะเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาแตกต่างกัน
***คาดจัดสร้างพระเมรุปี 56
ด้านนาย รัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง กล่าวว่า พระราช พิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพสัตตมวาร 7 วัน เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังจากวันนี้ สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชน ขึ้นถวายสักการะพระศพตั้งแต่12.00 น.-16.00 น. และร่วมฟังสวดพระอภิธรรมพระศพ ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.โดยจะแจกจ่ายภาพโปสการ์ดที่ระลึกให้ผู้ที่เดินทางมาสักการะพระศพทุกคน จากนั้น จะมีพระราชพิธีอีกครั้ง คือบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร 15 วัน ในวันพุธที่ 10 ส.ค.และพฤหัสบดี ที่ 11 ส.ค.ซึ่งในราชประเพณีถือปฏิบัติว่า ผู้ที่จะเป็นเจ้าภาพก็คือพระญาติเท่านั้น ต่อจากนั้นทุกวันพุธของทุกสัปดาห์ โปรดเกล้าฯให้มีเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ซึ่งจะมีความสำคัญ ตามระดับชั้นลดหลั่นลงมา อาทิ ราชสกุลทุกมหาสาขา องค์มนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ตุลาการ ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ รวมทั้งพิธีกงเต๊ก จนครบพิธีหลวง 100 วัน
ต่อข้อถามถึงแนวทางการจัดสร้างพระเมรุ ของกรมศิลปากร ที่มีการระบุออกมาว่าจะต้องใช้เวลาจัดสร้างนาน 6-8 เดือน นายรัตนาวุธ ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า การจัดสร้างพระเมรุ ควรที่จะแล้วเสร็จก่อน วันที่ 5 ธ.ค.เนื่องจากเป็นปีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะมีการจัดงานใหญ่ ดังนั้นไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ถ้าจะมีพระเมรุตั้งอยู่ในท้องสนามหลวง นอกจากนี้ในปี 55 จะมีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ก็ไม่เหมาะสมเช่นกันที่จะจัดสร้างพระเมรุ ดังนั้น หากกรมศิลปากรทำไม่ทัน ก็ควรที่จะไปจัดสร้างในปี 56 ไปเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว มองว่ากรมศิลปากรน่าจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ตอนนี้ สำนักพระราชวังรออย่างเดียว ถ้ามีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการแล้วกรมศิลปากรบอกว่าสร้างไม่ได้ สำนักพระราชวังอาจจะเสนอดำเนินการจัดสร้างเอง ขอให้ไปคิดดูเอาเองว่า พาวิลเลียม ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ที่ยิ่งใหญ่ลงทุนเป็นพันล้าน ก็ไม่ได้สร้างเป็นปี อย่างน้อยกรมศิลปากรควรจะบอกให้ชัดเจนก่อนวันที่ 15 ส.ค.ว่าจะทำได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้กระทบถึงงานวันที่ 5 ธ.ค.
***พิมพ์หนังสืองานพระศพ เสร็จปลายปี55
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดเก็บรายละเอียดทุกวัน ทั้งภาพ เสียง เอกสาร บุคคล วัตถุต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุงานพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งได้ย้ำให้เก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ จะตั้งคณะกรรมการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุและหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน ส่วนยอดพิมพ์ในขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะพิมพ์จำนวนเท่าไหร่ แต่ดูจากงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นตัวอย่าง ใช้งบประมาณประมาณ 17 ล้านบาท
“ผมย้ำไปยังนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และกรมศิลปากร จัดงานให้สมพระเกียรติ และอยู่บนพื้นฐานของความประหยัด อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณของ วธ. ขอให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐมนตรีใหม่เข้ามาสานต่อ งานนี้ต้องเดินทุกวัน ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐมนตรี แม้จะมีรัฐมนตรีหรือไม่ ” รมว.วธ. กล่าว
ด้านนางสุรีย์รัตน์ วงศ์เสงี่ยม ผู้อำนวยการสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร กล่าวว่า สำหรับการจัดทำจดหมายเหตุงานพระราชพิธีพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ทางหอจดหมายเหตุฯได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปบันทึกตั้งแต่วันแรก 28 ก.ค. ซึ่งเป็นพิธีพระราชทานน้ำสรงพระศพ โดยจะมีการบันทึกทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศล หรือการบำเพ็ญพระกุศล รวมทั้งจะมีการบันทึกพระราชพิธีต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก งานพระเมรุ งานพระราชทานเพลิงพระศพ จนเสร็จพระราชพิธีทั้งหมด นำมารวบรวมทำเป็นหนังสือจดหมายเหตุฯ จำนวน 2 เล่มจบ ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างไรก็ตาม ทางหอจดหมายเหตุแห่งชาติ คาดว่า จะจัดทำหนังสือจดหมายเหตุฯแล้วเสร็จหลังงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ปลายปี 2555.
