xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้าทะลายโจรแก้ขัด ‘หวัด 2009’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทันทีที่ไข้หวัด 2009 เริ่มระบาดหนักในเมืองไทย ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีวี่แววว่าจะจบลง การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหันมาตระหนักถึงการดูแลรักษาสุขภาพ พกหน้ากากอนามัย และล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันหวัด 2009 ยังมีอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เรื่องการเข้าถึงยาโอเซลทามิเวียร์และวัคซีนป้องกันหวัดดูจะเป็นเรื่องไกลตัวประชาชนผู้มีรายได้น้อย ด้วยเหตุนี้ประชาชนหลายๆ คนจึงหันมาพึ่งยาสมุนไพรไทย ‘ฟ้าทะลายโจร’ ที่กลายเป็นพืชสมุนไพรและได้รับความสนใจจากประชาชนสูงสุดในขณะนี้ ซึ่งทั้งสรรพคุณและราคาล้วนเข้าถึงประชาชนได้มากกว่ายาฝรั่งเสียอีก

ผู้บริโภควอนรัฐอย่าขึ้นราคาฟ้าทะลายโจร

จากการสุ่มสอบถามผู้บริโภคที่หันมาซื้อฟ้าทะลายโจร พวกเขาต่างเชื่อว่าฟ้าทะลายโจรเป็นยาที่สามารถรักษาอาการเจ็บคอ ตัวร้อนจากการเป็นหวัดได้จริง และยังช่วยลดความวิตกกังวลว่าหากติดหวัดแล้วเข้าไม่ถึงยาโอเซลทามิเวียร์ พวกเขาก็ยังกินยาฟ้าทะลายโจรที่อาจจะช่วยระงับเชื้อหวัดร้ายและมีโอกาสรอดตายได้

อ้อ พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เล่าว่า ซื้อยาฟ้าทะลายโจรมาจากร้านขายยาย่านเทเวศร์ ราคาข้างกล่อง 180 บาท แต่ร้านขายยา ขายให้ในราคา 120 บาท ในนั้นจะบรรจุยาเป็นแคปซูล 100 เม็ด เป็นแผง แผงละ 10 เม็ด สาเหตุที่ไปซื้อยามากินเพราะได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ ที่ทำงานว่ากินแล้วจะสามารถช่วยระงับอาการไข้หวัด และทำให้หายเจ็บคอได้ แต่เธอก็รู้ว่าหากกินยาติดกันเป็นเวลานานเกิด 7 วัน อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย จึงเลือกที่จะทานแค่วันที่มีอาการเจ็บคอติดกัน 5 วัน

“ตอนที่ไปซื้อยามีคนมาคอยซื้อเยอะมาก คิดว่าตอนนี้ฟ้าทะลายโจรกำลังขาดตลาด ก็เพิ่งกินไปไม่กี่วัน ตอนที่มีอาการเจ็บคอ คิดว่าป้องกันไว้ก่อนดีกว่า แต่ก็จะไม่กินเกิน 7 วันหรอก ทางเลือกอีกทางคือบ้านเรามียาสมุนไพรไทยที่ป้องกันหวัดได้ นั่นคือกินกระเทียมสดๆ ทุกวันก็สามารถแก้หวัดได้ชะงัก และไม่มีผลข้างเคียงด้วย”

อ้อยังบอกอีกว่า หากจะซื้อยาฟ้าทะลายโจรมากิน ควรเลือกของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำให้เราในฐานะผู้บริโภครู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

เช่นเดียวกับ ผึ้ง พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง บอกว่าเธอไปซื้อฟ้าทะลายโจรที่ห้างดิสเคานต์สโตร์แถวบ้าน ซึ่งเป็นกล่องสุดท้ายพอดี เมื่อสอบถามพนักงานขาย บอกว่ากำลังขาดตลาด มีคนมาซื้อเยอะมากในช่วงนี้

“ที่ซื้อมาก็เพราะเห็นทางโทรทัศน์เขาออกข่าวว่าฟ้าทะลายโจรสามารถแก้หวัดได้ เลยซื้อมาเก็บไว้ ตอนนี้ยังไม่ได้กินเลย จะกินเมื่อมีอาการเจ็บคอ หรือรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นหวัด เวลาไปต่างจังหวัดก็จะพกเผื่อไว้ หากเกิดไม่สบายขึ้นมาก็จะเอามากินเพื่อป้องกันไว้ก่อน อีกอย่างอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตว่า ถ้าเป็นหวัด 2009 แล้วเชื้อจะเข้าสู่ปอดภายใน 3 วัน ถ้าเกิดว่าเราไม่กินยากันไว้ก่อน เราอาจจะไม่หายก็ได้ การเข้าถึงยาโอเซลทามิเวียร์ มันค่อนข้างยาก หากเราได้กินฟ้าทะลายโจรไว้ก่อนก็จะรู้สึกอุ่นใจในระดับหนึ่ง”

