xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้คู่สุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้หญิงนอนน้อยเสี่ยงโรคหัวใจมากกว่าผู้ชาย
แม้การอดนอนจะส่งผลเสียทั้งชายและหญิง แต่ผลการศึกษาล่าสุดพบว่าผู้หญิงจะได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ชายโดยเฉพาะเรื่องโรคหลอดเลือดและหัวใจ ศาสตราจารย์มิเชล มิลเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านยาปฏิชีวนะ โรงเรียนการแพทย์วอร์วิก ผู้ริเริ่มศึกษาผลวิจัยล่าสุดเผยว่า ทุกคนควรนอน 7-8 ชม. เพื่อให้สายตาได้พักบ้างช่วงกลางคืน
ทั้งนี้การศึกษาครั้งนี้พบอีกว่า ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคหลอดเลือดมากกว่าผู้ชายนั้น สาเหตุหลักมาจากการอดนอน คือนอนน้อยกว่า 8 ชม. ซึ่งร่างกายของชายและหญิงนั้นมีข้อแตกต่างกันอยู่แล้ว
“คนอังกฤษส่วนใหญ่นอนน้อยกว่า 5 ชม. ซึ่งการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าการอดนอนจะส่งผลให้เป็นโรคเบาหวาน และเส้นเลือดในสมองแตกได้ แต่ในทางกลับกัน หากได้นอนอย่างเพียงพอ จะทำให้อัตราเสี่ยงในการเป็นโรคหวัดลดน้อยลงไป ซึ่งความแตกต่างของเพศชาย-หญิงนั้น นับเป็นปัจจัยล่าสุดที่เป็นตัวแปรทำให้ความเสี่ยงของทั้งสองต่างกัน” ศาสตราจารย์มิเชลกล่าว

เชื้อหวัดพันธุ์ใหม่ไม่แพร่ทางศพ
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประชาชนบางส่วนมีความวิตกกังวลว่าจะเสี่ยงได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จากการไปร่วมงานศพของผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว ขอยืนยันว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และแพร่กระจายได้ทางการไอ จาม จึงไม่สามารถแพร่ทาง ศพได้ จึงขอให้ประชาชนสบายใจและไปร่วมงานศพได้ตามปกติ
ทั้งนี้ โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ รวมทั้งโรคติดต่อทางเดินหายใจอื่นๆ สามารถแพร่เชื้อได้ทางการไอ จาม และการสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนตามสิ่งของเครื่องใช้ หรือพื้นที่สาธารณะ เช่น ปุ่มกดลิฟท์ ราวบันได ราวรถโดยสารสาธารณะ ลูกบิดประตู ที่กดชักโครก โทรศัพท์สาธารณะ เครื่องเล่นในสนาม เด็กเล่น การใช้หน้ากากอนามัยขณะมีอาการป่วย จะสามารถกรองฝอยละออง น้ำมูกน้ำลายที่มีเชื้อปะปนอยู่ได้มากกว่าร้อยละ 80 หน้ากากอนามัยทั้งชนิดที่ทำจากกระดาษใช้ครั้งเดียวทิ้ง และชนิดผ้า ก็มีประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะลดการแพร่กระจายเชื้อได้ ขณะเดียวกันผู้ที่ไม่ป่วย หากต้องอยู่ในที่ชุมชน ก็สามารถใส่เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อได้เช่นกัน
นพ.สุพรรณกล่าวต่อไปว่า การใช้หน้ากากทั้ง 2 ชนิด ต้องใช้ให้ถูกต้อง โดยล้าง มือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนใส่ คาดหน้ากากให้แนบสนิทกับใบหน้า คลุมทั้งจมูกและปาก โดยคาดให้แถบที่มีลวดอยู่ด้านบนสันจมูกและขอบจีบพับคว่ำลง เวลาพูดไม่ต้องถอดหน้ากาก แต่เวลาดื่มน้ำให้เลื่อนลงไว้ใต้คาง และควรเปลี่ยนใหม่ทุกวันหรือเมื่อเปียกชื้น เนื่องจากประสิทธิภาพการกรองจะลดลง และทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด ส่วนหน้ากากที่ทำจากผ้า ต้องเปลี่ยนเมื่อเปื้อนหรือเปลี่ยนทุกวันเช่นกัน แต่สามารถซักและตากแดดให้แห้ง และนำกลับมาใช้ใหม่ได้จนกว่าจะชำรุด และไม่ควรใช้หน้ากากอนามัยร่วมกัน

