xs
xsm
sm
md
lg

บทความจาก นสพ. ผู้จัดการ

x

สื่อใจสมานสร้างสรรค์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทความเรื่องที่ 38
พลังจากจักระแห่งชีวิต

ด้วยความตั้งใจแบ่งปันความรู้ ความเข้าใจ ด้านสุขภาวะกาย จิต สิ่งแวดล้อม และสังคม ให้ประชาชนรับทราบเท่าที่โอกาส จะอำนวย กลุ่มคนผู้ร่วมกันถักทอความห่วงใยด้วยการแบ่งปัน ทำความดีเพื่อพ่อ จึงได้จัดกิจกรรม ชมรมคนรู้ใจนัดพิเศษ ขึ้น เมื่อวันพุธที่ 30 มกราคม ที่ผ่่านมา โดยเชิญ Mr.Alexander & Carolin Toskar พร้อมด้วย นายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ เลขาธิการ ผู้เป็นกำลังสำคัญในการก่อตั้ง มูลนิธิเพื่อพัฒนาการแพทย์ทางเลือก (ประเทศไทย) มาสาธิตวิธีบำบัดกระดูกสันหลัง เพื่อปรับดุลยภาพชีวิต" พร้อมฝากการบ้านให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมไปพัฒนาพลังในการล้างพิษและบำบัดตนเองกันต่อ โดยใช้ฝ่ามือแห่งความรักสัมผัสจักระทั้ง 7 ของร่างกายเป็นประจำทุกวัน คนที่ทำตามจริงๆ ก็จะเห็นผล หากรู้แต่ไม่ยอมทำก็จะหมดสิทธิ์โวย เมื่อล้มป่วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสแก้ตัวนะคะ คือ ในวันอังคารที่ 25 มีนาคม ศกนี้ พระอาจารย์อารยะวังโส เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์ จังหวัดลำพูน จะมาให้ความรู้เรื่อง พลังบุญ พลังจิต พิชิตโรค ณ ที่เก่าเวลาเดิม คือ 18.30-20.30 น. ณ หอประชุมพุทธคยา ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์พลาซ่า เพลินจิต กรุงเทพฯ ก่อนจะถึงวันนั้น เราควรมาทบทวนกันหน่อยถึงเรื่องจักระทั้ง 7 ในร่างกายของเรา วันจริงที่ฟังพระท่านอธิบายจะได้มีพื้นฐาน เสริมความเข้าใจกับเขาบ้าง

ขอบคุณ คุณคเชนทร์... ผู้ประสานงานชมรมคนรู้ใจ นักค้นคว้าไฟแรง และผู้แต่งหนังสือนิยายเชิงวิทยาศาสตร์ ชื่อ Crisis of the Key ที่ได้คัดย่อข้อมูลบางส่วน สรุปความรู้เกี่ยวกับ จักระสำคัญทั้งเจ็ด และความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับปราณ หรือออรา และระบบกายทิพย์ มาให้เผยแพร่ ดังนี้

*ในศาสตร์ของชาวตะวันออก จะมีการกล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่า ปราณ หรือ ชี่กง ที่ชาวตะวันตกจะเรียกกันว่า ออรา (Aura) มีลักษณะเป็นรัศมีแผ่ออกมาจากสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือพืช

ทางซีกโลกตะวันตก ดร.อเลกซานเดอร์ เกอร์วิช นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียเป็นผู้ค้นพบ ให้ชื่อว่า รังสีไมโตเจนิก (Mitogenic Rays) หรือ ไบโอพลาสมา (Bioplasma)

ออรา เป็นสนามพลังแผ่ตัวไปตามแนวอันชัดเจน ทำงานและเคลื่อนไหวเสมือนหน่วยหนึ่งๆ ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เปลี่ยนสีสันไปตามอารมณ์ ความรู้สึก และสุขภาพ ระบบของปราณหรือออรา โดยสรุปก็คือสิ่งที่เรียกว่า กายทิพย์ หรือแอสตรัลบอดี้ (Astral Body) นั่นเอง

