xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารผ่านโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จีน : หมู่พระพุทธรูปแกะสลักบนผนัง ในถ้ำสมัยราชวงศ์ถัง
พบพระพุทธรูปอายุกว่า 2,000 ปี ในถ้ำที่คุชราต
• อินเดีย : เมื่อไม่นานมานี้ ทีมนัก โบราณคดี 3 คนของกองโบราณคดีรัฐคุชราต ได้ค้นพบพระพุทธรูปปางวิปัสสนาเก่าแก่ขนาดเล็ก 2 องค์ ทำด้วย ดินเผา อายุราว 300 ปีก่อนคริสตกาล ที่เชิงเขาทารังกา ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองวัธนาคาร์ 20 กม.
จากการสำรวจบริเวณดังกล่าวเพิ่มเติม โดยเฉพาะที่เนินเขาโจกิดา ได้พบถ้ำพุทธมีลานกว้างหลายแห่ง ซึ่งเป็นลักษณะของวัดพุทธหินยานในอดีต การค้นพบพระพุทธรูปนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะดินแดนแถบนี้เชื่อกันว่า เป็นศูนย์กลางของสมัยกลาง และเป็นช่วงต้นๆยุคกลางของวัดในศาสนาเชน ดังเช่น วัดอจิตนาถ ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้า กุมารปาละแห่งราชวงค์โสลังกี ซึ่งเป็นวัด ที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้
วายเอส ราวัต ผู้อำนวยการกองโบราณคดีรัฐคุชราตกล่าวว่า “งานสำรวจ ในถ้ำเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่อง จากเป็นที่แคบ ตัวถ้ำมีทางเข้าออกลับหลายทาง ถ้ำเหล่านี้นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาชั้นสูงในยุคนั้น เราพบซากภาชนะดินเผา ที่เป็นของใช้ของพระสงฆ์ และรูปปั้นพระพุทธรูป มีถ้ำหนึ่งที่อยู่บนยอดเขาโจกิดา น่าจะเป็นกุฏิของพระเถระที่เข้ามาปักหลักเผยแพร่พุทธศาสนา การตี ความของชาวบ้านเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่ค้น พบเหล่านี้ เป็นเรื่องน่าสนใจ ที่ยังต้องสำรวจพื้นที่บริเวณนี้ต่อไป”
(จากTNN)

ศรีลังกาตั้งคณะกรรมการสงฆ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรียุติธรรม
• ศรีลังกา : มิลินทะ โมราโกธะ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและการปฏิรูปกฎหมาย ได้แต่งตั้งคณะสงฆ์ ซึ่งประกอบด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงของทุกนิกาย ให้เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของกระทรวง โดยมีพิธีถวายการต้อนรับอย่างเป็นทางการเมื่อต้นดือนกันยายนที่ผ่านมา ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดส่วนกลาง เมืองแคนดี้
คณะกรรมการสงฆ์ชุดนี้ประกอบด้วยพระภิกษุ 30 รูป โดยรัฐมนตรีโมราโกธะ เรียกร้องให้คณะกรรมการสงฆ์ปฏิรูประบบ การบริหารงานของกระทรวงยุติธรรมฯ สอดแทรกมุมมองทางพุทธศาสนา เพื่อก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นโยบายใหม่ของรัฐบาลศรีลังกา มุ่งหวังให้เกิดวิธีปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน ในอันที่จะรักษากฎหมายและการบังคับใช้ ภายหลังการทำลายล้างลัทธิก่อการร้ายในศรีลังกา
(จาก The Island)

จีนพบถ้ำหมู่พระพุทธรูปเก่าแก่ สมัยราชวงศ์ถัง
• จีน : เมื่อเร็วๆนี้ คณะนักโบราณคดี กองโบราณคดี มณฑลหูหนานของจีน ได้พบหมู่พระพุทธรูปในถ้ำสมัยราชวงศ์ถัง ที่อำเภอเจียงหย่ง นักโบราณคดี ยืนยันว่า เป็นหมู่พระพุทธรูปสมัยโบราณที่อยู่ทางใต้สุดของจีน ซึ่งมีความประณีตงดงาม เป็นสิ่งล้ำค่าระดับชาติ และมีความหมายสำคัญต่อการวิจัยเส้นทางการเผยแพร่ศาสนาพุทธในจีน
