xs
xsm
sm
md
lg

ดึง‘วัด-มัสยิด’นำลดโลกร้อน กฟผ.แจก 1 ล้านหลอดไฟประหยัดพลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากข้อมูลขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency : IEA) พบว่าการใช้ไฟฟ้าประมาณ 19 % ของการผลิตไฟฟ้า เป็นของอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่าง และเมื่อศึกษาเปรียบเทียบการใช้ไฟฟ้าแสงสว่างของทั่วโลกตั้งแต่ปี 2538 และพยากรณ์ไปจนกระทั่งปี 2573 พบว่า การมีนโยบายส่งเสริมให้เกิดอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างประสิทธิภาพสูง จะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าเพื่อแสงสว่างได้ถึง 38% ประกอบกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่ทำให้มีการเร่งรัดการรณรงค์ประหยัดพลังงานเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว จึงเป็นที่มาของมาตรการ “วัด-มัสยิด..ประหยัดไฟ...รวมใจสมานฉันท์” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 11 มาตรการประหยัดพลังงานเพื่อประชาชน ของกระทรวงพลังงาน

สำหรับในส่วนของวัดนั้น กระทรวงพลังงานมอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ดำเนินการร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) โดยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือในเรื่องดังกล่าว โดยพลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และนางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ลงนาม ร่วมกัน ณ หอประชุมใหญ่ พุทธมณฑล จ.นครปฐม

พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า มาตรการ “วัด-มัสยิด...ประหยัดไฟ...รวมใจสมานฉันท์” เพื่อส่งเสริมให้วัดและมัสยิดเป็นศูนย์กลางของการประหยัดพลังงาน โดยจะเปลี่ยนใช้หลอดประหยัดพลังงานนำร่อง ได้แก่ หลอดตะเกียบเบอร์ 5 และหลอดผอมใหม่ T5 ชนิดละ 500,000 หลอด แก่วัดจำนวน 400 แห่ง และมัสยิดจำนวน 100 แห่ง พร้อมแจกจ่ายเป็นตัวอย่างแก่วัดและมัสยิดต่างๆ ทั่วประเทศ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถประหยัดพลังงานของประเทศประมาณ 70 ล้านหน่วย ต่อปี หรือปีละ 210 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 35,600 ตันต่อปี โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2552

โดยเมื่อปลายเดือนเมษายน ได้มีการเปิดโครงการนำร่องที่วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้ดำเนินการเปลี่ยนหลอดผอมใหม่เบอร์ 5 จำนวน 657 หลอด และหลอด ตะเกียบเบอร์ 5 จำนวน 30 หลอด ซึ่งจะทำให้วัดบ้านไร่สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ปีละ 150,000 บาท

“โครงการนี้กระทรวงพลังงานได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเพื่อจะส่งเสริมให้ประชาชนได้มีตัวอย่างที่ดีโดยอาศัยวัดกับมัสยิดเป็นต้นแบบ เพราะการเริ่มต้นที่วัดหรือมัสยิดจะเป็นการจัดพฤติกรรมการใช้พลังงานของประชาชนได้อย่างดีที่สุด” พลโทหญิงพูนภิรมย์ กล่าว

ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแล พศ. กล่าวว่า มาตรการนี้เป็นมาตรการที่ดีที่จะช่วยลดการใช้พลังงานของประเทศได้อีกทางหนึ่ง และเป็นที่ทราบกันดีว่า วัดและมัสยิดเป็นสถานที่ที่คนจำนวนมากมาพบปะกันเพื่อประกอบศาสนกิจ เพราฉะนั้นถ้ามีโครงการนำร่องที่วัดและมัสยิดก่อนก็จะทำให้ประชาชนที่หลั่งไหล เข้ามาประกอบศาสนกิจได้เห็นตัวอย่างและนำไปปฏิบัติ

