xs
xsm
sm
md
lg

บทความจาก นสพ. ผู้จัดการ

x

สื่อใจสมานสร้างสรรค์:

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

                             คนที่หนีทุกข์...มักจะพบแต่ทุกข์
                           ส่วนคนที่เรียนรู้ทุกข์...กลับพ้นทุกข์
                    นี่คือความอัศจรรย์ในคำสอนของพระพุทธองค์ 
              ฝึกมองให้ถูกมุม เรียนให้ถูกจุด ได้เวลาแล้วที่จะชำระจิตชำรุด


เรื่องที่ 86
ได้เวลาชำระจิตชำรุด

ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง หากมองให้เป็นก็จะพบว่าสรรพสิ่ง รอบตัวล้วนแสดงสัจธรรมให้เราเห็นตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ก็มีคติธรรมสอนใจเราได้ทุกเมื่อ...

ข้อความข้างต้นคือส่วนหนึ่งจากบทความคำนิยมที่ พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ได้เมตตาเขียนไว้ในหนังสือได้เวลาชำระจิตชำรุด เพื่อเสริมสารัตถะ ร่วมปันยารักษากายใจให้สาธุชน

ส่วนพระอาจารย์กฤช นิมฺมโล (หนึ่งในอดีตทีมงานฝ่ายผลิตรายการเพชฌฆาตความเครียดที่โด่งดังเมื่อ 20 ปีก่อน และ เป็นผู้ริเริมสร้างสรรค์รายการสนทนาธรรมใต้ร่มโพธิ์ ให้แก่ สถานีวิทยุสังฆทานธรรม มีผลงานผลิตเสียงหนังสือมากมายหลายเล่ม เช่น การศึกษาเพื่อความเป็นคนที่สมบูรณ์ รจนาในสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ชวนม่วนชื่น งานเขียนของพระอาจารย์พรหม ทางเอก ประทีปส่องธรรม วิถีแห่งความรู้แจ้ง วิมุตติมรรค และ จิตคือพุทธะ งานเขียนของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช กับคำสอนของพ่อฯ และอื่นๆ อีกมากมาย) ก็ได้เขียนคำคมๆ แบบมีอารมณ์ขันไว้ในหนังสือ เล่มนี้ว่า

โลกนี้เต็มไปด้วยทุกข์ คนที่หนีทุกข์... มักจะพบแต่ทุกข์ ส่วนคนที่เรียนรู้ทุกข์... กลับพ้นทุกข์ นี่คือความอัศจรรย์ในคำสอน ของพระพุทธองค์ ขอย้ำให้มีสติย้อนกลับมาเรียนรู้ที่กาย-ใจ ดูสิ่งที่ปรากฏจริง จนจิตเข้าใจความจริง ให้จิตรู้-ตื่น-เบิกบาน มองให้ถูกมุม เรียนให้ถูกจุด พัฒนาจิต อย่าติดแค่ทรงกับทรุด ถ้าพบว่า จิตชำรุด.. ก็ได้เวลาแล้วที่จะชำระ

นี่แค่เกริ่นนำในคำนิยมนะคะ นอกจากพระคุณเจ้าทั้งสองรูปแล้ว ท่านอาจารย์วศิน อินทสระ ปูชนียบุคคล เพชรแห่งการเผยแผ่ธรรม ก็ได้ให้คำนิยมมอบแก่นธรรมคำคมเตือนใจทั้งผู้เขียน และผู้อ่านไว้เช่นกันว่า

ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาเป็นชีวิตที่ประเสริฐ ผู้มีปัญญาแม้จะสิ้นทรัพย์ก็พอมีชีวิตอยู่ได้ ผู้มีทรัพย์แต่ขาดปัญญามีชีวิตอยู่ไม่ได้หรือมีชีวิตอยู่ยาก พระพุทธพจน์เน้นไว้อีกว่า การได้ปัญญาทำให้ได้สุข...

