ตามที่ได้นำเสนอไปเมื่อครั้งก่อนถึงรูปทรงต่างๆของมณฑปแล้วนั้น พบว่ามีความคล้ายคลึงกับรูปแบบของสถาปัตยกรรมประเภทหนึ่งที่เรียกว่า“บุษบก” หากแต่ต่างกันในเรื่องของขนาดและรูปแบบการใช้งานเท่านั้น บุษบกจึงเป็นเสมือนการย่อส่วนเรือนแห่งฐานานุศักดิ์เช่นเดียวกับมณฑปที่น่าสนใจยิ่ง
บุษบก คือ ซุ้มยอด ซึ่งมีหลังคาซ้อนชั้นเป็นยอดแหลม มีบันแถลง (ส่วนที่คล้ายกระจัง) ประดับโดยรอบ ซึ่งความหมายของบันแถลงนี้มีอยู่ว่า เป็นการจำลองอาคารหนึ่งๆ ด้วยการนำส่วนที่เรียกว่าหน้าบันมาซ้อนชั้นกันขึ้นไป โดยมากซ้อนกันสามชั้น หมายความว่า การประดับด้วยบันแถลงนี้ เป็นการจำลองอาคาร สะท้อนความหมายของเรือนฐานานุศักดิ์ หรือเรือนฐานันดรสูงได้เช่นกัน
บุษบกมีด้วยกัน ๒ ขนาด คือ ขนาดเล็ก ใช้ประดิษฐานพระพุทธรูป และขนาดใหญ่ ใช้ในการเสด็จออกว่าราชการของพระเจ้าแผ่นดิน
จากประวัติความเป็นมาและข้อมูลที่พอทำให้ทราบว่า บุษบกขนาดเล็ก ซึ่งใช้ประดิษฐานพระพุทธรูปนั้น ปรากฏชัดเจนในสมัยรัตนโกสินทร์ ที่สำคัญได้แก่ บุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นบุษบก ที่สร้าง ด้วยไม้สลักหุ้มทองคำทั้งองค์ และฝังอัญมณีต่างๆ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้มีการสร้างพระเบญจาสามชั้นหุ้มด้วยทองคำเป็นฐานชุกชี ซึ่งเป็นการหนุนให้องค์บุษบกสูงสง่าขึ้น
บุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธรัตนปฏิมากรนี้ ถือว่าเป็นแบบอย่างของการสร้างบุษบกเพื่อประดิษฐานพระประธานในอุโบสถอย่างมาก ดังจะพบว่าในระยะต่อมา มีการสร้างบุษบกเพื่อประดิษฐานพระประธานในวัดหลวงอีกจำนวนไม่น้อย อาทิ พระพุทธสิหิงคปฏิมากร พระประธานในพระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ วัดประจำรัชกาลที่ ๔ โดยสร้างบุษบกที่มีชั้นซ้อนลดชั้น จำนวน ๔ ชั้น ประดับด้วยนาคปักที่มุมของแต่ละชั้น ผนังของเรือนธาตุประดับกระจกและอัญมณี ซุ้มด้านหน้าทำเป็นซุ้มคดโค้ง ฉลุลายทองทั้งกรอบ มีคันทวยรองรับ เครื่องยอดของบุษบกนี้ มีรูปแบบเช่นเดียวกับเจดีย์ทรงเครื่อง
และดูเหมือนว่าความนิยมในการสร้างบุษบกเพื่อประดิษฐานพระประธานในรัชกาลที่ ๔ ยังมีอยู่อย่างต่อ เนื่อง ดังปรากฏบุษบกที่ประดิษฐานของพระสัมพุทธสิริ พระประธานในพระอุโบสถของวัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ โดยมีรูปแบบของบุษบกเช่นเดียวกับที่วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร แตกต่างกันเพียงผนังด้านหลังที่มีจารึกประดิษฐานไว้เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการสร้างบุษบกที่มีรูปแบบต่างไปจากเดิม คือ มีการสร้างในแผนผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดังบุษบกภายในพระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ รูปแบบของบุษบกทรงนี้ อาจกล่าวได้ว่า มีความ ใกล้เคียงกับพระราชวังอย่างเห็นได้ชัด เป็นการจำลองสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะคล้ายอาคารที่ประทับของกษัตริย์อย่างแท้จริง
ไม่เพียงบุษบกอันเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานในพระอุโบสถ และพระวิหารเท่านั้น ยังมีบุษบกที่สร้างขึ้นนอกพระอุโบสถอีกด้วย ดังเช่น บุษบกที่สร้างไว้ระหว่างประตูด้านหน้าทั้งสองข้างของพระอุโบสถ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ โดยตัวบุษบกนี้จำหลักลายวิจิตรปิดทองประดับกระจก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป นฤมิต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์ รัชกาลที่ ๒ เป็นต้น
ดังจะเห็นได้ว่า การย่อส่วนของเรือนเครื่องสูง จะยังคง ลักษณะร่วมไว้ประการหนึ่ง นั่นคือ การซ้อนชั้นของหลังคา และการประดับด้วยบันแถลง อันมีความหมายของการซ้อนชั้นของอาคารอีกทีหนึ่ง แนวความคิดนี้ได้บ่งบอกว่า คือการยกย่องและเป็นเรือนเครื่องสูงสำหรับผู้สูงศักดิ์ควรค่าแก่การสักการบูชา
เอกสารอ่านประกอบ
กรมศิลปากร. วัดหลวงสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : กรม, ๒๕๔๐.
สมคิด จิระทัศนกุล. รูปแบบพระอุโบสถและพระวิหารในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๗.
............................ วัด : พุทธศาสนสถาปัตยกรรมไทย.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๔.
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 91 มิ.ย. 51 โดย นฤมล สารากรบริรักษ์)