xs
xsm
sm
md
lg

ใส่ใจสุขภาพ : 8 เคล็ดลับ ป้องกันไตวาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ที่จะเกิดโรคไตวาย แบ่งง่ายๆเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีโรคที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคไตอยู่แล้ว กลุ่มนี้ที่สำคัญ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคนิ่ว เป็นต้น กลุ่มที่ 2 ได้แก่ กลุ่มที่มีโรคซ่อนอยู่แต่ไม่รู้ตัว บางท่านรู้สึกว่าตนมีสุขภาพ แข็งแรง ในขณะที่บางท่านกินยาที่แพทย์ไม่ได้สั่งให้เป็นประจำ
ในกลุ่มแรก ท่านคงต้องมาพบแพทย์เป็นประจำ เป้าหมายของการรักษาที่แพทย์ แจ้งให้ท่านทราบมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่มีความดันโลหิตสูงจะต้องดูแลตนเองให้ระดับความดันโลหิตต่ำกว่า 130/80 มม. ปรอท ในขณะที่ผู้ป่วยเบาหวานจะต้องคุมระดับน้ำตาลในเลือดตอนเช้าอยู่ในระดับ 90-130 มก.% การดูแลตนเองและใช้ยาให้ได้ผลตามเป้าที่แพทย์และพยาบาลแนะนำ จะมีผลช่วยป้องกันการเกิดโรคไตวายได้
ในกลุ่มที่ 2 ท่านที่รู้สึกว่าตนเองสุขภาพดี ไม่เคยเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล บางท่านเป็นนักกีฬา เหล่านี้ไม่ได้รับประกันว่าท่านจะไม่เป็นโรคไต แม้ท่านจะไม่มีอาการใดๆเลยก็ตาม ก็อาจจะมีโรคไตซ่อนอยู่ในตัวอยู่แล้วก็เป็นได้ ทางที่ดีท่านลองพิจารณาคำแนะนำดังต่อไปนี้ ได้แก่
1. วิธีที่ดีที่สุด คือ ควรจะไปรับการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะรวมการตรวจสุขภาพไตขั้นต้น 3 ประการ ได้แก่ วัดความดันโลหิต ตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือดหาระดับ“ครีอะตินีน” ผลการตรวจจะบอกได้ขั้นต้นว่าท่านมีโรคไตซ่อนอยู่หรือไม่ ถ้ามีความผิดปกติแม้เล็กน้อยก็ตาม แพทย์ก็จะแนะนำให้รับการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อวินิจฉัย
2. สนใจสุขภาพตนเอง รับประทานอาหารที่มีคุณค่า ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้พอเพียง ถ้ามีกิจกรรมที่เสี่ยงต่อโรคไต ท่านควรจะหลีกเลี่ยง ซึ่งที่สำคัญๆ ได้แก่ การงดบุหรี่ หลีกเลี่ยงสุรา ออกกำลังกาย ดื่มน้ำสะอาดอย่างพอเพียง เป็นต้น
3. ถ้าร่างกายท่านแสดงสัญญาณอันตรายบอกโรคไตอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ ซึ่งอาจ พบว่า ท่านไม่มีโรคใดๆเลยก็ได้ หรือบางท่านอาจมีความผิดปกติของไตเล็กน้อย การรักษาก็แค่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็เพียง พอ ซึ่งในกลุ่มหลังนี้ ถ้าทิ้งไว้นานโดยไม่ทำอะไร ก็อาจเกิดโรคไตเรื้อรังได้
