xs
xsm
sm
md
lg

‘แสงหนึ่งคือรุ้งงาม’ แรงบันดาลใจของ ‘บอยด์ โกสิยพงศ์’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมโลดี้อันตราตรึง เนื้อร้องที่แฝงความหมายงดงามไว้ในถ้อยความเรียบง่าย ผสานเข้ากับน้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่น ของบทเพลง ‘แสงหนึ่งคือรุ้งงาม’ ได้ส่งผ่านความละเมียดละไมสู่จิตใจผู้ฟังทุกครั้งที่ได้ยิน

ท่ามกลางความโศกเศร้าอาดูรของคนไทยทั้งแผ่นดิน ที่มีต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงพระกรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เพลง ‘แสงหนึ่งคือรุ้งงาม’ ซึ่งแต่งขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๘๔ พรรษา รวมทั้งภาพพระกรณียกิจ พระจริยวัตรอันเรียบง่ายแห่งพระโสทรเชษฐภคินี เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยคลายความโศกาอาดูร ให้เป็นความงดงาม ซาบซึ้งใจ และน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ ซึ่งเป็นเสมือนแรงผลักดันให้พสกนิกรได้ตั้งจิตที่จะดำเนินรอยตามพระองค์ท่าน

ความตั้งใจของทุกคนจึงเปรียบเสมือน ดัง‘แสงหนึ่ง’ ที่ช่วยกันถักทอเป็น ‘รุ้งงาม’

หากสายรุ้งที่เกิดจากการหลอมรวมจิตใจเพื่อทำความดี คือปลายทางที่มุ่งหวัง คงไม่ผิดหากจะกล่าวว่า ‘บอยด์ โกสิยพงศ์’ นักแต่งเพลงมากฝีมือที่ฝากผลงานคุณภาพไว้ให้แก่วงการเพลงบ้านเรามายาวนาน คือผู้หนึ่งที่อยู่อยู่เบื้องหลังลำแสง ที่เปล่งประกายงดงามเหล่านั้น

บอยด์เริ่มต้นเล่าถึงความเป็นมาและแรงบันดาลใจในการแต่งบทเพลงนี้ว่า เกิดจากพระดำริของท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่ทรงตั้งใจจัดทำนิทรรศการแสงหนึ่งคือรุ้งงาม เพื่อเฉลิมฉลองในวาระที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเจริญ พระชนมายุ ๘๔ พรรษา

“ทีมงานที่รับหน้าที่จัดนิทรรศการครั้งนั้น ติดต่อมาหา บอกว่าอยากให้ผมแต่งเพลง ‘แสงหนึ่งคือรุ้งงาม’ ถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งเขาก็เล่าให้ผมฟังถึง พระกรณียกิจมากมายที่พระองค์ท่านทรงทำไว้ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของนิทรรศการ นั่นคือ สิ่งที่พระองค์ทรงทำไว้ เปรียบเสมือนแสง เพราะพระองค์ท่านสร้างคุณความดีไว้มากมาย แต่ไม่ได้คาดหวังจะให้ใครมาเห็น อุปมาอุปไมย เปรียบเหมือนกับแสงที่อาจจะมองไม่เห็นเป็นตัวตน จับต้องไม่ได้ แต่ว่าคุณประโยชน์ของแสงนั้นอเนกอนันต์เหลือเกิน แสงทำให้เราสามารถทำอะไรต่างๆได้ เพราะแสงทำให้เรามองเห็น เช่นเดียวกับพระองค์ท่านที่ทรงสร้างคุณความดีให้แก่ประเทศชาติเรา โดยที่หลายๆ อย่างเองเราก็ไม่รู้ว่ามาจากพระองค์ท่าน

เมื่อบอกเล่าถึงความเป็นมาของ ‘แสง’ อันเป็นประเด็นหลักในบทเพลงนี้แล้ว บอยด์ได้กล่าวถึงที่มาของถ้อยคำต่างๆที่ใครๆต่างชื่นชมว่าเรียงร้อยขึ้นอย่างสวย งาม แม้แรกๆ เขาอาจเป็นกังวลเรื่องการใช้ คำราชาศัพท์ ด้วยตนเองเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา แต่ความรู้สึกนี้ก็หมดไป

