การประชุมพระพุทธศาสนานานาชาติครั้งที่ 6 เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2552 ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยมีประมุขสงฆ์ ผู้นำชาวพุทธ นักปราชญ์ และชาวพุทธนานาชาติจาก 71 ประเทศและภูมิภาค เข้าร่วมประชุม รวมทั้งสิ้น 2,500 รูป/คน
พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและประธานกรรมการดำเนินการจัดประชุมชาวพุทธนานาชาติ ได้กล่าวถึงการจัดประชุมในครั้งนี้ว่า ถือเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขวิกฤตการณ์ของโลกใน 3 ด้าน คือด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ และด้านการเมืองและสันติภาพ โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ของกันและกันในมิติด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การเมือง และการพัฒนาสันติภาพยั่งยืน โดยหัวข้อการประชุมใหญ่คือเรื่อง “พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ของโลก”
โดยในวันสุดท้ายของการประชุม อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลง หรือ ปฏิญญากรุงเทพฯ 2552 รวม 9 ข้อ ได้แก่
1. รับรู้ถึงผลกระทบของวิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม และสังคม ที่มีสาเหตุมาจากความไร้ศีลธรรมภายในจิตใจของมนุษย์ จึงต้องเพิ่มความพยายามมากยิ่งขึ้นในการส่งเสริมศีลธรรมภายในจิตใจ ซึ่งจะช่วยแก้วิกฤตการณ์ของโลกปัจจุบันได้
2. สนับสนุนให้มีระบบการเงิน และเศรษฐกิจที่โปร่งใสและเอื้ออาทรต่อกัน มีความ รับผิดชอบต่อสังคม อย่างเร่งด่วน ด้วยการปลูกฝังคุณธรรมที่สำคัญ เช่น ความซื่อสัตย์ ความเพียร ความไม่เบียดเบียน และการสงเคราะห์ เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืน
3. สนับสนุนให้ใช้หลักธรรมาภิบาล และธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมด้านจริยธรรมและด้านสังคม เพื่อยุติความขัดแย้งกัน พัฒนาสันติภาพ และความสามัคคีในสังคม
4. ตระหนักถึงผลกระทบที่พฤติกรรมของมนุษย์มีต่อโลก และความจำเป็นที่จะต้องปกป้องโลก รวมทั้งส่งเสริมให้ตระหนักรู้ถึงหลักอิทัปปัจจยตาในพระพุทธศาสนา ให้อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสันติ
5. ส่งเสริมความเข้าใจเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ในหมู่สาธารณชนให้ดียิ่งขึ้น โดยจะจัดทำพระไตรปิฎกฉบับสากล ซึ่งเรียบเรียงจากคำสอนในพระไตรปิฎกของฝ่ายเถรวาท มหายาน และวัชรยาน รวมทั้งหลักคำสอนที่เหมาะต่อมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน แจกจ่ายไปยังโรงแรมทั่วโลก
6. พัฒนาสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนบุคลากร การแลกเปลี่ยนนิสิตนักศึกษา และการตั้งกองทุนร่วมกัน
7. ริเริ่มแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในสมาคมมหาวิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ ตั้งโครงการร่วมมือพัฒนาบัญชีรวมตำราด้านพระพุทธศาสนาครั้งที่ 1 ซึ่งจะนำเอาแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมหาศาลเท่าที่มีอยู่มารวมไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะจากภาษาที่ใช้บันทึกพระไตรปิฎกฉบับต่างๆ (ภาษาบาลี สันสกฤต จีน ทิเบต มองโกเลีย) เพื่อให้ใช้งานร่วมกันได้
8. รับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก ซึ่งเคยใช้ชื่อว่า “คณะกรรมการจัดงานนานาชาติ”
9. เห็นชอบให้ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร เป็นที่จัดประชุมวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2553 และให้ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วมกัน
ทั้งนี้ พระธรรมโกศาจารย์ เปิดเผยว่าผู้นำชาวพุทธและนักปราชญ์ต่างมีความเห็นตรง กันว่าปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเกิดจากระบบทุนนิยม ที่มุ่งสอนให้คนเห็นแก่ตัว ขาดจริยธรรม มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และหลักขันติธรรมและอริยสัจ 4 จะเป็นหนทางแก้ไขปัญหาวิกฤตโลก
“ที่มีทุกข์คือปัญหากันอยู่แล้ว ปัญหาต่างๆ เกิดจากความโลภ โกรธ หลง มากเกินไป ต้องเตือนไม่ให้หลงใหลระบบทุนนิยมและบริโภคนิยมซึ่งส่งเสริมให้เกิดความโลภ การยึดติดกับอำนาจและพวกพ้องตนเอง ให้เดินสายกลาง เป้าหมายถึงนิโรธ การสร้างสังคมให้เป็นสุข โดยคำนึงว่า ไม่มีใครอยู่ได้ตามลำพังตนเอง ต้องอิงอาศัยกันและกัน แนวทางพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือทำให้คนเห็นแก่ตัวน้อยลง ให้หมั่นเจริญกรรมฐานฝึกจิต ซึ่งเป็นมรรควิธี และพยายามคิดถึงผู้อื่นให้มากยิ่งขึ้น” พระธรรมโกศาจารย์กล่าว