“การดำเนินการในโครงการนำร่องประหยัดพลังงานไฟฟ้าให้กับวัดมัสยิดทั้งหลาย เป็นตัวอย่างให้กับประชาชนที่มาประกอบศาสนกิจเห็นถึงความประหยัดพลังงาน อย่างน้อย ที่สุดพระคุณเจ้าซึ่งเป็นตัวแทนของวัดก็จะได้ชี้แจงต่อประชาชนให้เห็นถึงความสำคัญของการประหยัดว่ามีประโยชน์เพียงไร” นายชูศักดิ์กล่าว

ด้านนายสมบัติ สันติการุณ ผู้อำนวยการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่าในฐานะผู้ผลิตและจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้กับประเทศ ได้ดำเนินการทุกวิถีทางที่จะรณรงค์ ให้ประชาชนเกิดจิตสำนึกในคุณค่าของพลังงาน และร่วมมือกันใช้อย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากการผลักดันให้เกิดอุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมานานกว่าสิบปี

สำหรับหลอดประหยัดพลังงานที่จะใช้ดำเนินการในครั้งนี้ ได้แก่ หลอดตะเกียบเบอร์ 5 ที่สามารถประหยัดไฟกว่าหลอดไส้ ร้อยละ 80 และมีอายุการใช้งานมากกว่า 5 เท่า และหลอดผอมใหม่ T5 ขนาด 28 วัตต์ ที่สามารถประหยัดพลังงานสูงกว่าหลอดผอม T8 ขนาด 36 วัตต์ ถึงร้อยละ 30 ผลของการประหยัดไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนมาใช้หลอดประสิทธิภาพสูงนี้ น่าจะเป็นตัวอย่างให้สังคมประจักษ์ และให้ความร่วมมือ ช่วยกันขยาย ผลการใช้ให้กว้างขวางออกไปทั่วทุกทิศ เพื่อประหยัดพลังงานของครัวเรือน ของชาติ และของโลก อันจะส่งผลดีถึงการช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนอีกด้วย

“โครงการนี้ใช้หลอดประหยัดไฟทั้งสิ้นถึง 1 ล้านหลอดสำหรับวัดและมัสยิดทั่วประเทศ สามารถประหยัดไฟได้ประมาณปีละ 200 ล้านบาท และลดคาร์บอนไดออกไซด์ให้แก่โลกได้ประมาณสามหมื่นกว่าตัน ซึ่งมีค่ามากมายมหาศาลเพื่อลดภาวะโลกร้อนที่เป็นกระแสสังคมปัจจุบัน” นายสมบัติ กล่าว

ขณะที่นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการดำเนินการใดๆในอันที่จะช่วยประเทศชาติรณรงค์ให้เกิดความร่วมมือในการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดปัญหาของประเทศ ช่วยให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี สังคมมีความ สงบสุข อันจะส่งผลถึงการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่ประเทศชาติสืบไป

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอาจจะมีการจัดกิจกรรมณรงค์ต่อเนื่อง เช่น ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำบุญ อาทิ ‘ผ้าป่าพลังงาน’ หรือ ‘กฐินเบอร์ห้า’ เป็นต้น

วิธีประหยัดไฟฟ้าแสงสว่างให้ได้ผล
1. ปิดไฟทุกครั้งเมื่อออกจากห้อง
2. เมื่อต้องการเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ ควรใช้หลอดผอมแทนหลอดอ้วน และใช้หลอดตะเกียบประหยัดไฟแทนหลอดไส้
3. ควรใช้หลอดไฟวัตต์ต่ำๆในกรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟในบ้านหรือห้องนอนไว้ทั้งคืน
4. ควรใช้โคมตั้งโต๊ะในจุดที่ต้องการใช้แสง สว่างเฉพาะแห่ง เช่น อ่านหนังสือ เย็บปักถักร้อย
5. ควรทำความสะอาดหลอดไฟและโคมไฟอยู่เสมอ เพราะฝุ่นละอองที่เกาะติดหลอดไฟ ทำให้แสงสว่างลดน้อยลง
6. หลีกเลี่ยงการทาสีผนังและเพดานห้องด้วยสีทึบแสง

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 91 มิ.ย. 51 โดย กองบรรณาธิการ)
กำลังโหลดความคิดเห็น