นายอู๋ ซุ่นตง รองผู้อำนวยการกองสำรวจโบราณคดี มณฑลหูหนานเปิดเผยว่า ผลการสำรวจปรากฏว่า ในถ้ำนี้มีพระพุทธรูปที่แกะสลักบนผนัง 48 องค์ และพระพุทธรูปสมัยราชวงค์ชิงที่ศาสนิกชนบริจาค 4 องค์
(จาก Xinhua)

หมอนหัวใจช่วยทำสมาธิ
• อเมริกา : เสียงแรกที่มนุษย์เราได้ยินในขณะที่เป็นตัวอ่อนอยู่ในครรภ์มารดาก็คือ เสียงเต้นของหัวใจของผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นเสียงที่ทำให้เราคลายวิตกกังวลได้มากที่สุด
“My Beating Heart” (เสียงเต้นของหัวใจฉัน) เป็นหมอนรูปหัวใจ ภายในได้ ซ่อนเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดเสียงเต้นของหัวใจ ซึ่งซอฟแวร์โปรแกรมจังหวะการเต้น ได้ออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยจำลองมาจากการเต้นของหัวใจมนุษย์ระหว่างการทำสมาธิและโยคะ ขณะที่คุณกอดหมอนหัวใจและเปิดสวิทช์ให้เครื่องทำงาน เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจในหมอนจะค่อยๆ เปลี่ยนไป เหมือนกับจังหวะการเต้นของหัวใจของผู้ที่กำลังทำสมาธิ มันจะทำให้ชีพจรของผู้ที่กำลังกอดหมอนเต้นช้าๆ เช่น เดียวกับชีพจรในหมอน ทำให้ผู้กอดหมอน รู้สึกผ่อนคลายและเข้าสู่ภาวะสงบสุข จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำสมาธิเพื่อการผ่อนคลาย หรือนอนพักผ่อนในเวลากลาง วัน และยังเหมาะสำหรับเด็กอีกด้วย
ยูรี กิตแมน ดีไซน์เนอร์ นักประดิษฐ์ อาจารย์พิเศษสอนออกแบบของเล่นในรูปแบบดิจิตอล ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ออกแบบหมอนหัวใจใบนี้ เล่าถึงที่มาของไอเดียนี้ว่า
“วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังนั่งสมาธิ ผมรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจตัวเอง มันก็เต้น แบบธรรมดาๆ แต่ในความธรรมดานั้น ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังสูบฉีดโลหิตไปทั่วร่าง กาย จังหวะการเต้นไม่ใช่เกิดจากความกลัว หรือความวิตกกังวล แต่มันเกิดจากความผ่อนคลาย และการรับรู้ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น ผมรู้สึกได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ที่ปราศจากอารมณ์และความ คิดต่างๆที่เป็นสิ่งเร้า และมันเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งคนอื่นอาจเข้าใจยาก ผมมองว่าหัวใจให้จังหวะชีวิตเรา และผมก็ได้ความคิดนี้มาผลิตหมอน My Beating Heart”
(จาก My Beating Heart.com)

สมาคมการกุศลพุทธฉือจี้วอน ชาวพุทธเลิกพิธีกรรมฟุ่มเฟือย
• มาเลเซีย : สมาคมการกุศลพุทธฉือจี้ขอร้องให้สมาชิกและผู้สนับสนุน ได้ทบทวนวิธีเฉลิมฉลองพิธีกรรมทางพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และไม่เป็นการสูญเปล่า
ออง ตวน ยอค กรรมการสมาคมการกุศลพุทธฉือจี้ เมืองโคตาคินาบาลู ประเทศมาเลเซีย ได้กล่าวในพิธีสวดมนต์ภาวนา ซึ่งมูลนิธิเป็นผู้จัดขึ้นในเทศกาลสารทจีน เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยเสนอให้ค่อยๆยกเลิกการจุดธูปเทียน การเผากระดาษ และไหว้หมูเห็ดเป็ดไก่ อุทิศให้แก่ผีไม่มีญาติในเทศกาลสารทจีน เพราะการกระทำเช่นนั้น เป็นการสูญเปล่า และก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษ เงินที่นำไปใช้จับจ่ายข้าวของเหล่านั้น น่าจะนำมาบริจาคให้การกุศล จะเกิดประโยชน์มากกว่า
