xs
xsm
sm
md
lg

อาหารเป็นยา : ‘พริกไทย’ ราชาแห่งเครื่องเทศ ช่วยรักษา ‘อัลไซเมอร์’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อาหารเป็นยาฉบับนี้ มีกันอยู่ทุกครัวเรือนเลยละค่ะ ก็ ‘พริกไทย’ ไงล่ะคะ พริกไทยเม็ดเล็กๆนี่แหละค่ะ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์มากมาย ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน (11.3 %) แป้ง (50%) แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอาซิน วิตามินซี และมีน้ำมันหอมระเหยที่มีสีเหลือง ราว 1-2% เช่น โมโนเทอร์ปีน (mono-terpene) และเซสควเทอร์ปีน (ses quiterpene) ไพนีน (pinene) โอลีโอเรซิน (oleoresin) 12-14% ประกอบด้วยสารที่ทำให้มีกลิ่นฉุนเย็นเป็นอัลคาลอยด์ คือ ไพเพอรีน(piperine) สารที่ให้รสเผ็ด คือ คาวิซีน (chavicine) ประมาณ 1% และสารพวกฟีนอลิกส์ (Phenolics)
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับพริกไทยกันสักหน่อย (ถึงจะกินทุกวัน แต่ก็ยังไม่ค่อยรู้จัก) พริกไทยมีรสชาติ เผ็ดร้อน กลิ่นหอมฉุน เป็นตัวชูรส ช่วย เจริญอาหารจึงจัดเป็นเครื่องเทศยอดนิยมของชนเกือบทุกชาติ เพราะเต็มไป ด้วยประโยชน์มากมาย จนได้ชื่อว่าเป็น ‘ราชาแห่งเครื่องเทศ’(King of Spices) ที่ผู้คนใช้กันมานับพันๆปี เป็นพืชพื้นเมืองของอินเดีย เพราะมีแหล่งกำเนิดอยู่ แถวชายฝั่งมะละบาร์ ทางตะวันออก เฉียงใต้ของอินเดีย ซึ่งปัจจุบันอินเดียเป็นผู้ผลิตและส่งออกพริกไทยรายใหญ่ ของโลก
พริกไทยมี 3 ชนิด คือ พริกไทยดำ (Black Pepper) พริกไทยขาวหรือเรียกว่าพริกไทยล่อน(White Pepper) และพริกไทยอ่อนหรือพริกไทยสด (Green Pepper) ทั้ง 3 ชนิดนี้ก็มาจาก ต้นเดียวกันค่ะ พริกไทยดำมาจากผลพริกไทยที่โตเต็มที่มีสีเขียวเข้มจัด นำมาตากแดดให้แห้งจนเป็นสีดำ ส่วนพริกไทยขาวนั้น มาจากผลสุกที่แก่จัดจนเป็นสีแดงมาแช่น้ำ นำมาลอกเปลือก ออก แล้วจากแดดให้แห้ง ก็จะได้ผล สีขาว ส่วนพริกไทยอ่อนก็คือผลของพริกไทยที่ยังโตไม่เต็มที่นั่นเอง
คราวนี้มาดูกันว่าความมหัศจรรย์ทางยาของราชาเครื่องเทศ มีมากน้อย แค่ไหน
ในตำรายาไทยกล่าวว่า
-รากพริกไทย มีรสร้อน แก้ปวดท้อง แก้ลมวิงเวียน ขับลมในลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร
-เถาพริกไทย รสร้อน แก้ท้องร่วงอย่างแรง แก้เสมหะในทรวงอก
-ใบพริกไทย รสเผ็ดร้อน แก้ลม แก้จุกเสียก แน่น ปวดมวนท้อง
-ดอกพริกไทย รสเผ็ดร้อน แก้ตาแดง
-เมล็ดพริกไทย รสเผ็ดร้อน แก้ลม อัมพฤกษ์ บำรุงธาตุ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้เสมหะ แก้ตกขาว
ส่วนทางแพทย์แผนปัจจุบัน พบว่าพริกไทยช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำลายและน้ำย่อย ช่วยขับลมในกระเพาะ อาหาร กระตุ้นให้กล้ามเนื้อในกระเพาะ และลำไส้เคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้อาหารถูกย่อยง่าย
