xs
xsm
sm
md
lg

คนดังมีดี : อยู่กับความดี เป็นกำไรชีวิต ข้อคิดผู้กำกับ "ล้านแล้ว..จ้า" ดอกดิน กัญญามาลย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดอกดิน กัญญามาลย์ นักแสดง ผู้กำกับ และผู้สร้างภาพยนตร์ เจ้า ของประโยค “ล้านแล้ว.... จ้า” เพราะเคยสร้างภาพยนตร์เรื่อง “นกน้อย” จนได้รับรางวัลตุ๊กตาทองและทำรายได้เกินหลักล้านเป็นเรื่องแรก นอกจากนี้ ยังทำ ให้ชื่อของ “มิตร ชัยบัญชา - เพชรา เชาวราษฎร์” กลายเป็นดาราคู่ขวัญ

ในวัย 86 ปี แม้เรี่ยวแรงจะไม่เอื้อให้ทำงานหนักและเดินทางไกลเหมือนเช่นในอดีต แต่ยังได้ทำหน้าที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของวงการ คอยให้คำปรึกษาแก่นักแสดงและผู้กำกับรุ่นใหม่อยู่เสมอ ตลอดจนการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ

“เด็กๆทุกวันนี้เขาเก่ง เพราะเขาได้เรียนได้ศึกษาจากมหาวิทยาลัย แต่สมัยผมไม่มี ต้องแสวงหาเอาเอง เวลาที่เขามาเยี่ยม เหมือนได้มาคุยและมาถามอะไรไปในตัว ถ้าเขาจะทำภาพยนตร์ ส่วนใหญ่ผม จะบอกไปว่า มันมีให้เลือกสองทาง ถ้าเราจะทำเอาชื่อเสียง และทำตามใจเรามันก็อย่างหนึ่ง แต่ถ้าเราจะทำเอาสตางค์ มันก็ต้องอีกอย่างหนึ่ง ไม่ได้บอกให้ยึดทางใดทางหนึ่ง

ตัวอย่างเด็กชื่อ เจ้ย (อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล) ที่ได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเมืองคานส์ น่านิยมเขามาก เพราะว่าเขาเป็นผู้กำกับที่ตั้งใจทำงาน และจับตลาดของเมืองนอกได้ถูกว่าต้องการอะไร ผมว่าอนาคตเขาดีมาก”

ทุกวันนี้ดอกดินใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาคู่ชีวิต (บรรจง ชมกลิ่น หรือ บรรจง กัญญามาลย์ อดีตนางเอก ละครเวที) และคอยดูแลลูกๆ หลานๆ อยู่ที่บ้านใน ซ.วิภาวดี - รังสิต16 ใกล้กับสถานที่ซึ่งเขาเคยเปิดให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำภาพยนตร์และโรงถ่าย

นักแสดงผู้เติบโตมาจากการเล่นจำอวดและส่วนใหญ่ภาพยนตร์ที่เขาสร้างก็มักเป็นแนวบู๊ปนตลก บอกว่าตัวตนจริงๆนั้น ไม่ใช่คนตลก แต่จะเป็นผู้ใหญ่ที่คนรอบข้างให้ความเคารพนับถือมากกว่า

“พวกเขาจะเคารพผมมาก เพราะผมจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือคนทุกอย่าง นอกจากเรื่องเงิน ก็ยังช่วยเหลืออย่างอื่นด้วย ดังนั้นในสายตาพวกเขา ผมจึงเป็นคนที่เลี้ยงคน แล้วก็รักคนที่อยู่ด้วย

แต่ในเวลาที่ผมขึ้นเวที มันเหมือนมีอะไรมาเข้าสิง (หัวเราะ) อยู่ข้างล่างก็ไม่ค่อยเป็นคนตลกอะไร แต่พอขึ้นเวที เหมือนมีเจ้าเข้า ทำให้ตลกไปเลย คิดว่าครูบาอาจารย์คงมาเข้า

หรือในเวลาที่ผมทำสคริปต์ภาพยนตร์ ก็มักจะคิดอะไรที่ตลกออกมาได้ และมักจะไม่ทำให้ผู้ชมต้องผิดหวัง แต่ว่าตลกของผมมันประกอบด้วยหลายอย่าง ไม่ใช่แค่คำพูดนะครับ เพราะถ้าเป็นคำพูดแล้ว คนจะลืมง่าย ดังนั้นตลกของผมจะต้องมีท่าทาง มีของประกอบ สมมติว่าตลกในห้องน้ำก็จะมีถังร่วงลงมาในเวลาที่คนเข้าห้องน้ำ ผู้ชมจึงคล้ายๆว่าจะมีความทรงจำอยู่ ว่าไอ้ที่มีถังร่วงลงมา มันทำให้นึกถึงหนังของอีตาดอกดิน”