นอกจากนี้ทั้งสองสาวยังบอกอีกว่า เวลาที่จะซื้อยาฟ้าทะลายโจรมากินไม่ควรเลือกยาที่ขายตามท้องถนนทั่วไปที่ไม่มีเครื่องหมาย อย. เพราะอาจจะไม่สะอาด อีกอย่างตอนนี้ฟ้าทะลายโจรเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจะขึ้นราคาหรือเปล่า ทั้งสองบอกว่าใจจริงอยากให้เพิ่มจำนวนการผลิตมากกว่าที่จะเพิ่มราคา จะได้ตอบสนองความต้องการของประชาชน และไม่เอาเปรียบผู้บริโภคด้วย

ด้านเจ้าของร้านขายยา บวรชัยเภสัชกร ย่านตลาดบางลำพู บอกว่า ภายหลังจากที่มีข่าวออกมาว่า ฟ้าทะลายโจร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยป้องกันหวัด 2009 ได้ ก็มีประชาชนที่อยู่ในละแวกนี้แห่มาซื้อฟ้าทะลายโจรเป็นจำนวนมาก ทำให้สิ้นค้าหมดภายในไม่กี่วัน

“ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีคนมาซื้อเยอะมาก จนทำให้ฟ้าทะลายโจรหมดไปอย่างรวดเร็ว และขาดตลาดไปพักหนึ่ง แต่ตอนนี้ทางร้านก็สั่งยามาเพิ่มแล้ว ส่วนคนที่มาซื้อยาในตอนนี้ก็ลดลงบ้าง แต่ยังคงมีมาเรื่อยๆ ผมถามคนที่มาซื้อหลายรายว่ามีอาการยังไง เป็นหวัดเหรอ แต่คนส่วนใหญ่บอกว่าไม่ได้เป็นหวัด แต่ซื้อเอาไว้ ป้องกันยามจำเป็นจริงๆ”

เจ้าของร้านขายยาบวรชัยเภสัชกร ยังบอกอีกว่า ที่ร้านมีฟ้าทะลายโจร 2 ยี่ห้อ คืออ้วยอัน ราคากล่องละ 70 บาท มี 100 เม็ด ข้างในบรรจุเป็นแผงแคปซูล และมียี่ห้อตราใบห่อ ราคาเพียง 14 บาท ซึ่งก็มี 100 เม็ดเช่นกัน แต่ซองจะบรรจุยาเป็นเม็ดๆ ทั้งสองยี่ห้อนี้ก็ขายหมดเกลี้ยงเช่นกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงนี้ทางร้านก็สั่งสินค้ามาเพิ่มแล้ว และยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

ผู้ผลิตฟ้าทะลายโจรงานล้นมือ ยอดสั่งซื้อเพียบ!!

จากการตื่นตัวของประชาชนคนไทยเรื่องยาฟ้าทะลายโจร ทำให้ยอดสั่งซื้อของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิดิพร ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและหัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดกระแสหวัด สมุนไพรหลายๆ ตัวของโรงพยาบาลมียอดขายสูงขึ้น โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร ซึ่งมียอดขายสูงขึ้นถึง 300 เปอร์เซ็นต์ คือจาก 8,000 ขวดเป็น 24,000 ขวดต่อเดือนเลยทีเดียว

ทั้งนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ของโรงพยาบาลที่ทำมาจากฟ้าทะลายโจรนั้นมี 2 ประเภทคือ ชนิดผง และชนิดแคปซูล โดยช่วงที่ผ่านมาโรงพยาบาลผลิตชนิดแคปซูลไม่ทัน เพราะไม่ได้เตรียมการเอาไว้ว่าจะมีคนให้ความสนใจมากขึ้นขนาดนี้ ทำให้ไม่ได้มีการเร่งผลิตสินค้า ที่สำคัญการผลิตแคปซูลของที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเอกลักษณ์สินค้าของโรงพยาบาล ก็คือต้องพิมพ์ชื่อของผลิตภัณฑ์ลงไปบนแคปซูลด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนว่าเป็นยาชนิดไหน

“เรื่องนี้ถือว่าเกินความคาดหวังของเรา โรงงานของเราผลิตไม่ทัน ช่วงแรกๆ ที่โรคระบาดก็คิดว่ามันคงได้ใช้แน่ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมากมายถึงขนาดนี้ คือตอนนั้นเราเตรียมวัตถุดิบเพิ่มขึ้นไว้แค่ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่นี่มันเติบโตหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้สินค้าของเราเริ่มขาดตลาด แต่ว่าตอนนี้เราก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว เชื่อว่าสัปดาห์นี้ปัญหาที่มีก็จะคงหมดไป”