เขายังเสริมว่า การไหว้โดยนำของทุกอย่างวางบนพื้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เป็นการไม่เคารพวิญญาณคนตาย
อองหวังว่าบรรดาสมาชิกและผู้สนับสนุนสมาคม ควรจะรับข้อเสนอนี้ไปพิจารณา และเริ่มต้นปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในฐานะผู้ริเริ่มให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เขายังให้ข้อสังเกตอีกว่า ตามประเพณีชาวจีน จะยึดถือเดือนที่เจ็ดตามปฏิทินจันทรคติ เป็นเดือนปล่อยผี ซึ่งเต็มไปด้วยข้อห้าม แต่สำหรับพุทธศาสนิกชนแล้ว เดือนนี้ถือเป็นเดือนที่มีฤกษ์งามยามดี ในการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษและบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งล่วงลับไปแล้ว โดยมีข้อความจารึกในคัมภีร์พระไตรปิฏกหลายๆเล่ม
ตลอดพิธีสวดมนต์ภาวนา อองกล่าวว่า ทางสมาคมหวังว่าจะได้ส่งผ่านข่าวสาร และปลูกฝังคุณงามความดี ในเรื่องความรักและความเห็นอกเห็นใจ ให้แก่มวลมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ อันเป็นปรัชญาของพระอาจารย์เช็งเย็น ผู้ก่อตั้งสมาคม
(จาก Daily Express)

รัฐบาลอินเดียไฟเขียวรับ “โสวะ-ริกปะ” ตำราแพทย์โบราณเก่าแก่ที่สุดในโลก
• อินเดีย : เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตำราแพทย์แผนโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังใช้กันอยู่ถึงปัจจุบันชื่อว่า “โสวะ-ริกปะ” ซึ่งใช้กันแพร่หลายในประเทศแถบเทือกเขาหิมาลัย โดยกล่าว กันว่า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้สอน ด้วยพระองค์เองนั้น ได้รับอนุมัติอย่างเป็น ทางการจากรัฐบาลอินเดียให้บรรจุไว้ในระบบการแพทย์ของอินเดีย
นางอัมภิกา โซนี รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศและการกระจายเสียงของ อินเดีย เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายมันโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้อนุมัติเรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากตัวแทนจากหลายฝ่าย ได้เรียกร้องให้มีการรับรองตำราแพทย์ดังกล่าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โสวะ-ริกปะ หรือ “อัมชิ” เป็นหนึ่งในตำราแพทย์เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ปัจจุบันยังใช้อยู่ในรัฐสิกขิม รัฐอรุณาจัลประเทศ เมืองดาร์จีลิง ในรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดีย เมืองลาฮอลและสปิติ ในรัฐหิมาจัลประเทศ และเมืองลาดัคห์ ในรัฐชัมมูและแคชเมียร์
ตามรายงานกล่าวว่า ทฤษฎีและวิธีรักษาของโสวะ-ริกปะ คล้ายกับอายุรเวชศาสตร์ และยังรวมหลักปฏิบัติบางอย่างของตำราแพทย์จีนแผนโบราณไว้ด้วย
“เชื่อกันว่า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้สอนพื้นฐานสำคัญของตำราโสวะ-ริกปะ ด้วยพระองค์เอง ซึ่งเนื้อหามีความเชื่อมโยงกับหลักปรัชญาของพุทธศาสนา”