แต่เขาก็ยอมรับว่ามีบ้างเหมือนกันที่คำพูดปกติในชีวิตประจำวัน ทำให้คนข้างๆถึงกับฮากลิ้ง โดยเฉพาะภรรยา ซึ่งปีนี้นับเวลาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาครบ 60 ปีแล้ว

“ถือว่าอยู่ด้วยกันอย่างเป็นเนื้อคู่จริงๆ เป็นภรรยาเรา มีลูกมีเต้าด้วยกัน เมื่อสมัย ก่อนผมออกไปทำมาหากิน เขาก็จะเป็นคนที่คอยดูแลเรื่องบ้านช่อง เก็บเงินเก็บทอง เราทำงานมาด้วยกัน ผมทำหนัง เขาก็จะเป็นคนทำบัญชี บันทึกว่ามีใครเอาหนัง เราไปฉายที่ไหน”

และภรรยานี่เองที่ถือเป็นคนสำคัญ ส่งเสริมให้ชีวิตของดอกดินประสบความสำเร็จ แม้ในยามเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยิ่งทำให้รู้ซึ้งถึงความรักที่แท้จริงของภรรยา

“อายุเขาอ่อนกว่าผม 10 ปี เป็นคนที่เก็บเงินดี ไม่สุรุ่ยสุร่าย เวลาผมเจ็บไข้ได้ป่วย เขาก็ดูแล ที่ผมหยุดสร้างหนังไป เพราะผมไปผ่าตัดหัวใจ ต้องตื่นทุกๆ 8 ชั่วโมง ตื่นขึ้นมาก็เหลือบตาไปเห็นว่ามีผู้หญิงนั่งอยู่คนหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือภรรยาของเรานั่นเอง เขานั่งเฝ้าเราอยู่ รอดูว่าเราจะตื่นไหม พอตื่นขึ้นมา เราก็ได้เห็นเขาทุกครั้ง มันทำให้เราทั้งสะเทือนใจและรู้สึกรักอย่างสุดซึ้ง

ความรักที่แท้จริงมันฝังลึกลงไปในจิตใจของคนสองคน เกือบจะเรียกว่าหายใจร่วมกัน นี่คือความรักที่เป็นครอบครัว และทำให้เราอยู่ด้วยกันมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ไม่มีอะไรที่จะทำให้แตกหัก”

ด้วยวัยที่มากขึ้นและเคยผ่านการเจ็บป่วยมาแล้ว ทำให้ดอกดินต้องคอยระมัดระวังเรื่องการดูแลสุขภาพ แต่จะพยายามไม่ให้ตัวเองต้องเป็นภาระกับลูกหลานและคนรอบข้าง

“เวลามีอาหารมาวางบนโต๊ะ 5-6 อย่าง ผมก็จะดูว่าอะไรคือสิ่งที่ผมควรจะทาน เพราะเราต้องทานรวมกับคนอื่น ลูกเต้าเขาจะมาเอาใจอะไรเราคนเดียว เราก็ต้องเป็นฝ่ายเอาใจลูกเต้าเราด้วย ที่ผมทานได้คืออาหารจำพวกผัก ไอ้ของที่มันมากเราก็ทานไม่ได้ เพราะถ้าเส้นเลือดอุดตันขึ้นมา ก็ยุ่งอีก

ผมเคยไปทำบายพาส เพราะเส้นเลือดหัวใจอุดตัน ก็เลยระวังเรื่องอาหาร เน้นทานผัก ตอนเช้าทานแอปเปิ้ลครึ่งลูก ขนมปังนิดหนึ่ง กาแฟดื่มได้แก้วเดียว หลังจากนั้นก็ทานน้ำผลไม้ เป็นต้นว่า น้ำมะเขือเทศ น้ำส้มคั้นเอง และน้ำที่ช่วยระบายปัสสาวะ ต่อมลูกหมากจะได้ไม่เสียหาย น้ำตาลเกือบจะเรียกว่าทานไม่ได้เลย ต้องใส่น้ำตาลเทียม เราอยากจะให้มันหวานสักนิด ก็ใส่น้ำผึ้งลงไป ทานแต่ของที่มันมีประโยชน์ต่อเรา ส่วนเรื่องเหล้า เรื่องบุหรี่นี่หยุดไปเลย”

ส่วนเรื่องการออกกำลังกาย จะเน้นไปที่การเดินภาย ในรั้วบ้านทุกๆเย็น

“สมมติที่สัก 10 เมตร เดินกลับไปกลับมามันก็ 20 เมตรแล้ว เดิน 5 เที่ยวก็ 100 เมตรแล้ว พอเดินได้สัก 200 เมตร ผมก็นั่งพักเหนื่อย ดูนกดูอะไรไป เอาข้าวไปหว่านไว้ที่สนาม พอนกมากิน เรานั่งดู มันก็น่ารักดี”

จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ภาพยนตร์หลายเรื่องของดอกดินจะมีชื่อเกี่ยวกับสัตว์และมีเพลงประกอบให้ฟังอยู่เรื่อยๆ นั่นเพราะนิสัยที่เป็นคนรักสัตว์และแอบมีมุมโรแมนติกส่วนตัวนั่นเอง

ตัวอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง “นกน้อย” ที่ดอกดินได้ทำ หนังสือขอพระราชทานเพลง “ชะตาชีวิต” เพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ประกอบ หลังจากที่ได้สัมผัสในความไพเราะของท่วงทำนองและรู้สึกร่วมกับเนื้อหาของเพลง

กระทั่งต่อมาภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง เป็นที่ปลื้มปีติอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นผู้พระราชทานรางวัลนี้ให้แก่เขาด้วยพระองค์เอง

อดีตผู้กำกับชื่อดัง ซึ่งสร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนมานับไม่ถ้วน กล่าวว่าตัวเองเป็นคนโชคดี ที่แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และต้องพบเจอกับอุปสรรคในชีวิตมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเก็บเอาสิ่งนั้นมาเป็นปมด้อยและทำให้ชีวิตต้องตกอยู่ท่ามกลางความเครียด

“จะเครียดเฉพาะเวลาที่คิดเรื่องไม่ออก ก็ต้องใช้วิธีเดินไปเดินมา ยกมือไหว้พระ ไหว้ครูบาอาจารย์ เพราะบางทีคิดไม่ออกว่า จากเรื่องราวตรงนี้ มันจะต่อไปยังไง บางทีเข้านอนแล้ว พอดีว่าเกิดฝันแล้วตื่นขึ้นมากลางดึก ผมก็จะรีบจดเลย เช้าขึ้นมาจะได้เขียนต่อได้

คือตั้งแต่เล็กมาแล้ว ถึงแม้จะยากจนมาก่อน ผมก็จะทำตัวให้เป็นเรื่องสบายๆไป คนมันจนมันก็ต้องจน ไม่เคยคิดที่จะไปทะเยอทะยาน การศึกษาผมน้อย เพราะผมเกิดมาในครอบครัวของคนยากจน พ่อแม่ลำบาก ตัวผมเองก็ต้องลำบาก ถึงตอนนี้ยังจำภาพตัวเองได้อยู่เลย เวลาที่นั่งรถผ่านโรงเรียนที่อยู่แถวสะพานมอญ เพราะครั้งหนึ่ง ผมเคยนั่งรอแม่ ให้เอาสตางค์มาจ่ายค่าเทอม กระทั่งสายแม่ก็ไม่มา ครูก็ไม่ยอมให้เข้าเรียน ผมก็เลยต้องเดินร้องไห้กลับบ้าน

ตั้งแต่นั้นผมจึงคิดว่า ด้านการศึกษาคงไปไม่ได้ เลยมุ่งศึกษาทางการแสดง ออกงานมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เคยสวดคฤหัสถ์ ตอนนี้คงไม่ค่อยมีใครรู้จัก เป็นการสวด ตลกๆนั่งอยู่บนนั่งร้าน กลางแจ้ง เหมือนจำอวด ไม่ได้ไปรวมกับพระ เพราะพระจะสวดหน้าศพอยู่ในศาลา ผมก็เลยได้เปรียบเรื่องการแสดงมาตั้งแต่เล็กๆ”

ดอกดินมีทายาทรวมทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 3 คน และหญิง 1 คน โดย ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน หลักธรรมที่มักนำมาใช้ในการอบรมทายาท คือการสอนให้ทำความดีละเว้นความชั่ว

“ผมจะเตือนครั้งเดียวว่า ขอให้ลูกรู้ว่าความชั่วมันเป็นอย่างไร ความดีมัน เป็นอย่างไร แล้วเมื่อโตขึ้นแล้ว เราต้องมีอาชีพ มีครอบครัว เมื่อเราเป็นหัว หน้าครอบครัว เราต้องเป็นคนที่ประพฤติดี และสอนลูกเต้าให้เป็นคนดี ให้การศึกษาเขา เท่าที่เราจะทำได้ ผมพูดแค่นั้น

ต่อมาถ้าเขาเกิดมีเรื่องมีราวอะไร พอผมแก้ไขให้เขาเสร็จแล้ว ผมก็จะบอกเขาว่า ที่มันเกิดเรื่องขึ้น ก็เพราะเราพลาดตามที่พ่อเคยบอก เพราะเราไปทำชั่วเข้า ถึงได้เกิดเรื่องเกิดราว เพราะฉะนั้นอย่าไปทำอีกเลย”

