Juno โจ๋ป่องใจเกินร้อย
คุณจะทำอย่างไร ถ้าอยู่ๆ ได้รู้ว่า ลูกสาววัย 16 ปี ท้อง!!
ตกใจ เสียใจ สงสารลูก หรือ โกรธ ผิดหวัง หัวใจสลาย อับอาย รับไม่ได้เด็ดขาด...
คุณจะคิดอย่างไร ถ้าบังเอิญได้ยินว่าเด็กหญิงวัยมัธยมคนหนึ่งท้องกับเพื่อนร่วมโรงเรียน!!
สงสารพ่อแม่ เวทนาเด็ก ปลงสังเวช หรือสมน้ำหน้า เด็กใจแตก พ่อแม่เลี้ยงอย่างไรกันนะ เด็กมีปัญหาชัดๆ...
และลองคิดว่า คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณเป็นเด็กหญิงคนนั้นเสียเอง!
Juno เป็นชื่อของหนังฟอร์มเล็กๆ ที่อาจหาญเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี2007 และก็คว้ารางวัลออสการ์บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมมาครอง พร้อมกับรางวัลอื่นๆ อีกมาก มายจากเวทีทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดีเด่น นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมทั้งสิ้นกว่า 30 รางวัล เป็นหนังม้ามืดที่ชนะใจนักวิจารณ์ทุกคนที่ได้ชม และทำรายได้อย่างถล่มทลาย
แต่เป็นหนังที่เกือบถูกแบน ไม่ให้ฉายใน เมืองไทย สาเหตุเพราะเนื้อหาล่อแหลม ว่าด้วยเรื่องวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน จึงได้รับการต่อต้านจากกลุ่มองค์กรที่เกรง ว่าจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกและเพิ่มปริมาณปัญหาวัยรุ่นให้กับสังคมไทย!
โชคยังดีที่คณะกรรมการผู้เกี่ยวข้องพิจารณาเห็นว่า ท่ามกลางความเสี่ยงต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ การเปิดโอกาสให้วัยรุ่นไทยและผู้ใหญ่ที่มีลูกหลานได้เรียนรู้แง่มุมที่เฉียบคมของหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะหากมอง ตามความเป็นจริง จะพบว่า ละครทีวีบ้านเรา มีทั้งฉากตบจูบ ข่มขืน กักขัง ทรมาน ตบตี ฯลฯ ซึ่งล่อแหลมและรุนแรงต่อจริยธรรมมากกว่าหลายเท่า แถมทั้งเด็กและผู้ใหญ่เราก็ติดกันอย่างงอมแงมเสียด้วย!
หนังเรื่อง Juno ในชื่อเรื่องภาษาไทยว่า ‘โจ๋ป่อง ใจเกินร้อย’ จึงแหวกคมกรรไกรเซ็นเซอร์เข้ามาฉายในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ให้ผู้ชมได้ฮือฮากับชีวิตของเด็กหญิงที่ก้าวข้ามสู่ความ เป็นผู้ใหญ่ในเวลาเพียง 9 เดือน
เรื่องราวเกิดขึ้นในบ่ายอันน่าเบื่อ เมื่อจูโน่ แม็คกัฟฟ์ สาวมัธยมสุดซ่าก๋ากั่นวัย 16 ปี เกิดอยากทดลองมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อน ร่วมโรงเรียน พอลลี่ บลีกเกอร์ หนุ่มน้อยนักวิ่งที่ดูซื่อ(บื้อ)เล็กน้อยในความคิดของสาวโจ๋ รักไม่รักไม่รู้ จูโน่คิดแค่จะแก้เบื่อ ผนวกกับความอยากรู้อยากเห็นตามวัย และเหตุผลที่ว่า ไม่เห็นแปลกอะไร ใครๆ เขาก็ทำกันจนแทบจะเป็นเรื่องปกติของสังคมวัยรุ่นอเมริกันไปแล้ว
แต่อยู่ๆ ฟ้าก็ผ่าใส่สาวน้อยจูโน่ดังเปรี้ยง เมื่อเธอพบว่าตัวเองท้อง!!