4. ระวังอย่าให้เกิดท้องเสีย โดยกินเฉพาะอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ ถ้าเกิดท้องเสียท่านจะต้องได้รับน้ำทดแทนอย่างพอเพียง ถ้าท่านมีโรค ไตเรื้อรังอยู่แล้ว การที่เกิดท้องเสียจนทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรงและเกิดไตวายเฉียบพลันได้ และบ่อยครั้งไตที่วายแล้วไม่ฟื้นกลับอีกเลย
5. หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเองเป็นประจำ ปัจจุบันการแพทย์ยุคใหม่ส่งเสริม ให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง การซื้อยาง่ายๆรักษาตนเอง อาทิ โรคหวัด ปวดหัว ท่านซื้อยากินเองได้ แต่ต้องทราบว่า กิน 1 ชุดแล้วไม่หาย ต้องไปพบแพทย์ เพราะโรคที่คิดว่าตนเองเป็น อาจจะมีสาเหตุอื่นๆ ที่แพทย์ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บ่อยครั้งที่พบว่า ท่านที่เป็นโรคเรื้อรังบางโรคที่ไม่น่าจะเป็นโรคไต อาทิ โรคผิวหนัง โรคปวดกล้ามเนื้อจากการทำงาน ท่านที่ซื้อยากินเอง กินยาที่ไม่ทราบสรรพคุณ เชื่อตามคำโฆษณา เมื่อกินเข้าไปมากๆ แล้ว ทำให้เกิดไตอักเสบ จนเป็นไตวายเรื้อรัง สุดท้ายโรคที่มีอยู่ก็ไม่หาย แถมเกิดโรคไตวายเพิ่ม
6. การกินยาซ้ำซ้อน มียาหลายอย่างที่แพทย์จ่ายให้ผู้ป่วย ได้แก่ โรคปวดข้อ ปวดเส้น ปวดกล้ามเนื้อ ยาที่จ่ายอาจมียากลุ่มหนึ่งที่ท่านควรจะรู้จัก ได้แก่ “ยาเอ็นเสด” ซึ่งเป็นยาลดอักเสบฤทธิ์แรงมาก กินแล้วอาการปวดมักจะทุเลาลง แต่การทุเลาจะเป็นเพียงชั่วคราว เพราะไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ หลังหมดฤทธิ์ยา ผู้ป่วย จะกลับมาปวดได้อีก โดยทั่วไป แพทย์จะพยายามแก้ไขต้นเหตุอยู่แล้ว
ท่านที่เป็นผู้ป่วยโรคปวดต่างๆ ควรจะถามแพทย์ว่า ยาที่ท่านได้ มี “ยาเอ็นเสด” หรือไม่ และถ้ามีท่านต้องทำตัวอย่างไร ท่านที่ไปหาแพทย์หลายคลินิก บางครั้งอาจจะได้รับยาแก้ปวดคล้ายๆกันแต่คนละยี่ห้อ และถ้ากินเข้าไปพร้อมกันจะมีผลเสียอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพไต ซึ่งหลักอันหนึ่งที่แพทย์มักจะต้องเตือน คือยาเก่าอย่าเก็บไว้ ยกเว้นแต่ได้นำไปให้แพทย์ตรวจดูและบอกว่ากินต่อไปได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ท่านต้องทราบว่า คนธรรมดาทั่วไปจะไม่ต้องกินยาเป็นประจำ นอกจากมีโรคที่ต้องรักษา ดังนั้น การที่ท่านต้องกินยาโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นโรคใด ควรจะถามแพทย์ที่ดูแลว่าท่านเป็นโรคใด และจะต้องกินนานเพียงไร แน่นอน โรคบางโรคอาจต้องกินยาประจำตลอดชีวิต แต่บางโรคพออาการหายแล้วต้องหยุดยา
