xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารบ้านเรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วธ.เตรียมทำจดหมายเหตุ งานฉลอง 96 ปี สมเด็จพระสังฆราช
• กรุงเทพฯ : นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ในวโรกาสที่สมเด็จพระสังฆราช ทรงเจริญพระชนมายุ 96 พรรษา ครบ 8 รอบ ในวันที่ 3 ตุลาคม 2552 นี้ วธ.ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญของประเทศ จึงได้มอบหมายให้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร ดำเนินการบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราช ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ ซึ่งจัดขึ้นทั่วประเทศ เช่น การลงนามถวายพระพร พิธีทำบุญตักบาตร บุคคลสำคัญเข้าถวายสักการะ เป็นต้น เพื่อนำมาจัดทำหนังสือจดหมายเหตุให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้าและได้เห็นถึงความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อสมเด็จพระสังฆราช
ปลัด วธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับหนังสือจดหมาย เหตุฯนี้ แบ่งหมวดหมู่เป็น พระประวัติ พระศาสนา พระเกียรติคุณ การจัดเตรียมงานฉลองพระชันษา การแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ การประกวดตราสัญลักษณ์ การจัดงานฉลองพระชันษา พระราชพิธี ศาสนพิธี พิธีการจัดกิจกรรมทั่วประเทศ โดยจะจัดพิมพ์จำนวน 11,000 เล่ม เพื่อถวายเป็นพระกุศล แจกไปตามห้องสมุดสถานศึกษา ห้องสมุดสถาบันสงฆ์ ห้องสมุดหน่วยงาน ทั่วประเทศ
“สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประมุขสงฆ์ ที่มีพระจริยาวัตรงดงาม เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และทรงปฏิบัติศาสนกิจด้านต่างๆ เป็นประโยชน์แก่คณะสงฆ์ พระพุทธศาสนา และประเทศชาติอย่างมากกมาย อาทิ ด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ และการศึกษาของเยาวชนของชาติ งานด้านสาธารณสุข ทรงโปรดให้สร้างโรงพยาบาลขึ้นหลายแห่ง เช่น รพ.วัดญาณสังวราราม รพ.สมเด็จพระปิยมหาราชมณียเขต จ.กาญจนบุรี เป็นต้น เพื่อให้บริการประชาชนที่ทุกข์ยากด้วย จึงถือได้ว่าสมเด็จพระสังฆราช เป็นบุคคลตัวอย่างและควรมีการ บันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับพระองค์ท่านไว้”
อนึ่ง สำหรับความหมายของตราสัญลักษณ์ ฉลองพระชันษา 96 ปี ประกอบด้วย พระนามย่อ ญสส.ซึ่งอักษร ญ.หมายถึง สมเด็จพระญาณสังวร อันเป็นราชทินนามสำหรับพระองค์ ใช้สีประจำวันประสูติ วันศุกร์ คือ สีฟ้า อักษร ส.ตัวแรก หมายถึง สมเด็จพระสังฆราช เป็นชื่อยศทางพระศาสนา ใช้สีขาว หมายถึง พระพุทธศาสนา อักษร ส.ตัวที่ สอง หมายถึง สกลมหาสังฆปริณายก คือ ประมุขสงฆ์ ใช้สีเหลือง หมายถึงคณะสงฆ์ เหนืออักษรย่อมีเศวตฉัตร 3 ชั้น หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้นเทียบเท่า“พระองค์เจ้า” เป็นพื้นสีขาว คาดแถบทอง 2 เส้น ฉัตรล่างประดับอุบะจำปาสีทอง ส่วนปลายแถบอักษรฉลองพระชันษาเป็นรูปช้าง หมายถึง พระสกุลเดิม “คชวัตร” และพื้นสีฟ้าภายใต้ซุ้มเรือนแก้ว หมายถึง สีวันประสูติ