ส่วนจักระทั้ง 7 ในแนวกระดูกสันหลังนั้น ที่ถือว่าเป็นแกนของระบบพลังงานนี้ เป็นศูนย์รวมของพลังงานที่หมุนวนและรักษาสมดุลของระบบที่เกี่ยวข้อง เปรียบไปก็เหมือนกับไดนาโม และหม้อแปลงไฟของระบบกายทิพย์ เป็นแหล่งดูดซับ รับและส่งระหว่างพลังงานภายในกับภายนอก รวมทั้งมีการเรียงตัวในลักษณะเดียวกับคฑาของเฮอร์เมส ที่มีชื่อว่า คาดูเซียส (Caduceus) อีกด้วย

ตามตำราทางโยคะศาสตร์ กล่าวว่าในกระดูกสันหลังของเรานั้นมีท่อพลังอยู่สามเส้น ดังนี้

1. สุษุมนะ (Sushumna-Nadi-นที) เป็นทางเดินหลักของพลัง กุณฑาลินี ระหว่างทางจะมีจักระอื่นๆ ตั้งอยู่เป็นระยะจนไปสุดที่ จักรสหัสราร (Sahasrara Chakra) ตรงกลางกระหม่อมบนศีรษะ

2. อิทะ(Ida-Nadi) ทำหน้าที่ควบคุมด้านจิตใจ

3. ปิงคละ(Pingla-Nadi) ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายใน เส้นที่ 2 และ 3 นี้ จะวิ่งโค้งวนสลับซ้ายขวาขึ้นไปตามแนว ท่อสุษุมนะ โดยในแต่ละจุดตัดของท่อทั้งสามก็คือตำแหน่งของจักระต่างๆ

บุคคลใดสามารถกระตุ้นเปิดจักระได้ครบ และมีความตื่นตัวเต็มประสิทธิภาพ ปฏิกิริยาหนึ่งที่จะปรากฏตามมาก็คือ การหลั่งของน้ำอมฤต (Nectar) ออกมาจากจุดพินทุในสมอง ไหลลง ไปชำระจักระทั้งหมดให้เกิดความบริสุทธิ์ ฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง

จักระสำคัญทั้ง 7 ในร่างกายจะเกี่ยวพันกับต่อมไร้ท่อ เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างกายทิพย์กับกายเนื้อ ประกอบด้วย

1. จักรมูลธาร (Muladhara Chakra) สำหรับผู้ชาย จะตั้งอยู่ ณ รอยฝีเย็บ หรือรอยตะเข็บระหว่างทวารหนักกับลูกอัณฑะ สำหรับเพศหญิง จะอยู่ที่ปากมดลูก จักระนี้มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัวสี่กลีบ มีสีแดง มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศและควบคุมกิจกรรมเกี่ยวกับเพศทุกชนิด ธาตุประจำจักระคือธาตุดิน และมีพลังกุณฑาลินี หรือไฟศักดิ์สิทธิ์ สถิตอยู่ภายใน

2. จักรสวาธิษฐาน (Svadhisthana Chakra) ตั้งอยู่ที่กระดูกสันหลังท่อนสุดท้าย มีลักษณะเป็นติ่งคล้ายหางตรงกระดูกก้นกบ (Cocyx) จักระนี้เกี่ยวข้องกับต่อมหมวกไตในเชิงกายวิภาค สัญลักษณ์ของจักระเป็นดอกบัวหกกลีบ เป็นแหล่งสะสมความรู้สึกนึกคิดทั้งปวงตั้งแต่อดีตชาติ เปรียบไปก็เหมือนสมองที่สอง หรือจิตใต้สำนึกที่กดเก็บสิ่งต่างๆ เอาไว้ทั้งหมดโดยไม่มีการกลั่นกรอง สีของจักระนี้คือสีส้ม ส่วนธาตุของจักระคือธาตุน้ำ