ถึงแม้การมีเซ็กส์ของเด็กวัยรุ่นอเมริกัน จะเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ได้รวมถึงเรื่อง ท้อง นอกจากจะถูกพ่อแม่ “เอาตายแน่ๆ” แล้วยังต้องกลายเป็นตัวตลกของเพื่อนๆ ให้ถูก “เม้าท์” ไปทั่วโรงเรียน
จูโน่เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ติดเพื่อน เธอปรึกษา ลีอาห์ เพื่อนสนิทที่ซ่าพอกัน และเลือกแก้ปัญหา ที่ “ใครๆ เขาก็ทำกัน” อีกเช่นเคย นั่นคือ เดินเข้าคลินิกนิรนามเพื่อทำแท้ง
แต่ท่ามกลางความซ่า แก่แดด และปากจัดจนน่าหมั่นไส้ จูโน่เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่กล้ายอมรับกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกต้อง และเธอต้องรับผิดชอบความผิดพลาดของตนเอง จูโน่จึงเปลี่ยนความกล้าที่จะขึ้นขาหยั่ง เป็นความกล้าเดินไปพูดต่อหน้าพ่อและแม่เลี้ยงว่า “หนูท้อง”
จูโน่ตั้งใจจะยกลูกหลังคลอดให้กับคู่สามีภรรยาที่มีลูกไม่ได้และต้องการบุตรบุญธรรม มาร์ค และวาเนสซ่า ลอริ่ง เป็นคู่ที่สุดแสนเพอร์เฟคในสายตาของสาวน้อยวัย 16 นั่นคือ มีบ้านหรูหราหลังใหญ่ ภรรยาเป็นสาวสวยอ่อนหวานใจดี ฝ่ายสามี เป็นหนุ่มสุดเท่ นักแต่งเพลงโฆษณา และเป็นนักสะสมกีตาร์รุ่นเจ๋งๆ ที่สาวโจ๋เห็นแล้วแทบกระโดดเข้าใส่
หลังจากตัดสินใจเผชิญปัญหาและพร้อมรับมือโดยมีพ่อและแม่เลี้ยงที่แม้จะตกตะลึงในตอนแรก แต่เมื่อตั้งหลักได้ก็กลายมาเป็นกองหนุนอย่างสุดใจ จูโน่ก็ค่อยๆ เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า หลายสิ่งหลาย อย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ชีวิตไม่ใช่แค่ตัดสินใจว่าจะทำ “อะไร” แต่ต้องคิดต่อว่า “ทำอย่างไร” อีกด้วย คนที่เธอคิดว่า “ใช่” กลายเป็น “ไม่ใช่” และการหอบกระเป๋าอุ้มท้องไปโรงเรียนทุกๆ วันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีก เช่นกัน แต่เธอก็ผ่านมันไปได้ด้วยกำลังใจจากครอบครัว
ในขณะที่ท้องของจูโน่โตขึ้นเรื่อยๆ ความคิดของเธอก็เติบโตขึ้นเช่นกัน
แต่ละก้าวของการเผชิญปัญหา จูโน่พาเราไปค้นพบพร้อมกับเธอว่า “ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ” ในความหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และ “ความพร้อม” ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน เด็กอาจโตเป็นผู้ใหญ่ ในเวลาไม่กี่เดือน แต่ผู้ใหญ่บางคนอาจยังเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปตลอดชีวิต
จูโน่จะแก้ปัญหาสำเร็จหรือไม่ เธอจะตัดสินใจยกลูกให้กับใคร อยากให้คุณผู้อ่านได้ดูเอง เพราะการเล่าให้ฟังทั้งหมดจะลดความสนุกในการติดตาม แต่บอกได้ว่า สมแล้วที่ได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเป็นหนังขวัญใจนักวิจารณ์ ทั่วโลก
ถึงแม้ Juno จะหยิบยกประเด็นปัญหาของสังคมขึ้นมาพูด แต่ก็ไม่ได้นำเสนอในรูปแบบที่เคร่งเครียดหรือบีบคั้นอารมณ์ ไม่มีการฟูมฟาย ไม่มีการตัดสินแทนคนดูว่าผิดหรือถูก ตรงกันข้าม หนังดำเนินไปด้วยบรรยากาศเบาๆ ตลกขบขัน ระคนแสบสันต์ ด้วยบทสนทนาเฉียบคมที่ “โดน” ใจวัยรุ่นเต็มๆ แต่ผู้ใหญ่หลายคน อาจต้องสะดุ้งว่า “พูดกันขนาดนี้เชียวหรือ”
ต้องบอกกันเลยว่า คุณลุงคุณป้าขา... ขาโจ๋เขาพูดกันอย่างนี้จริงๆค่ะ ถ้าดูด้วยหัวใจที่เปิดกว้างแล้วจะเข้าใจวัยรุ่นขึ้นอีกเยอะ อาจจะรักวัยรุ่นขึ้นอีกแยะ รวมทั้งยังอาจได้รู้เคล็ดลับว่า ผู้ใหญ่แบบไหนที่ได้ใจวัยรุ่น พ่อแม่แบบไหนที่ “ใช่” และไม่ทำให้เกิดอาการ “วัยรุ่นเซ็ง”
สิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะบอกคือทุกชีวิตมีปัญหา และทุกปัญหามีทางออก ส่วนจะเป็นทางออกที่สวยงามแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการใช้สติและปัญญาของเรา รวมทั้งการเข้าใจและยอมรับจากครอบครัว
หลังจากดูหนังจบ นอกจากความอิ่มอารมณ์และรอยยิ้มที่ยังไม่หุบด้วยความรักเอ็นดูตัวละครแล้ว ยังเกิดคำถามให้ทบทวนว่า ในสถานการณ์อันย่ำแย่ที่เราทุกคนมีโอกาสเผชิญในสภาวะที่แตกต่างกัน เรามีความ “พร้อม” เพียงพอหรือเปล่าที่จะรับมือกับปัญหา และในความพร้อมนั้น บรรจุคำว่า “ความกล้าหาญ” และ “ความรับผิดชอบ” อันเป็นคุณธรรม ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตเอาไว้ด้วยหรือไม่
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 94 ก.ย. 51 โดยพิลาศ)