ใช้เทคนิคพิเศษฉายภาพเสมือนจริงพระสังฆราชในงาน 96 พรรษา พร้อมแจกพระผงไพรีพินาศแสนองค์และน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ห้าหมื่นหลอด
• กรุงเทพฯ : พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า สำหรับการเตรียมงานเฉลิมพระเกียรติครบรอบ 96 พรรษา สมเด็จพระสังฆราช ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ ใน ส่วนของวัดบวรนิเวศวิหารได้ทุ่มงบประมาณ 10 ล้านบาท จัดนิทรรศการ เทิดพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 1-15 ตุลาคม โดยจะมีการฉายภาพโฮโลแกรมหรือภาพเสมือนจริงของสมเด็จพระสังฆราชเสด็จพระดำเนินมาในนิทรรศการ เพื่อให้ประชาชนที่มาร่วมงานได้ถวายสักการะ เนื่องจากพระองค์ไม่สามารถเสด็จยังวัดบวรได้ เพราะทรงชราภาพมาก ต้องอยู่ในความดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด จึงต้องใช้เทคนิคพิเศษนี้เป็นครั้งแรกของประเทศ
ส่วนภายในนิทรรศการนั้นจะมีการจำลองห้องบรรทม พระพุทธรูปที่ทรงสะสม รวมทั้งมีการแจกพระผงไพรีพินาศจำนวน 100,000 องค์ และน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ “น้ำพระพุทธมนต์ 8 รอบ ญสส” 50,000 หลอด เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนที่เข้าลงนามถวายพระพร ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ 1-3 ตุลาคมนี้ โดยน้ำมนต์นั้นได้่นำน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 22 แห่งทั่วประเทศ อาทิ จ.เชียงราย หนองคาย สุพรรณบุรี นครศรีธรรมราช เป็นต้น รวมทั้งนำน้ำฝนกลางหาว เมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 เวลา 20.49 น.และน้ำมนต์จากพิธีโล้เสาชิงช้าครบ 225 ปี มารวมกันเพื่อทำน้ำมนต์ในครั้งนี้

ราชบัณฑิตยสถานฯจัดประกวดแต่งหนังสือ สอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ประจำปี 53
• กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน ขอเชิญประชาชนทั่วไป ร่วมประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่ เด็ก ประจำปี 2553 ในหัวข้อเรื่อง ความซื่อสัตย์ เพื่อเป็น การปลูกฝังให้เด็กได้คุ้นเคยกับหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ได้เข้าใจและรู้จักนำคำสอนต่างๆไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นการกล่อมเกลาและพัฒนาจิตใจให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่ประพฤติตนให้เป็นปัญหาต่อพ่อแม่ ครู อาจารย์ เพื่อนและสังคม ทั้งยังเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ดีและถูกต้องแก่เด็กซึ่งจะเติบโต เป็นผู้ใหญ่ในภายหน้า ให้เป็นพลเมืองดีของชาติต่อไป
สำนวนที่ชนะการประกวด ราชบัณฑิตยสถานจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อขอรับพระราชทานรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจัดพิมพ์เป็นหนังสือสำหรับพระราชทานในวันวิสาขบูชา จึงขอเชิญชวนผู้สนใจ ส่งเรื่องเข้าประกวด โดยมีรายละเอียดในการจัดประกวด คือ แต่งเป็นภาษาไทย เพื่อให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี อ่านเข้าใจได้ สามารถโน้มน้าวจิตใจเด็กหรือผู้อ่านให้เห็นคุณค่าของการประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขนาดความยาว 25-30 หน้ากระดาษพิมพ์ดีด (A4) โดยให้ส่งต้นฉบับจำนวน 3 ชุด พร้อมแผ่นบันทึกหรือแผ่นซีดี ด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ ที่กองศิลปกรรม ราชบัณฑิตยสถาน สนาม เสือป่า เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2552
สำหรับการตัดสินรางวัลนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชบัณฑิตยสถานแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะหนึ่ง เป็นผู้ตัดสินและคัดเลือกสำนวนที่ดีที่สุด เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย รวม 3 สำนวน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดสำนวนใด จะทรงเลือกพิมพ์เป็นหนังสือพระราชทานในวันวิสาขบูชา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด ดังนี้ รางวัลที่ 1 จำนวนเงิน 5,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 3,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 2,000 บาท ผู้สนใจติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ราชบัณฑิตยสถาน โทรศัพท์ 0-2356-0466ต่อ 3011 ในวันและเวลาราชการ