สำหรับสาเหตุที่ฟ้าทะลายโจรมียอดขายสูงขนาดนี้ ดร.สุภาภรณ์มองว่าน่าจะเป็นเพราะคนส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกหมดหวังกับการรักษาในปัจจุบัน เพราะไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ แล้วยาแผนใหม่ก็ยังผลิตได้ไม่เพียงพอ กินแล้วจะหายหรือเปล่า มีผลข้างเคียงตามมาหรือไม่ และที่สำคัญคนส่วนใหญ่ก็รู้อยู่แล้วว่า ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณในการรักษาโรคนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีงานวิจัยทั่วโลกร่วม 100 ชิ้นออกมายืนยัน แต่คนไม่ค่อยสนใจจะใช้ เรียกง่ายๆ ว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา หรือหากไม่สิ้นหวังจริงๆ ก็คงไม่หันมายาพึ่งสมุนไพร

“เวลาคนที่ป่วย แล้วหันไปทางไหนไม่เจอ พอเห็นอะไรที่สามารถช่วยเขาได้เขาก็จะวิ่งเข้าไปหา อย่างฟ้าทะลายโจรเองก็เหมือนกัน พอคนหันมาใช้มากๆ มันก็กลายเป็นกระแสการตื่นตัวที่กว้างขวาง หากถามว่าเราคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไหม ก็คงต้องบอกว่าไม่คิด เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยเกิดปรากฏการณ์แบบนี้สักเท่าไหร่ เรื่องนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ทางสังคมเลยก็ว่าได้”

นอกจากนี้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของฟ้าทะลายโจร ซึ่งได้รับการยืนยันจากการวิจัยทั่วโลก ก็คือความเสี่ยงต่ำ ไม่มีผลข้างเคียง เว้นแต่ถ้ากินมากๆ ก็อาจจะทำให้รู้สึกหนาว และรู้สึกเฉื่อยชา เนื่องจากฟ้าทะลายโจรเป็นพืชเย็น เพราะฉะนั้นเพื่อให้ได้ผลมากที่สุด ควรกินวันละเม็ดก็พอแล้ว ที่สำคัญการใช้สมุนไพรนั้นประหยัดกว่าการใช้ยาแผนปัจจุบันมาก แถมสมุนไพรอย่างฟ้าทะลายโจร หรือขิง กระเทียม ก็สามารถปลูกได้ง่ายๆ ในบ้านได้เลย

เมื่อถามถึงโอกาสที่คนจะใช้สมุนไพรต่อหลังจากหมดกระแสเรื่องหวัดไปแล้ว ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่าตอนแรกที่คนใช้มากๆ ก็น่าจะมาจากกระแสนั่นเอง แต่เชื่อว่าต่อไป เมื่อคนเริ่มใช้ไปแล้ว ก็อาจจะรู้สึกอยากใช้ต่อไป เพราะรู้ว่าฟ้าทะลายโจรนั้นเป็นยาที่ดี มีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยลดอาการหวัดได้จริงๆ

“การมีกระแสถือเป็นเรื่องที่ดีนะ และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา คนที่ใช้ไปแล้วส่วนใหญ่มักจะติดใจ โดยเฉพาะพวกที่เป็นหวัดใหม่ๆ ถ้ากินไปจะหายเร็วมาก พูดง่ายๆ ก็คือหวัด 2009 นั้นเหมือนเป็นการสร้างโอกาสให้คนได้ลองใช้สมุนไพรกันดูบ้าง เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับเลยว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใช้สมุนไพร ยิ่งพวกแพทย์แผนปัจจุบันก็ยิ่งไม่ใช้ แม้ว่าสมุนไพรหลายๆ ตัวจะอยู่ในบัญชียาหลักแล้วก็ตาม”

ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจที่ยาสมุนไพรไทยได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งราคาถูกและสรรพคุณไม่ได้ด้อยไปกว่ายาต่างชาติเลย แต่การได้รับความนิยมครั้งนี้ได้มันเริ่มต้นมาจากหวัดร้าย 2009 ที่คร่าชีวิตคนไปหลายรายแล้ว

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ดร.สุภาภรณ์ ไม่ค่อยมั่นใจว่ากระแสการใช้สมุนไพรไทยจะยั่งยืนได้นาน เพราะที่ผ่านมาภาครัฐเองก็ดูจะไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อการพัฒนายาสมุนไพรสักเท่าไหร่ มิหนำซ้ำยังมีการออกระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เป็นการแช่แข็งยาสมุนไพรไม่ให้เติบโตอีกต่างหาก สุดท้าย ประเทศไทยก็ต้องคอยพึ่งพิงยาจากต่างประเทศร่ำไป แม้ว่าเราจะมีของดีอยู่กับตัว พอเกิดเรื่องทีก็ตื่นกันที หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบหาย แล้วรอให้เกิดวิกฤตซ้ำอีก แบบนี้แหละที่เรียกว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