จมูกไฮเทคดมกลิ่นมะเร็ง
วารสาร “Ynetnews” รายงานว่านักวิทยาศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีแห่งอิสราเอล ได้พัฒนาจมูกเทียมซึ่งสามารถดมกลิ่นมะเร็งในระยะแรกได้ จนนำไปสู่การรักษาแต่เนิ่นๆ ทำให้ผู้ป่วย มีโอกาสหายขาดได้มากขึ้น จมูกเทียมนี้ถูกพัฒนาขึ้นตามหลักการที่ว่า สุนัขสามารถค้นหามะเร็งในระยะแรกได้ โดยการสูดกลิ่นลมหายใจของคนไข้ และชี้หาตัวโมเลกุลที่สร้างจากก้อนเนื้องอก ซึ่งจะไหลเวียนผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด และออกจากร่างกายเมื่อคนไข้ หายใจออก
ผลการทดลองในคลินิก ซึ่งใช้จมูกเทียมดมกลิ่นอาสาสมัคร 100 คน ซึ่ง มี 62 คนที่เป็นมะเร็ง ปรากฏว่า จมูกเทียมสามารถแยกแยะคนไข้มะเร็งกับคนสุขภาพดี และระบุประเภทของมะเร็งได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งสามารถบอกตำแหน่งและชนิดของมะเร็งได้ด้วย
ศาสตราจารย์อับบราฮัม คูเทน ผู้ร่วมวิจัยและผู้อำนวยการสถาบันเนื้องอกวิทยา ศูนย์การแพทย์แรมแบม กล่าวว่า “การค้นพบครั้งนี้เป็นเรื่องน่าทึ่ง แต่ในขั้นต้นต้องมีการตรวจพิสูจน์ กับคนไข้จำนวนมากเสียก่อน”

กรมแพทย์แผนไทยแนะเมนูสู้หวัด
นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมพัฒนาการ แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สมุนไพรที่ช่วยสร้างภูมิ ต้านทานโรคไข้หวัดมีหลายชนิด ได้แก่ กระเทียม หอมแดง หอมใหญ่ ขิง ข่า ตะไคร้ กะเพรา ฯลฯ โดยเมนูที่แนะนำให้รับประทานช่วงนี้มี แกงเลียง แกงส้ม ต้มยำ ยำปลาทู เพราะมีสมุนไพร ขิง หัวหอมมาก นอกจากนี้ยังมีน้ำพริกกินกับผักต่างๆ อาทิ คาวตองผักพื้นบ้านของภาคเหนือและอีสาน รวมถึงผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะชนิดที่มีรสเปรี้ยว ส้ม มะขามป้อม และฝรั่ง
“การดื่มน้ำสมุนไพร ทั้งน้ำฝรั่ง น้ำขิง น้ำมะขาม น้ำตะไคร้ ชาเห็ดหลินจือ เบญจขันธ์ ฯลฯ ซึ่งบางรายป่วยดื่มน้ำขิงแก่ โดยนำขิงแก่ไปต้มกับน้ำดื่มประมาณ 1-2 วันก็หาย ไม่ต้องไปโรงพยาบาล หรือหากมีไข้ในช่วง 1-2 วันแรกให้กินสมุนไพรดูแลอาการก่อนไปโรงพยาบาล อาทิ ฟ้าทะลายโจร จันทลีลาแก้ปวดเมื่อย ยาเขียวหอม หากไอ ก็ใช้ยาอมมะขามป้อม มะแว้ง”

กรมวิทย์ฯ แนะฟ้าทะลายโจร ป้องกันไข้หวัด
นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สมุนไพร ไทยที่มีศักยภาพในการป้องกันรักษาโรคหวัด ได้ คือ ฟ้าทะลายโจร ปัจจุบัน ได้รับการบรรจุ อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติและได้มีการกำหนดมาตรฐาน เพื่อการควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบไว้แล้วในตำรามาตรฐานยาสมุนไพรไทย
จากรายงานการศึกษาทางคลินิกระบุว่าฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิผลดีในการลดไข้ แก้อักเสบ แก้เจ็บคอ แก้ปวดศีรษะ รักษาโรคไซนัสอักเสบ และใช้ได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดและเจ็บคอ แม้แต่ในประเทศจีน ปัจจุบันมีการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคทางเดินหายใจส่วนต้น ติดเชื้อ และรักษาต่อมทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาแล้วพบว่า ฟ้าทะลายโจรปลอดภัย สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันและป้องกันการเกิดอันตรายต่อเซลล์ตับได้อีกด้วย
ประชาชนสามารถใช้ผงฟ้าทะลายโจรขนาด 1 กรัม หรือบรรจุ 2 แคปซูล แคปซูลละ 500 มก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและ ก่อนนอน เพื่อแก้ไข้หรือเจ็บคอ สำหรับข้อพึงระวังในการใช้สมุน-ไพรฟ้าทะลายโจร คือผู้ ที่มีโรคความดันต่ำ และหญิงมีครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรใช้ นอกจากนี้ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจทำให้จุกเสียด มึนงง เบื่ออาหาร หรือหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการชาหรือแขนขาอ่อนแรง
ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยสร้างภูมิต้านทานในการรักษาไข้หวัดใหญ่ที่แนะนำ 3 ชนิดคือ 1. ฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ในการรักษาและสร้างภูมิต้านทานของร่างกายในการป้องกันโรค 2. ขิง มีฤทธิ์อุ่นสอดคล้องกับการรักษาโรคหวัด ลดจำนวนไวรัสในร่างกาย และ 3. กระเทียม หรือกระเทียมดอง ถ้าไม่อยากเป็นหวัดให้กินทุกวัน ประสิทธิภาพเหมือนกับวัคซีนป้องกันโรค ส่วนกระเจี๊ยบ ขมิ้นอ้อย มะระ และฟักข้าวมีฤทธิ์เหมือนยาโอเซลทามิเวียร์

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 105 สิงหาคม โดยธาราทิพย์)
กำลังโหลดความคิดเห็น