นอกจากนี้ในรายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า การยอมรับโสวะ-ริกปะในทางกฎหมาย จะเป็นการปกป้องรักษาตำราแพทย์โบราณนี้ไว้ พร้อมกับช่วยพัฒนาและเผยแพร่ต่อไป ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ และนำไปสู่การวิจัยร่วมกันเพื่อให้โสวะ-ริกปะ ได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ ยังเป็นการปกป้อง รักษาพันธุ์พืชที่ใช้เป็นตัวยาในการรักษาอีกด้วย รวมทั้งจะนำไปสู่การวางกฎระเบียบต่างๆ การให้ความรู้ และวิธีปฏิบัติอีกด้วย
(จาก Calcutta News)

ภูฐานเตือนชาวบ้านตัดต้นไม้ทำธงมนตรา เป็นภัยต่อความสุขมวลรวมแห่งชาติ
• ภูฐาน : รัฐบาลภูฐานเตือนประชาชนเรื่องการตัดต้นไม้ที่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ เพื่อนำมาทำธงมนตราปีละหลายพันต้น เป็นภัยต่อทัศนียภาพอันอุดมสมบูรณ์ของราชอาณาจักรเล็กๆ แห่งนี้ และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการทำให้เกิด“ความสุขมวลรวมแห่งชาติ”
ทั้งนี้ ชาวพุทธแถบเทือกเขาหิมาลัย นิยมปักธงมนตราเพื่อความโชคดี หรือใช้นำทางผู้ตายไปสู่สุคติภพ โดยเชื่อกันว่า ยิ่งปักธงมากเท่าไหร่ ยิ่งดีสำหรับคน ตายเท่านั้น และพระสงฆ์หลายรูปมักจะบอกว่าต้องใช้ก้านธงใหม่ๆในแต่ละครั้ง
รัฐบาลภูฐานพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการระดมปลูกต้นไผ่ เพื่อให้เป็นทางเลือก หลังจากที่ล้มเหลวในการโน้มน้าวประชาชน ให้หันมาใช้ก้านธงที่ทำด้วยเหล็กแทนไม้
“เราเจอความกดดันในเรื่องป่าไม้จากรอบด้าน ไม่ว่าจะเรื่องเสาธงหรือแหล่งน้ำ เราต้องปรึกษาหารือในเรื่องนี้กันทุกวัน” เชอรับ กีอัลเชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรกล่าว
อนึ่ง รัฐธรรมนูญภูฐานได้ให้ความสำคัญเรื่องความสุขมวลรวมแห่งชาติ มากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) โดยกำหนดว่า ประเทศต้องมีพื้นที่ป่าไม้อย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์
ชาวพุทธแถบเทือกเขาหิมาลัยเชื่อ ว่า ลมจะพัดพาสิ่งดีๆของสัญญลักษณ์ ตันตระที่เขียนอยู่บนธงที่มี 5 สี คือเหลือง เขียว แดง ขาว และน้ำเงิน อันเป็นเสมือนตัวแทนของธาตุทั้ง 5 (ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และจักรวาล) และเมื่อมีคนตาย ต้องปักธง 108 อัน
“ถ้าใครใช้เสาธงเก่า แสดงว่าไม่ใช้ความพยายาม ดังนั้น บุญกุศลที่ได้รับ ก็จะน้อยลงไป” โลปอน กีเอม เชอริง พระสงฆ์ซึ่งสอนในโรงเรียนพุทธศาสนากล่าว
ตามรายงานของทางการระบุว่า ในระหว่างเดือนมิถุนายน 2007 ถึง มิถุนายน 2008 ภูฐานได้โค่นต้นไม้ไปแล้ว 60,000 ต้น เพื่อทำเสาธง
(จาก Reuters)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 108 พฤศจิกายน 2552 โดยเภตรา)
จีน : หมู่พระพุทธรูปแกะสลักบนผนัง ในถ้ำสมัยราชวงศ์ถัง
อเมริกา : หมอนรูปหัวใจ ช่วยทำสมาธิ
อเมริกา : หมอนรูปหัวใจ ช่วยทำสมาธิ
อินเดีย : โสวะ-ริกปะ หรือ อัมชิ ตำราแพทย์โบราณเก่าแก่ ที่สุดในโลก
อินเดีย : โสวะ-ริกปะ หรือ อัมชิ ตำราแพทย์โบราณเก่าแก่ ที่สุดในโลก
อินเดีย : โสวะ-ริกปะ หรือ อัมชิ ตำราแพทย์โบราณเก่าแก่
ภูฐาน : ธงมนตรา
กำลังโหลดความคิดเห็น