วันหนึ่งคืนหนึ่งผ่านไป ผ่านไปอยู่เรื่อยๆ สังขารร่างกายนับเวลาที่จะผ่านไปๆ โดยลำดับ พวกเราอย่าปล่อยให้วันคืนล่วงไปเฉยๆ ต้องให้มันผ่านไปด้วยการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมก็เพื่อจะกำจัดสิ่งปลอมแปลงนั้นออกให้เหลือแต่ของจริง คือแก่นแท้ของธรรม เฉพาะอย่างยิ่งคือ การหัดภาวนา ควรจะทำให้เกิดให้มีความแท้จริง งานอย่างอื่นเราก็เคยต่อสู้มาแล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ต่อสู้กับงานหนักงานเบามาแล้ว จนกระทั่งเวลาผ่านมาจนบัดนี้ เราก็ทำได้มาเรื่อยๆ แต่เวลานี้เราจะฝึกหัดภาวนา คือการทำจิตใจโดยเฉพาะ และการทำภาวนานี้ก็เป็นงานที่จำเป็นจะต้องทำเช่นเดียวกับงานชิ้นอื่นๆ หรือควรที่จะทำให้หนักยิ่งไปกว่างานอื่นๆ เสียอีก เพราะเป็นงานหนักและละเอียดกว่างานทั้งหลาย
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
การทำความดีเป็นสิ่งที่จำเป็น เราควรศึกษาให้เข้าใจชัด ให้เห็นแจ้งตามหลักแห่งความจริง แล้วมุ่งมั่นปฏิบัติด้วยสัจจะ จึงจะรู้ของจริง จึงจะได้ประสบความจริง เพราะคำว่าเป็นธรรมมีอยู่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา แต่จิตของเราเมื่อยังไม่เป็นธรรมแล้ว ถึงธรรมมีอยู่เราก็อ่านไม่ออก เพราะเราไม่ได้ศึกษา เหมือนผู้ไม่ได้ศึกษาตัวหนังสือไม่ได้ศึกษาภาษา ต่างๆ เขาใช้ได้ทั่วโลก แต่เราไม่ได้ศึกษา แล้วเราก็พูดไม่ได้ อ่านไม่ออก ถึงมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี ความสุขมีอยู่ แต่เราไม่ได้ศึกษาให้ถูกต้อง เราก็ไม่ได้รับผลจากสิ่งที่มีอยู่ คือ ความสุข ไม่ได้เป็นสมบัติของเราเลย เป็นสมบัติเลื่อนลอยอยู่อย่างนั้น ไม่เกิดประโยชน์แก่บุคคลผู้ไม่รู้จัก บุคคลผู้ไม่ศึกษา มรรค ผล ธรรมวิเศษ ถึงมีอยู่ก็ตาม เมื่อเราไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจ ไม่ประกอบให้ปรากฏขึ้นเป็นสมบัติ ของเราแล้ว เหมือนกับไม่มี ไม่ได้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่
หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ
วัดป่าเขาน้อย จ.บุรีรัมย์
เราที่เป็นชาวพุทธนิยมบวชลูกบวชหลาน เมื่อลูกหลานบวชเป็นพระก็ตาม บวชเป็นเณรก็ตาม ถ้าบวชเข้ามาอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์แล้ว ก็ชื่อว่าเป็นผู้มีศีล แม้แต่บิดามารดาก็ต้องมากราบ กราบลูกของตนที่บวชนั่น ที่อยู่ในผ้าเหลืองนั่น นี่แสดงให้เห็นว่าผู้มีศีลนั้น มีคุณงามความดี หรือว่าศีลนี้มีอำนาจวาสนา แม้แต่นายร้อย นายพล นายพัน พระราชา มหากษัตริย์ ก็มากราบผู้มีศีล จะอยู่ในวรรณะไหนก็ตาม ถ้ามาบวชแล้วถือว่าเป็นวรรณะที่สูง เป็นคนที่มีลาภ มียศ สูงกว่าพระมหากษัตริย์ อันนี้แหละคือศีล
หลวงปู่พวง สุขินทริโย
วัดป่าใหม่นิคมพัฒนาราม จ.ยโสธร
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 126 พฤษภาคม 2554)
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
การทำความดีเป็นสิ่งที่จำเป็น เราควรศึกษาให้เข้าใจชัด ให้เห็นแจ้งตามหลักแห่งความจริง แล้วมุ่งมั่นปฏิบัติด้วยสัจจะ จึงจะรู้ของจริง จึงจะได้ประสบความจริง เพราะคำว่าเป็นธรรมมีอยู่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา แต่จิตของเราเมื่อยังไม่เป็นธรรมแล้ว ถึงธรรมมีอยู่เราก็อ่านไม่ออก เพราะเราไม่ได้ศึกษา เหมือนผู้ไม่ได้ศึกษาตัวหนังสือไม่ได้ศึกษาภาษา ต่างๆ เขาใช้ได้ทั่วโลก แต่เราไม่ได้ศึกษา แล้วเราก็พูดไม่ได้ อ่านไม่ออก ถึงมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี ความสุขมีอยู่ แต่เราไม่ได้ศึกษาให้ถูกต้อง เราก็ไม่ได้รับผลจากสิ่งที่มีอยู่ คือ ความสุข ไม่ได้เป็นสมบัติของเราเลย เป็นสมบัติเลื่อนลอยอยู่อย่างนั้น ไม่เกิดประโยชน์แก่บุคคลผู้ไม่รู้จัก บุคคลผู้ไม่ศึกษา มรรค ผล ธรรมวิเศษ ถึงมีอยู่ก็ตาม เมื่อเราไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจ ไม่ประกอบให้ปรากฏขึ้นเป็นสมบัติ ของเราแล้ว เหมือนกับไม่มี ไม่ได้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่
หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ
วัดป่าเขาน้อย จ.บุรีรัมย์
เราที่เป็นชาวพุทธนิยมบวชลูกบวชหลาน เมื่อลูกหลานบวชเป็นพระก็ตาม บวชเป็นเณรก็ตาม ถ้าบวชเข้ามาอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์แล้ว ก็ชื่อว่าเป็นผู้มีศีล แม้แต่บิดามารดาก็ต้องมากราบ กราบลูกของตนที่บวชนั่น ที่อยู่ในผ้าเหลืองนั่น นี่แสดงให้เห็นว่าผู้มีศีลนั้น มีคุณงามความดี หรือว่าศีลนี้มีอำนาจวาสนา แม้แต่นายร้อย นายพล นายพัน พระราชา มหากษัตริย์ ก็มากราบผู้มีศีล จะอยู่ในวรรณะไหนก็ตาม ถ้ามาบวชแล้วถือว่าเป็นวรรณะที่สูง เป็นคนที่มีลาภ มียศ สูงกว่าพระมหากษัตริย์ อันนี้แหละคือศีล
หลวงปู่พวง สุขินทริโย
วัดป่าใหม่นิคมพัฒนาราม จ.ยโสธร
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 126 พฤษภาคม 2554)