วธ.เตรียมชูการเสด็จประพาสต้นเมืองตราดของ ร.5 เป็นจุดเด่นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองตราด
• ตราด : นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์เมืองตราด ที่จะใช้อาคารศาลากลางจังหวัดตราดหลังเดิมดำเนินการว่า การดำเนินโครงการ นี้มีความพร้อมอยู่แล้ว โดยหลังจากที่ที่ศาลากลางหลังเดิมถูกไฟไหม้ ทางเทศบาลเมืองตราดได้ใช้งบประมาณ ก่อสร้างศาลากลางหลังเดิมในรูปแบบดั้งเดิมเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงส่วนจัดแสดง ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมศิลปากร ได้จัดเตรียมงบประมาณดำเนินการในส่วนนี้แล้วในปีงบประมาณ 2553 ส่วนความมีเสน่ห์หรือจุดขายที่สำคัญของตัวพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์เมืองตราดจะอยู่ที่การจัดแสดงในส่วนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปิยมหาราช เสด็จประพาสต้นจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ 24 ครั้ง โดยพระองค์ท่านเสด็จประพาสต้นเมืองตราดถึง 12 ครั้ง นับว่าพระองค์ท่านโปรดปรานเมืองตราด จึงสามารถนำส่วนนี้มาเป็นจุดขายที่สำคัญของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ อย่างไรก็ตามการจัดแสดงของตัวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจะเน้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แล้ว จะเน้นให้เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยให้เด็กและเยาวชน เป็น การสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีความห่วงใยในเรื่องการเรียน รู้ประวัติศาสตร์ของเยาวชนไทย

มูลนิธิพระดาบส จัดทำ “โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง”
• กรุงเทพฯ : ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และเลขาธิการมูลนิธิพระดาบส เปิดเผยว่า มูลนิธิพระดาบสได้เชิญผู้แทนจากสาขาอาชีพต่างๆ จำนวน 36 คน ร่วมเป็นคณะกรรมการจัดทำ“โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐานเพื่อในหลวง” เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรวมใจคนไทยเพื่อความสมัครสมานสามัคคี ส่งเสริมความรักใคร่ปรองดองของชาวไทย ซึ่งได้จัดทำซองใส่เหรียญพร้อมคำอธิษฐาน ซึ่งประชาชนสามารถนำเหรียญที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ ได้แก่ เหรียญ 25 สตางค์ 50 สตางค์ 1 บาท 2 บาท 5 บาท และ 10 บาท ใส่ซองคำอธิษฐาน และนำไปใส่ในกล่องที่ติดตั้งไว้ ณ สาขาของธนาคาร สถานที่ราชการ มหาวิทยาลัย และศูนย์การค้าต่างๆ ทั่วประเทศ ในระหว่างเดือนต.ค.-พ.ย.52 ทั้งนี้คณะกรรมการจะนำเหรียญพร้อมคำอธิษฐานทั้งหมด น้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2552 โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิพระดาบส เพื่อช่วยเหลือผู้ยากจนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา และอาชีพในโครงการมูลนิธิพระดาบส
เลขาธิการมูลนิธิพระดาบส กล่าวอีกว่า มูลนิธิพระดาบสก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ.2518 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิกิตติมศักดิ์ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการมูลนิธิกิตติมศักดิ์ มีจุดประสงค์เพื่อ ฝึกอบรมความรู้วิชาชีพต่างๆ แก่ผู้ใฝ่รู้ที่ด้อยโอกาสและขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยไม่จำกัดเพศและวัยของผู้เรียน พร้อมทั้งบ่มเพาะคุณธรรมและศีลธรรม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ศึกษาจบออกไปแล้วประกอบอาชีพสุจริต สามารถช่วยเหลือครอบครัวของตนและประเทศชาติต่อไป

พศ.เตรียมคัดเลือกสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น เฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา ‘ในหลวง’
• กรุงเทพฯ : เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการแถลงข่าวโครงการคัดเลือกสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น เฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา ปี 2552 ณ วัดพิชยญาติการาม กทม. ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบมหาเถร-สมาคมให้มีคุณภาพและมาตรฐานการดำเนินงาน เพื่อรองรับการเข้าไปถือศีลปฏิบัติธรรมและทำกิจกรรมทาง ศาสนา ตามนโยบายของคณะสงฆ์และรัฐบาลในการเผยแผ่และส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของประชาชน
นางบุญศรี พานะจิตต์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาได้มีสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดซึ่งจัดตั้งขึ้นตามระเบียบมหาเถรสมาคม ราว 300 กว่าแห่ง ปัจจุบันมีสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเพิ่มขึ้นถึง 1,016 แห่ง แต่จริงๆแล้วสำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศมีมากกว่านี้ เพียงแต่ยังมิได้ผ่านขั้นตอนการจัดตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดตามระเบียบมหาเถรสมาคม
นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา กล่าวถึงหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น คือ 1.ด้านสถานที่ ต้องมีความสะอาด เงียบสงบ ร่มรื่น ไม่แออัด มีที่พัก ห้องน้ำ สุขา ที่สะอาด เพียงพอ 2.ด้านวิทยากร มีพระวิปัสสนาจารย์หรือผู้ฝึกสอนกัมมัฏฐานที่ผ่านการอบรมหลัก สูตรพระวิปัสสนาจารย์ หรือมีความสามารถในการสอนตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร มีวิทยากรบรรยายธรรมที่ผ่านการอบรมหลักสูตรพระวิปัสสนาจารย์ หรือมีความ สามารถในการเทศนาและบรรยายธรรม 3.ด้านการบริหารจัดการ มีการจัดทำบัญชีรายรับ-จ่าย ที่โปร่งใส เป็นระบบ สามารถเปิดเผยและตรวจสอบได้ มีบุคคลากรหรือเจ้าหน้าที่เพียงพอในการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาปฏิบัติธรรม มีการดูแลรักษาความปลอดภัย รวมทั้งดูแลด้านสุขอนามัย ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีการจัดปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดปี และจัดตารางไว้อย่างชัดเจน มีการจัดเก็บข้อมูลสถิติของผู้เข้ารับการปฏิบัติธรรมอย่างเป็นระบบ มีจำนวนผู้มาปฏิบัติมีมากน้อยเพียงใด และมีการประชาสัมพันธ์โครงการปฏิบัติธรรมในรูปแบบต่างๆ โดยต้องไม่เป็นไปในลักษณะเชิงธุรกิจ
“โครงการนี้เป็นแนวคิดของพระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชัยญาติ และประธานกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อยกย่องเชิดชูและเป็นขวัญและกำลังใจแก่สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ” นายพนมกล่าว
โดยสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่น 82 แห่งที่ได้รับคัดเลือกนั้น จะได้รับพัดและเงินทุนสนับสนุนแห่งละ 35,000 บาท ซึ่งจะกำหนดพิธีมอบราวเดือนพฤศจิกายนศกนี้

มมร.ระดมนักวิชาการ 8 ชาติ ประชุมพระพุทธศาสนา เป็นภาษาบาลีครั้งแรกในไทย เทิดพระเกียรติพระสังฆราช
• กรุงเทพฯ : พระเทพปริยัติวิมล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) เปิดเผยว่า ในวโรกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 96 ปี ครบ 8 รอบในวันที่ 3 ต.ค. วัดบวรนิเวศวิหารมอบหมายให้ มมร. ดำเนินการจัดประชุมวิชาการพระพุทธศาสนานานา ชาติเทิดพระเกียรติ งานฉลองพระชันษา 96 ปี สมเด็จ-พระสังฆราช หัวข้อ “พระพุทธศาสนาในศตวรรษใหม่” ระหว่างวันที่ 1-3 ต.ค. ณ ห้องประชุม มมร. โดยแบ่งหัวข้อการประชุมออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ 1. พระพุทธ ศาสนาในศตวรรษใหม่ (ภาคภาษาบาลี) 2. Buddhism in the New Century (ภาคภาษาอังกฤษ) และ 3. พระพุทธศาสนาในศตวรรษใหม่ (ภาคภาษาไทย) โดยจะมีนักวิชาการทางพระพุทธศาสนาจาก 8 ประเทศเข้าร่วม กว่า1,000 รูป/คน
อธิการมมร. กล่าวอีกว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการใช้ภาษาบาลีในการประชุม ทั้งนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระสังฆราช และเป็นโอกาสดีที่จะให้นักวิชาการทางพระพุทธศาสนาแต่ละประเทศได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องพระพุทธศาสนา นอกจากนี้เพื่อให้นานาชาติได้รู้จักพระประวัติ พระเกียรติคุณของพระองค์มากขึ้น ที่สำคัญต้องการให้พระสงฆ์และนักวิชาการเข้าใจทิศทางของพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบันและสู่ศตวรรษใหม่
นอกจากนี้ มมร. ยังได้จัดพิมพ์หนังสือ 2 เล่มคือ พระของประชาชน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จำนวน 5,000 เล่ม และพระผู้เจริญพร้อม 7,000 เล่ม เพื่อเผยแพร่พระประวัติ พระศาสนา พระเกียรติคุณ และพระจริยาวัตรของ พระองค์ โดยจะแจกไปตามห้องสมุดสถานศึกษา ห้องสมุดสถาบันสงฆ์ ห้องสมุดหน่วยงาน ทั่วประเทศ

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 107 ตุลาคม 2552 โดยมรรคา)
กำลังโหลดความคิดเห็น