แหล่งฟ้าทะลายโจร

หลังจากกระแสโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 (ในฐานะแขกไม่ได้รับเชิญ) มาเยี่ยมเยียนและทำความรู้จักกับคนไทย ก็นำเอากระแสต่างๆ เข้ามามากมาย เช่น แฟชั่นผ้าปิดปาก คำพูดฮิตติดปาก ‘กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ’ ล่าสุดกับกระแสสมุนไพรแก้หวัดที่ขณะนี้มีคนไทยจำนวนมากตื่นตัวในการป้องกันโรคดังกล่าวนี้

ที่ฮิตติดลมบนเป็นพระเอกอยู่ตอนนี้คงหนีไม่พ้น ‘ฟ้าทะลายโจร’ ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ‘ANDROGRAPHIS PANICULATANEES’ มีชื่อพื้นบ้านอื่นๆ ว่า ยากันงู (หาดใหญ่) น้ำลายพังพอน (กลาง) ขุนโจรห้าร้อย, ชวงซิมน้อย, เจ๊กเกียงฮี, โขว่เช่า หรือคีฟังฮี

สำหรับถิ่นที่อยู่ของพืชชนิดนี้ ได้แก่ ตามป่าดงดิบ ป่าสน ป่าก่อ ป่าเต็งรัง หรือแม้กระทั่งตามริมถนน และมีปลูกตามบ้าน การขยายพันธุ์ทำโดยการเพาะเมล็ด หยอดเมล็ดลงดินลึก 3-4 เซนติเมตร กลบดินรดน้ำให้ชุ่ม ไม่ช้าก็จะงอก และปลูกได้ทุกฤดูกาล

ปัจจุบันได้มีการนำฟ้าทลายโจรมาปรุงสำเร็จในรูปของยาเม็ด ซึ่งสามารถหาซื้อรับประทานได้ง่าย ราคาไม่แพง ฟ้าทะลายโจรถือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ทั้งต้นและใบมีสรรพคุณในตำราไทยและตำรายากลางบ้าน ใช้แก้ไข้ แก้ท้องเสีย เป็นยาบำรุง แก้ฝี แก้แผลบวมอักเสบ แก้งูสวัด แก้เริม จากการศึกษาปัจจุบันพบว่า ใบของฟ้าทลายโจรออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียกรัมบวกและกรัมลบบางตัว

อรัญญา ศรีบุศราคัม นักวิชาการข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร ของมหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า แหล่งที่ปลูกฟ้าทะลายโจรหลักๆ ในประเทศไทยคือที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งปกติจะมีราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 กว่าบาท แต่เมื่อตลาดมีความต้องการมากขึ้น ราคาก็ปรับเพิ่มขึ้นเกือบกิโลกรัมละ 200 บาท

นอกจากนี้แล้วแหล่งผลิตสมุนไพรใหญ่อย่างโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ยังได้กระจายแหล่งปลูกไปตามชุมชนและหมู่บ้านที่ใกล้เคียง ซึ่งมีการส่งเสริมการปลูกพืชชนิดนี้ในชุมชนอีกด้วย

สำหรับรูปแบบในการนำฟ้าทะลายโจรมารับประทานนั้น อรัญญาบอกว่า สามารถทำได้ทั้งการนำเอาใบสดมารับประทานได้เลยหากทนรสขมของฟ้าทลายโจรได้ หรือจะกินในรูปแบบการชงเป็นชาแล้วดื่มน้ำนั้นก็ได้ นอกจากนี้ วิวัฒนาการในการแปรรูปให้เป็นรูปแบบแคปซูลยาก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนไทยนิยมหามารับประทานกันมากขึ้น

นอกจากฟ้าทลายโจรแล้ว ยังมีสมุนไพรที่ป้องกันไข้หวัดอีกมากมาย เช่น ขิง ซึ่งสามารถรับประทานได้เลย หรือจะนำมาต้มแล้วดื่มน้ำนั้นก็ได้ ตะไคร้ ที่สามารถรับประทานได้สดๆ ในรูปแบบการปรุงอาหาร หรือนำมาต้มเพื่อดื่มน้ำ กระเทียม ก็สามารถรับประทานสดได้เลย หรือมะขามป้อม ที่มีวิตามินซีสูง สามารถป้องกันอาการหวัดได้ สามารถรับประทานได้สดๆ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การรับประทานสมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไข้หวัดนี้ได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้ห่างจากโรคภัยทุกชนิด

*************

เรื่องโดย-ทีมข่าวคลิก






กำลังโหลดความคิดเห็น