จึงนับว่า คุ้มค่ากับความกล้าในก้าวแรกที่ถ่ายทอดประสบการณ์ การใช้หลักธรรมเยียวยาโรคกายและใจของ ผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า ปันยา โดยมีเจ้ามือแชร์บุญแบบลูกโซ่ที่ไม่ประสงค์จะออกนามและมักแฝงตัวปิดทองอยู่ใต้ฐานพระ รวบรวมสมัครพรรคพวกพลังบุญมาหนุนเสริมให้มียอดจัดพิมพ์ ในครั้งแรกถึง 20,000 เล่ม

จุดแจกหนังสือเล่มนี้ นอกจากจะแจกไปแล้วในงานของชมรมกัลยาณธรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ยังมีหลายแห่ง ผู้สนใจเลือกรับได้จากสถานที่ต่างๆ ที่ท่านประสงค์จะสมทบทุนสนับสนุน กองทุนการกุศล เช่น กองทุนดูแล พระอาพาธโรงพยาบาลสงฆ์และโรงพยาบาลจุฬาฯ หรือขอรับโดยตรงได้โดยส่งซองเปล่าติดแสตมป์ 6 บาท จ่าหน้าซองถึงตนเองให้เรียบร้อย แจ้งความจำนงไปที่

คุณวุฒิเวช กษีรสกุล เลขที่ 120/410 หมู่บ้านมณียาวิลล์ ถนนสุขุมวิท 101/1 บางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 08-5199-1800 และ 0-2747-8644 หรือติดต่อทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ punyadham@yahoo.com

ขอสมทบตบท้ายด้วยสูตรเสริมความสุขในชีวิตประจำวัน โดย สุทธิชัย หยุ่น สูตรนี้กล่าวกันว่าเป็น Lifebook 'ตำราแห่งชีวิต' ใครจะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ส่งต่อๆ กันมาทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมอุดมคติด้วยสุขภาวะค่ะ

  สูตร 'ตำราแห่งชีวิต' ที่ว่านี้มีง่ายๆ อย่างนี้

1. ดื่มน้ำให้มาก    

2. กินอาหารเช้าเหมือนราชา รับประทานอาหารเที่ยงเหมือน เจ้าชาย และเมื่อถึงอาหารเย็น ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า และกลางๆ ตอนเที่ยง และ ตกเย็นแล้ว ทำตัวเป็นยาจก ไม่มีอะไรจะกิน... สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวล่ะ)

3. กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน

4. ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E... นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือรือร้น และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากๆ

5. หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ

6. เล่นเกมสนุกๆ เสียบ้าง อย่าเครียดกันนักเลย

7. อ่านหนังสือให้มากขึ้น... ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา

8. นั่งเงียบๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้

9. นอนวันละ 7 ชั่วโมง

10. เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาที แล้วแต่จะสะดวก ไม่ต้องเครียด กับมัน วันไหนไม่ได้เดิน ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน

11. ระหว่างเดิน อย่าลืมยิ้ม

นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ หากทำเป็นกิจวัตร ชีวิตก็จะแจ่มใส แต่อย่าทำให้ตัวเอง เครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลา ของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้ พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริง เอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรจะไปคู่กับสูตรสุขภาพ

1. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง

2. อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย ก็ทุ่มเทกำลัง

3. อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้... รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน

4. อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก

5. อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ... นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง

6. จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ

7. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ๆ... คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว

8. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ

9. ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...
จงอย่าเกลียดคนอื่น

10. ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ

11. ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง

12. จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หายไป... เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต... แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต

13. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น

14. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก... บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกันได้... เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร

แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?

1. อย่าลืมโทร. หาครอบครัวบ่อยๆ

2. จงหาอะไรดีๆ ให้คนอื่นทุกวัน

3. จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง

4. จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ

5. พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน

6. คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย

7. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด

และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้ ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้

1. ทำสิ่งที่ควรทำ

2. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่สวย ไม่น่ารื่นรมย์ จงทิ้งไปเสีย... เก็บไว้ทำไม?

3. เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้

4. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน

5. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน จงลุกจากเตียง แต่งตัว และปรากฏตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย...

get up, dress up and show up.

6. สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง

7. ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้ อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย

8. เชื่อเถอะว่าส่วนลึกๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...

ดังนั้น ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?

และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด

ส่งบทความนี้ต่อไปให้คนที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น