“ผมเรียนถามท่านผู้หญิงตรงๆว่า ผมใช้คำราชาศัพท์ไม่เป็น ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร ทีมงานเองก็เล่าให้ฟังว่าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ท่านยังทรงประทับนั่งทานข้าวกล่องกับพื้นเลย เวลาท่านทรงงาน พระกรณียกิจตามที่ต่างๆ ทีมงานเขาบอกผมว่าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล ท่านต้อง การให้เป็นคนธรรมดาฟัง เพราะไม่เช่นนั้นก็คงจะให้คนที่ชำนาญในการใช้คำราชาศัพท์แต่งเพลงนี้”

กว่าหนึ่งเดือนที่เขาทุ่มเทให้กับการศึกษาเรื่องราวต่างๆ ของพระองค์ท่านให้มากที่สุด รวมทั้งการดูภาพพระฉายาลักษณ์ ในพระอิริยาบถต่างๆ ความรู้สึกซาบซึ้งใน พระกรุณาธิคุณก็เอ่อล้นเต็มหัวใจ การแต่งเพลงจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

แรงบันดาลใจสำคัญเกิดขึ้นเมื่อผมได้อ่านเนื้อหาต่างๆ เกี่ยวกับพระราชประวัติ พระกรณียกิจและคุณความดี ต่างๆ ที่ท่านทรงทำ รวมถึงการดูภาพพระฉายาลักษณ์ของท่านตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ กระทั่งปัจจุบัน ทำให้ผมได้ เห็นว่าพระองค์ท่านใกล้ชิดกับในหลวง ของเรา ใกล้ชิดกับในหลวงอานันทฯ ใกล้ชิดกับสมเด็จย่าเสมอมา อีกทั้งเมื่อได้อ่านหนังสือ ‘เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์’ ได้อ่าน หนังสือ ‘แม่เล่าให้ฟัง’ ทำให้รู้ว่าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ท่านมีพระกรุณาธิคุณ ต่อเรามากแค่ไหน ความรู้สึกนั้นมันล้นเหลือ ทำให้ความซาบซึ้งเอ่อท้นออกมาจาก ใจจนแต่งได้เองครับ”

ซึ่งบอยด์ได้บอกถึงความประทับใจเป็นพิเศษ เมื่อครั้งได้อ่านหนังสือแม่เล่าให้ ฟัง และ เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์

“เมื่ออ่านจบผมยิ่งรู้สึกรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์จักรี ของเรามากขึ้น จากที่เทิดทูนอยู่แล้ว จนทำให้ ผมอยากจะทำอะไรตอบแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือแผ่นดินของเรา บ้าง เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าเพลงนี้เกิดขึ้นเพราะสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงส่องแสง เพราะพระองค์ท่านทรงเขียนหนังสือเหล่านั้น ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งได้มากขนาดนี้ ทำให้หัวใจเราอยากที่จะทำอะไรให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นข้าแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

เมื่อบทเพลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงส่งให้ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ซึ่งท่านมีดำริให้ปรับแก้เพียงจุดเดียวเท่านั้น คือ

“ท่านให้ปรับจากคำว่า “ฉัน” เป็น “เรา” เพราะว่าท่านอยากให้การดำเนินชีวิตของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเป็นตัวอย่างกับคนทั่วไป ท่านผู้หญิงบอกว่า คนทุกคนสามารถเป็น ‘แสงหนึ่ง’ ได้ ไม่ใช่กับเฉพาะใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น ทุกคนในสังคมไทยไม่จำเป็นต้องเป็นฮีโร่กันหมด แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ คนที่จะมาคอยสนับสนุนฮีโร่ต่างหาก ถ้าคนเหล่านี้ยิ่งมีมาก สังคมไทยก็จะเจริญยิ่งขึ้น”

สุดท้าย บอยด์ฝากถึงผู้ที่ฟังเพลงนี้ ว่า

“ผมขอเชิญชวนให้พวกเราทุกคน ดำเนินรอยตามที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ท่านทรงทำไว้เป็นตัวอย่าง ยังมีพระกรณียกิจของพระองค์ท่านอีกเยอะที่หลายคนยังไม่เคยรับรู้ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากให้คน ไทยได้รู้ว่าท่านทรงงานเยอะขนาดไหน

และถ้าฟังแล้วได้คิดตามพระดำริต่างๆ ของท่านผู้หญิงทัศนาวาลัยด้วยก็จะดีครับ คือทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นฮีโร่ ทุกคนสามารถเป็นแสงหนึ่งได้”

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 87 ก.พ. 51 โดย รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล)
กำลังโหลดความคิดเห็น