3. จักรมณีปุระ (Manipura Chakra) มีที่ตั้งอยู่ในแนวกระดูกสันหลังบริเวณสะดือพอดี (บางตำราว่าอยู่เหนือขึ้นไปสองนิ้วมือ บางตำราว่าอยู่ต่ำลงมา) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการย่อยอาหาร ระบบการผลิตโลหิต และเป็นแหล่งสะสมปราณ ดังนั้น ธาตุของจักระจึงเป็นธาตุไฟ มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัวสิบกลีบ มีสีเหลือง ในเชิงกายวิภาค จักระที่สามนี้ยังเกี่ยวข้องกับต่อมหมวกไตและตับอ่อน ซึ่งผลิตอะดรีนาลีนกับอินซูลินตามลำดับอีกด้วย โดยธรรมชาตินั้น เมื่อบุคคลอยู่ในภาวะต้องต่อสู้หรือหลบหนี อะดรีนาลีนจะถูกหลั่งออกมาจากต่อมหมวกไต (เป็นการควบคุมจากจิตใต้สำนึก ซึ่งเกี่ยวพันกับจักระที่สองด้วย) เพื่อกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัวขึ้น เตรียมความพร้อมเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตราย ส่วน อินซูลิน มีหน้าที่ เปลี่ยนน้ำตาลเป็นแป้ง และเปลี่ยนกลับจากแป้งไปเป็นน้ำตาล ช่วยสร้างพลังงานที่ปกติร่างกายไม่สามารถกระทำได้

4. จักรอนาหตะ (Anahata Chakra) มีที่ตั้งอยู่ ณ กระดูกสันหลัง ช่วงลิ้นปี่ ธาตุประจำจักระ คือธาตุลม มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต และยังเกี่ยวพันกับต่อมไทมัส ซึ่งทำหน้าที่ในการผลิตภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายอีกด้วย จักระนี้มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับความรัก ความเมตตา จักระนี้มีสัญลักษณ์ เป็นดอกบัวสิบสองกลีบ สีของจักระคือสีเขียว เปรียบเหมือนต้นกัลปพฤกษ์ ซึ่งเมื่อตื่นขึ้นมาจะทำให้สิ่งที่นึกหวังไว้เป็นจริงได้

5. จักรวิสุทธิ (Vishuddhi Chakra) มีที่ตั้งอยู่บริเวณลำคอ ณ กระดูกสันหลังข้อที่ขนานกับหัวไหล่ ทำหน้าที่ควบคุมระบบลมหายใจ และอวัยวะที่เกี่ยวข้อง จักระนี้มีความสัมพันธ์กับต่อม ไทรอยด์ในทางกายวิภาค มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัวสิบหกกลีบ สีของจักระเป็นสีน้ำเงิน

6. จักรอาชณะ (Ajna Chakra) มีตำแหน่งอยู่กลางหน้าผาก ระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง หรือตำแหน่งตาที่สาม สีของจักระคือสีคราม มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัวสองกลีบใหญ่และแยกย่อยเป็นหนึ่งร้อยกลีบ

7. จักรสหัสราร (Sahasrara Chakra) มีที่ตั้งอยู่บริเวณกระหม่อม สีของจักระเป็นสีม่วง มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัวหนึ่งพันกลีบ เมื่อพัฒนาไปในขั้นสูง รัศมีของจักระจะมีลักษณะคล้ายดอกบัวครอบคลุมอยู่รอบศีรษะ จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า จักรมงกุฎ คุณสมบัติของจักระจะทำหน้าที่ควบคุมจิต สติ จิตใต้สำนึก ต่อมไร้ท่อในร่างกาย และระบบของกายทิพย์ทั้งหมด ทั้งยังเป็นดุจกรวยรับพลังงาน และความรู้จากห้วงสมุทรแห่งจักรวาล

อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับจักระที่หกและเจ็ดนี้จะได้แก่ ต่อมไพนีล ต่อมพิทูอิทารี และสมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ในสมองทั้งสิ้น บางตำราจะกล่าวว่าจักระที่หกจะตั้งอยู่ ณ ต่อมไพนีล ส่วนจักระที่เจ็ดจะอยู่ที่ต่อมพิทูอิทารีและไฮโปทาลามัส