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 103 มิ.ย. 52 โดยกองบรรณาธิการ)
พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและประธานกรรมการดำเนินการจัดประชุมชาวพุทธนานาชาติ ได้กล่าวถึงการจัดประชุมในครั้งนี้ว่า ถือเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขวิกฤตการณ์ของโลกใน 3 ด้าน คือด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ และด้านการเมืองและสันติภาพ โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ของกันและกันในมิติด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การเมือง และการพัฒนาสันติภาพยั่งยืน โดยหัวข้อการประชุมใหญ่คือเรื่อง “พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ของโลก”
โดยในวันสุดท้ายของการประชุม อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลง หรือ ปฏิญญากรุงเทพฯ 2552 รวม 9 ข้อ ได้แก่
1. รับรู้ถึงผลกระทบของวิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม และสังคม ที่มีสาเหตุมาจากความไร้ศีลธรรมภายในจิตใจของมนุษย์ จึงต้องเพิ่มความพยายามมากยิ่งขึ้นในการส่งเสริมศีลธรรมภายในจิตใจ ซึ่งจะช่วยแก้วิกฤตการณ์ของโลกปัจจุบันได้
2. สนับสนุนให้มีระบบการเงิน และเศรษฐกิจที่โปร่งใสและเอื้ออาทรต่อกัน มีความ รับผิดชอบต่อสังคม อย่างเร่งด่วน ด้วยการปลูกฝังคุณธรรมที่สำคัญ เช่น ความซื่อสัตย์ ความเพียร ความไม่เบียดเบียน และการสงเคราะห์ เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืน
3. สนับสนุนให้ใช้หลักธรรมาภิบาล และธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมด้านจริยธรรมและด้านสังคม เพื่อยุติความขัดแย้งกัน พัฒนาสันติภาพ และความสามัคคีในสังคม
4. ตระหนักถึงผลกระทบที่พฤติกรรมของมนุษย์มีต่อโลก และความจำเป็นที่จะต้องปกป้องโลก รวมทั้งส่งเสริมให้ตระหนักรู้ถึงหลักอิทัปปัจจยตาในพระพุทธศาสนา ให้อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสันติ
5. ส่งเสริมความเข้าใจเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ในหมู่สาธารณชนให้ดียิ่งขึ้น โดยจะจัดทำพระไตรปิฎกฉบับสากล ซึ่งเรียบเรียงจากคำสอนในพระไตรปิฎกของฝ่ายเถรวาท มหายาน และวัชรยาน รวมทั้งหลักคำสอนที่เหมาะต่อมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน แจกจ่ายไปยังโรงแรมทั่วโลก
6. พัฒนาสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนบุคลากร การแลกเปลี่ยนนิสิตนักศึกษา และการตั้งกองทุนร่วมกัน
7. ริเริ่มแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในสมาคมมหาวิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ ตั้งโครงการร่วมมือพัฒนาบัญชีรวมตำราด้านพระพุทธศาสนาครั้งที่ 1 ซึ่งจะนำเอาแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมหาศาลเท่าที่มีอยู่มารวมไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะจากภาษาที่ใช้บันทึกพระไตรปิฎกฉบับต่างๆ (ภาษาบาลี สันสกฤต จีน ทิเบต มองโกเลีย) เพื่อให้ใช้งานร่วมกันได้
8. รับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก ซึ่งเคยใช้ชื่อว่า “คณะกรรมการจัดงานนานาชาติ”
9. เห็นชอบให้ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร เป็นที่จัดประชุมวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2553 และให้ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วมกัน
ทั้งนี้ พระธรรมโกศาจารย์ เปิดเผยว่าผู้นำชาวพุทธและนักปราชญ์ต่างมีความเห็นตรง กันว่าปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเกิดจากระบบทุนนิยม ที่มุ่งสอนให้คนเห็นแก่ตัว ขาดจริยธรรม มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และหลักขันติธรรมและอริยสัจ 4 จะเป็นหนทางแก้ไขปัญหาวิกฤตโลก
“ที่มีทุกข์คือปัญหากันอยู่แล้ว ปัญหาต่างๆ เกิดจากความโลภ โกรธ หลง มากเกินไป ต้องเตือนไม่ให้หลงใหลระบบทุนนิยมและบริโภคนิยมซึ่งส่งเสริมให้เกิดความโลภ การยึดติดกับอำนาจและพวกพ้องตนเอง ให้เดินสายกลาง เป้าหมายถึงนิโรธ การสร้างสังคมให้เป็นสุข โดยคำนึงว่า ไม่มีใครอยู่ได้ตามลำพังตนเอง ต้องอิงอาศัยกันและกัน แนวทางพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือทำให้คนเห็นแก่ตัวน้อยลง ให้หมั่นเจริญกรรมฐานฝึกจิต ซึ่งเป็นมรรควิธี และพยายามคิดถึงผู้อื่นให้มากยิ่งขึ้น” พระธรรมโกศาจารย์กล่าว
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 103 มิ.ย. 52 โดยกองบรรณาธิการ)