xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา - วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภรรยาใจแคบ จะแก้ไขอย่างไร

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพ กระผมมีปัญหาอยากขอปรึกษาหลวงปู่เกี่ยวกับเรื่องในครอบครัว คือว่ากระผมกับภรรยาแต่งงานกันมาได้ 5 ปีเศษแล้ว ภรรยากระผมเป็นคนใจดีและเป็นคนใจกว้างกับคนทั่วๆไป ซึ่งคนแถวบ้านก็ชอบเธอทั้งนั้น แต่ทำไม เธอกลับเป็นคนใจคับแคบกับ ที่บ้านของตัวเอง ทั้งตัวของกระผมซึ่งเป็นสามี และญาติของกระผม เพราะผมสังเกต ว่าทุกครั้งที่ญาติพี่น้องของกระผมมาหาที่บ้าน ภรรยากระผมมักจะแสดงออกด้วยท่าทีเฉยเมย บางครั้งก็แสดง ออกด้วยคำพูดให้เห็นว่าไม่อยากต้อนรับ ผมรู้สึกไม่สบายใจมาก เพราะทางญาติพี่น้องของกระผมก็ถามเรื่อยว่า ภรรยาผมไม่ชอบพวกเขาเพราะอะไร ผมก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เพราะแม้กระทั่งกับผมบางทีเขาก็เป็น ผมควรจะทำอย่างไรดีครับที่จะแก้ไขความใจ แคบของภรรยาที่มีต่อญาติของกระผม อ้อ..เรายังไม่มีลูกด้วยกันครับ อายุเราสองคนไล่เลี่ยกันคือผมอายุ 35 ปี ส่วนภรรยาอายุ 33 ปี ขอบคุณมากครับหลวงปู่ .................................................................................ชัยพล
วิสัชนา : ฉันคิดว่าภรรยาคุณคงจะได้รับอะไรที่เป็นลบต่อคุณและญาติของคุณมาเก่าก่อน จนทำให้รู้สึกว่ารับไม่ได้ และจดจำเอาไว้ จนกลายเป็นความรู้สึกในใจ ทางที่ดีคุณควรจะหาโอกาสพูดคุยไถ่ถามกับภรรยาตรงๆว่า ญาติคุณไปทำอะไรให้เธอไม่สบายใจแต่อดีตหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องขออภัยด้วย แต่ถ้าเธอยังเกลียดอยู่อย่างนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร แล้วเธอก็ไม่สามารถจะช่วยฉันได้ สุดท้ายก็จะกลายเป็นบาปติดตัวไป พูดอย่างนี้ให้ภรรยาเขาเข้าใจ และต้องพูดเพื่อที่อยากจะแก้ไข ไม่ใช่พูดเพื่อตำหนิติเตียนว่าเขา เพราะถ้าพูดด้วยเจตนาที่อยากจะแก้ไข ฉันคิดว่าทุกอย่างมันคงจะผ่อนคลาย และทำให้เกิดความเข้าใจกันในหมู่ของครอบครัวได้

กลุ้มใจ หมอดูทักมีอุบัติเหตุ

ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่ดิฉันต้องเขียนมาเรียนถามครั้งนี้ มิใช่ปัญหาของตัวเอง แต่เป็นปัญหาของน้องที่ทำงานคนหนึ่ง เขามาปรึกษาดิฉัน แต่ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาอย่างไร คือน้องคนนี้ไปดูหมอมา และถูกหมอดูทักว่ากำลังมีเคราะห์ อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ แล้วหมอดูก็บอกว่าห้ามขับรถในระยะนี้ น้องเขาเลยไม่ค่อยสบายใจ ทำอะไรก็ดูเป็นกังวลไปหมด พอดิฉันจะไปทำสังฆทาน เขาก็ฝากเงินไปทำด้วย ไม่ทราบว่าการทำแบบนี้จะะช่วยบรรเทาเรื่องเคราะห์ที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ หรือหลวงปู่มีวิธีไหนที่จะช่วยได้ บ้าง เพราะน้องคนนี้เขาร้อนใจและเป็นทุกข์มาก และต้องการวิธีแก้ไขโดยด่วน ขอขอบพระคุณหลวงปู่มาล่วงหน้าค่ะ.......................................................นุจรินทร์
วิสัชนา : ชีวิตนี้เป็นของเรา ทำไมถึงชอบเอาชีวิตไปผูกไว้บนฟองน้ำลายที่กระดกบนปลายลิ้นชาวบ้าน ปล่อยให้ชาวบ้านเขาดลบันดาลและชักจูง คุณไปบอกเขาว่า ชีวิต ถ้าเป็นของเขา เขาต้องคอนโทรลและควบคุมมันได้ ขณะเดียวกันก็ต้องบอกกับเขาว่าอุบัติเหตุใดๆก็ตาม ถ้าเราใช้ความระมัดระวังมันจะไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะฉะนั้นต้องฝึกที่จะมีสติป้องกันตัวเอง
เลิกซะทีเถอะชีวิตที่ผูกไว้กับหมอดูหมอเดาทั้งหลาย เพราะหมอดูเที่ยวดูแต่คนอื่น ตัวเองจะตายเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เลย มันจะกลายเป็นว่า ถ้าเขาดูเราดี เราสบาย ใจ ถ้าดูอัปรีย์ก็ทุกข์ใจ รวมแล้วสุขกับทุกข์มันเกิดจากริมฝีปากชาวบ้าน ไม่ใช่เกิดจากตัวเองอย่างนั้นหรือ เราไม่ดูถูกตัวเราเกินไปหรือ เขาดูให้ดีเราก็สุขใจ ดูไม่ดีเราก็ทุกข์ใจ แสดงว่าดีกับไม่ดีคนอื่นทำให้เราหรือ ไม่ใช่เราทำเองหรอกหรือ แสดงว่าน้องคุณไม่มีสมองไม่มีแขนขาที่จะคิดเองทำเองอย่างนั้นหรือ ถึงต้องให้คนอื่นมาบอก เพราะนี่มันเป็นเรื่องของคนที่อ่อนแอเท่านั้น