ต่อมไพนีล เป็นต่อมหลักที่เชื่อกันว่าทำหน้าที่ควบคุมต่อมอื่นๆ อีกทีหนึ่ง ตัวต่อมจะมีขนาดเพียงครึ่งนิ้ว น้ำหนักเพียง 0.2 กรัม ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมน เช่นเดียวกับต่อมไร้ท่ออื่นๆ แต่ที่สำคัญได้แก่ เมลาโทนิน อันเกี่ยวข้องกับการพักผ่อนและฟื้นฟู ทำหน้าที่เชื่อมโยงกับต่อมไทมัสที่ผลิตภูมิคุ้มกันเป็นพิเศษ และเรียกได้ว่าเป็นการทำงานที่ตรงกันข้ามกับฮอร์โมนอะดรีนาลีนจากต่อมหมวกไตก็ว่าได้

ต่อมพิทูอิทารี มีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว น้ำหนักราวๆ 0.5 กรัม เป็นต่อมหลักอีกต่อมหนึ่งในร่างกาย ทำหน้าที่เป็นสถานีถ่ายทอดฮอร์โมนต่างๆ ไปยังต่อมไร้ท่ออื่นๆ โดยต่อมนี้จะรับข้อมูลมาจากสมองส่วนที่เรียกว่า ไฮโปทาลามัส อีกที โดยอวัยวะของสมองส่วนนี้จะทำหน้าที่ประสานกับระบบประสาทและต่อมต่างๆ รวมทั้งควบคุมปฏิกิริยาของร่างกายที่เกี่ยวพันกับอารมณ์ทั้งหลายอีกด้วย

ดังนั้น ไฮโปทาลามัส นี้จึงน่าจะเรียกได้ว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่สุดส่วนหนึ่งของสมอง และน่าจะเป็นที่ตั้งของจักรสหัสรารมากกว่า

อย่างไรก็ดี หากจะกล่าวในเชิงของธาตุแล้ว จักระทั้งเจ็ดจะมีการเรียงธาตุจากล่างขึ้นบน คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เสียง แสง และศูนย์ ตามลำดับ โดยในจักระที่เจ็ดนี้ จะหมายความได้ทั้งศูนย์กลาง ศูนย์รวม สุญญากาศ สุญญตา(ความว่าง) และ สูรย์ ที่แปลว่า สุริยะ หรือดวงอาทิตย์ ซึ่งสอดคล้องกับการเรียงสีของจักระจากล่างขึ้นบน เช่นกัน

สนใจร่วมกิจกรรม ชมรมคนรู้ใจภาคปกติ ทุกวันอังคาร กับวันพุธ และ ชมรมคนรู้ใจนัดพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 25 เมษายน ศกนี้ เรื่องเทคนิคการใช้สติกับความรู้สึก โดยทันตแพทย์ สม สุจีรา อย่าลืมจองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ ผู้ประสานงานชมรม คนรู้ใจ คุณคเชนทร์ โทร.0-2685-2247

พร้อมขอเชิญตั้งจิตร่วมอนุโมทนาบุญ กับ ห้องหนังสือ เรือนธรรม โดย ขวัญ เพียงหทัย และ โครงการเติมใจให้กัน ทำดีเพื่อพ่อ ที่ได้ร่วมกันมอบหนังสือธรรมะให้ห้องสมุดทั้ง 3 แห่งของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา พุทธมณฑล นครปฐม 795 เล่ม โดยจัดเป็น 3 ชุดชุดละ 53 ปกปกละ 5 เล่ม โดยมอบผ่าน ดร.สายฤดี วรกิจโภคาทร โทร.0-2441-0602-8 ต่อ 1308

และมอบหนังสือธรรมะอีก 2,120 เล่ม ให้ห้องสมุดวัดอีก 8 แห่ง จัดเป็น 8 ชุดชุดละ 53 ปกปกละ 5 เล่ม รวมมอบให้ห้องสมุด มหิดลและวัด 8 แห่ง จำนวน 2,915 เล่ม

ผู้อ่านที่มีหนังสือธรรมะในมือ เชิญร่วมส่งเสริมโครงการเติมใจให้กัน ทำดีเพื่อพ่อ ได้ โดยส่งหนังสือไปตามข้อมูลที่เผยแพร่ ไว้แล้วใน www.dhamaforlife.com ขออนุโมทนาบุญค่ะ
กำลังโหลดความคิดเห็น