ปัจจุบัน พบว่ามีผู้ป่วยบางรายพอกินยาหมด อาการยังไม่หาย กลับนำซองยาเปล่าที่ได้จากแพทย์ไปซื้อกินเอง ทำให้เกิดโรคไตเรื้อรังจากยา ที่น่ากลัวคือ โรคไตจากยานี้เป็นโรคแบบเงียบๆผู้ป่วยเองไม่มีทางทราบได้ว่าเกิดโรคในระยะแรกเริ่มถ้าไม่ได้รับการตรวจ ผู้ป่วยจะมาหาแพทย์อีกทีก็เกิดโรคไตวายแล้ว ทั้งที่ผู้ป่วยเดิมเป็นโรคที่รักษาได้ดังเช่น โรคปวดกล้ามเนื้อจากการทำงาน ซึ่งปรับวิธีการทำงานใหม่ก็จะทุเลาไปได้เอง
7. หลีกเลี่ยงยาเสพติดต่างๆ โดยเฉพาะ ต้องงดการสูบบุหรี่ ซึ่งมีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและทำให้ไตเสื่อมเร็ว
8. อย่าหลงคำโฆษณา ในท้องตลาดมีการขายสารอาหารต่างๆมากมายเพื่อบำรุง ร่างกาย อาหารเสริมเหล่านี้ ทางองค์การอาหารและยา (อย.) ได้จัดเป็นอาหาร ไม่ใช่ยา ดังนั้น สามารถหาซื้อได้ทั่วไปและไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์ก่อนซื้อ ในส่วนอาหารเสริมเหล่านี้ อย.ได้รับรองแล้วว่าท่านสามารถซื้อกินได้โดยไม่เกิดโทษ แต่ทางที่ดีก่อนจะซื้อ ควรจะอ่านฉลากอาหาร ที่แนบไว้ด้วยว่า อาหารเสริมมีข้อจำกัด หรือข้อควรระวังประการใดบ้าง ต้องระวัง ในผู้ที่เป็นโรคบางโรคหรือไม่ อาหารเสริมบางอย่างมีเกลือผสมอยู่มาก ทำให้เกิดโทษได้ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังและโรคความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการโฆษณาเกินจริง ของอาหารหรือสารบางอย่าง ว่า สามารถรักษาโรคไตอ่อนแอได้ คำโฆษณา เหล่านี้ฟังดูน่าสนใจ เชื่อว่าผู้ป่วยที่มีโรคภัยไข้เจ็บอยู่แล้ว โดยเฉพาะท่านที่มีโรคที่แพทย์บอกว่ารักษาไม่มีทางหาย ท่านต้องอยากหายแน่นอน ทุกท่านอยากได้พบกับยาวิเศษ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า สารหรืออาหารวิเศษที่ประกาศขายตามหนังสือรายสัปดาห์และหนังสือพิมพ์นั้น ไม่มีใครรับรองสรรพคุณ ถ้าเป็นยาดีจริง ทำไมไม่มีขายในโรงพยาบาล และถ้ายาเหล่านี้ดีจริง แพทย์จะต้องรีบจ่ายยาเหล่านี้ให้กับท่าน ทำไมต้องขายทางไปรษณีย์ที่ท่านไม่มีทางรู้จักผู้ขายเลย ท่านต้องส่งเงินหรือโอนเงินไปให้ ผลจากการหลงเชื่อเหล่านี้ ทำให้ผู้ป่วยเกิดโรคไตวายเรื้อรังมาแล้วนับไม่ถ้วน
โดยสรุป การดูแลไตให้มีสุขภาพดีทำ ได้ไม่ยาก ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเคล็ดลับสำหรับท่านที่ไม่ต้องการเป็นโรคไตวาย หรืออย่างน้อยถ้าทำได้ ก็จะช่วยยืดอายุไตของท่านออกไปอีกยาวนาน

สัญญาณอันตรายบอกโรคไจ 6 ประการ
• ปัสสาวะขัด
• ปัสสาวะสีเข้มแบบสีน้ำล้างเนื้อ
• ปัสสาวะบ่อย
• บวมหน้า บวมเท้า
• ปวดหลัง ปวดเอว
• ความดันโลหิตสูง
(จากเวปไซต์สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 105 สิงหาคม 2552 โดย รศ.นพ.ทวี ศิริวงศ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น)
กำลังโหลดความคิดเห็น