ลูกชายแอบเอาบ้านไปจำนอง

ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่เจ้าค่ะ ดิฉันมีเรื่องขอถามเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจ คืออย่างนี้ค่ะ ดิฉันอายุ 60 ปีเศษแล้ว เพิ่งเกษียณมาไม่นาน ดิฉันหย่ากับสามีมานานแล้ว มีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง ลูกชายอยู่กับดิฉัน ดิฉันเลี้ยงมาแบบตามใจ เพราะรักมาก จนทำให้เขาทำอะไรโดยไม่คิด ตอนนี้เขาอายุประมาณ 30 เศษ ค่อนข้างเกเร ไม่ชอบทำงานทำการ ทำอะไรก็ทำได้ไม่นาน และใช้เงินเปลือง จนดิฉันแทบไม่มีจะให้แล้ว เพราะเงินบำนาญก็น้อยนิด ตอนหลังดิฉันมารู้ว่าลูกชายเอาบ้านไปจำนองกับธนาคาร เพราะบ้านหลังนี้ดิฉันโอนให้เขาแล้ว ดิฉันไม่ทราบว่าเขาเอาเงินไปทำอะไร ถามก็ไม่ยอมบอก ดิฉันกลุ้มใจมาก ไม่รู้ว่าจะคิดจะทำอย่างไร ไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเวรกรรมของดิฉันหรือ ไม่เจ้าคะ.........................................................................โสภาพรรณ
วิสัชนา : คงเป็นกรรมใหม่มั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่คุณจะอยู่เป็นสุขในขณะที่บ้านโดนเอาไป จำนองคือ จงคิดว่า ตอนเราออก จากท้องแม่ ก็ไม่มีบ้านมาด้วย คิดว่าบ้านหลังนี้มาอาศัยอยู่เพื่อจะทำดีเท่านั้น และก็แค่อาศัยนอนรอวันตาย ไม่ใช่เป็นของเรา แต่ถ้าไปคิดว่าบ้านเป็นของเรา ทำไมต้องมา โดนอย่างนี้ ถ้าคิดอย่างนี้มันจะเป็นทุกข์มาก เพราะไหนๆคุณก็แก้ไขมันไม่ได้แล้ว ไม่มีกำลังพอที่จะหาเงินไปไถ่ถอน มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็ต้องกลับมาทำใจเรา ปลอบตัวเองว่า นี่ไม่ใช่ของเรานะ มันเป็นสิ่งที่เรามาอาศัยอยู่ไปวันๆ ในที่สุดพอเราตายเราก็ไม่ได้อาศัยบ้านหลังนี้ หรือบ้านหลังนี้ที่เรารักมันก็ไม่ได้ตามเราไปภพหน้าอยู่ดี ถ้าคิดแบบนี้เสียบ้างมันก็จะทำให้เราผ่อนคลาย ทำให้ใจเราวางได้มากขึ้น แล้วทำในปัจจุบันธรรมให้ดีที่สุด นั่นคือขวนขวายทำบุญกุศล รักษาศีล เจริญภาวนา แผ่เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว แล้วเพียรพยามทำสิ่งดีงามให้แก่ชีวิตตนเองมากๆ แล้วคุณจะสบายใจมากขึ้น

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 99 ก.พ. 52 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
กำลังโหลดความคิดเห็น