เมื่อนำพริกไทยมากลั่นด้วยไอน้ำ จะได้น้ำมันหอมระเหย เรียกว่า ‘น้ำมันพริกไทย’ โดยพริกไทยดำจะมีปริมาณ น้ำมันหอมระเหยสูงกว่าและมีกลิ่นฉุนกว่าพริกไทยขาว ในทางเภสัชกรรม พบว่าพริกไทยมีน้ำมันหอมระเหยประมาณ 1-3% โอลีโอเรซิน (Oleoresin) 12-14% ซึ่งประกอบด้วยสารสำคัญที่ทำให้มีกลิ่นฉุนและรสร้อนคือ ไพเพอรีน (Pi- perine) ซึ่งมีการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า พริกไทยช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยจับสาร ก่อมะเร็งในอาหาร และช่วย ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์บางชนิด และอาจจะเป็นด้วยเหตุนี้ที่คนโบราณ ใช้พริกไทยผงเป็นสารถนอมอาหารไม่ให้บูดเน่า
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ไพเพอรีนสามารถใช้แก้ลมบ้าหมู (Antiepileptic)ได้ และเมื่อเตรียมอนุพันธ์ของไพเพอรีน คือ Antie- pilepsinine พบว่าสามารถแก้อาการชัก ได้ผลดีกว่า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า รวมทั้งน้ำมันหอมระเหยในพริกไทย นี้ยังช่วยแก้หวัดได้ โดยได้ถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของน้ำมันที่ใช้สูดดมอีก ด้วย และการดมน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากพริกไทยนี้ยังสามารถลดความอยากสูบบุหรี่ และอาการหงุดหงิดได้เป็นอย่างดี
ล่าสุด คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้นำพริกไทยดำมาสกัด เพื่อใช้รักษาภาวะความจำบกพร่อง โดยพบว่าสารไพเพอรีนในพริกไทยดำมีคุณสมบัติช่วยทำให้สมองส่วนที่บกพร่องสามารถกู้กลับคืนมาได้
ส่วนพริกไทยอ่อนให้แคลเซียมในปริมาณสูงมาก รองลงมาก็มีทั้งฟอสฟอรัส วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยป้องกันมะเร็ง
ชาวจีนใช้พริกไทยเพื่อระงับอาการปวดท้อง แก้ไข้มาลาเรีย แก้อหิวาตกโรค และเพราะเหตุที่เปลือกของพริกไทยมีน้ำย่อยสำหรับย่อยไขมัน ตำราโบราณจึงเชื่อกันว่าพริกไทยสามารถลด ความอ้วนได้
แม้ว่าพริกไทยจะมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากเพียงใด แต่การกินพริกไทยจำนวนมากเกินไป ย่อม เกิดผลเสียข้างเคียงขึ้นมาได้เหมือนกันค่ะ เพราะนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ออกมาเตือนว่าการกินพริกไทยดำครั้งละมากๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เพื่อเสริมความงาม ทำให้ผิวพรรณผ่องใส แถมช่วยลดความอ้วนตามที่มีการโฆษณากันนั้น ต้องระวังให้มากค่ะ เพราะอาจจะได้รับ สารอัลคาลอยด์สะสม เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งขึ้นมาได้เหมือนกัน ทางที่ดีควรจะบริโภคแต่น้อย เพราะร่างกายสามารถ ขับออกมาได้
อากาศหนาวๆอย่างนี้ กินพริกไทยสักหน่อย ก็จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้ค่ะ

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 97 ธ.ค. 51 โดยป้าบัว)
กำลังโหลดความคิดเห็น