อดีตนางเอกหนังชื่อดัง “เพชรา เชาวราษฎร์” แม้ยามนี้ตาจะมองไม่เห็นและไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหนมาไหน แต่ทุกปีเธอก็ไม่เคยลืมที่จะส่งเสียงตามสายมาอวย พรวันเกิดผู้ที่ปั้นเธอขึ้นมา รวมถึง “มยุรา เศวตศิลา” หรือ มยุรา ธนะบุตร ที่หอบกระเช้ามาอวยพรถึงบ้านทุกปีใหม่ และยังคงติดปากเรียก “น้าดิน” เหมือนเช่นเคย

“เด็กทุกคนเป็นเด็กที่กตัญญู มีธุระอะไรก็มาหา รักผม เหมือนญาติผู้ใหญ่ ผมก็ดีใจที่เราได้พบคนอย่างนี้ ผมทำ ให้เขามีชื่อเสียงมาหลายคนแล้ว แต่ผมถือว่าเป็นหน้าที่ ไม่ใช่บุญคุณอะไร หน้าที่เราเป็นนักสร้าง เราก็ต้องสร้างเขา”

จากชีวิตวัยเยาว์ที่ดูคล้าย “นกน้อย ...คล้อยบินมาเดียวดาย” ปัจจุบันชีวิตของดอกดินกลับรู้สึกว่าตัวเองมีญาติมากมายเหลือเกิน

“เวลาเดินไปตามถนนหนทาง คนอายุรุ่น 40 กว่าปี ยกมือไหว้ เหมือนกับผมเป็นญาติผู้ใหญ่ ผมอยากจะกราบแฟนหนังเหลือเกิน ถึงจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ก็เถอะ เพราะตอนนี้มีเด็กรุ่นใหม่ที่ดูหนังของผมทางซีดีด้วย เพราะมีคนเขาเช่าไปขาย ผมอยากจะขอขอบพระคุณแฟนหนังของผมทั้งรุ่นก่อน และรุ่นใหม่

และอยากจะให้ทุกๆคนที่เป็นคนไทยรักกัน ถ้าอยากจะให้ผมไปงานอะไรที่ส่งเสริมเกี่ยวกับเรื่องของความรัก ผมก็ยินดีที่จะไป เพราะผมมีความรักเหลือให้กับทุกคนเลย แต่ที่ผ่านมางานที่ผมไปบ่อยที่สุดคืองานศพ เพราะอยากไปส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

เมื่อครั้งยังแข็งแรงดี ดอกดินเคยไปทำบุญไกลถึงพระธาตุพนม แต่ตอนนี้จะเน้นทำบุญที่วัดในกรุงเทพฯ หรือไม่ไกลหน่อยก็อยุธยา และใช้เวลาวันละประมาณ 10 นาที ในห้องพระที่บ้าน ระลึกถึงคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

“ขอให้ใจเราตัดขาดจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง หนีความประมาท ตัดขาดความโลภ โอบกอดความดี มีสติ ไอ้ความดีเราต้องโอบกอดเข้าไว้ เรารักเขามาก เราก็ต้อง กอดไว้ แล้วทำอะไรก็ต้องใช้ตัวนี้ นั่นคือ สติ เรื่องโมโห โทโส ผมไม่เคยมี เพราะถ้าเราพยายามทำใจเราให้สงบ มันก็ทำได้”

ผู้กำกับซึ่งเคยมีผลงานภาพยนตร์มากกว่า 30 เรื่อง บอกว่า ที่ผ่านมารู้สึกยินดีกับทุกรางวัลเกียรติคุณที่สังคมมอบให้ แต่สิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจมากที่สุดในชีวิตคือ การได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมด้วยความซื่อสัตย์และไม่มีเรื่องอื้อฉาว

ส่วนสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตซึ่งอยู่ในโลกนี้มาเกิน 60 ปี เป็นกำไร เพราะเป็นชีวิตที่ได้อยู่กับความดี

“ถ้าเราอยู่กับความชั่ว ติดคุกติดตะราง เราขาดทุนมากเลย แต่ถ้าเราอยู่กับความดี แม้จะไม่มีอายุยาวจน 90 ปี มันก็มีกำไรแล้ว

และอยากฝากไปถึงทุกคนด้วยว่า งานนอกบ้านคืองาน อาชีพที่คุณต้องทำเพื่อหาเลี้ยงชีวิต แต่อย่าลืมกลับบ้าน ไปดูแลพ่อแม่ เพราะนั่นคืองานบุญที่รอคุณอยู่”


และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดอกดินและภรรยาจะอยู่บ้าน และมีลูกๆหลานๆ รวมถึงนักแสดงที่เขาเคยปั้นจนมีชื่อเสียงโด่งดัง มาร่วมรดน้ำดำหัวขอพรกันทุกปี

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 125 เมษายน 2554 โดย พรพิมล)






กำลังโหลดความคิดเห็น