ช่วงนี้เจอใครก็มักจะถามว่าแล้วฮุนเซนกับทักษิณโกรธกันเรื่องอะไรคงจะได้ยินว่าหลายคนมักจะบอกว่าโกรธกันเพราะทักษิณจะสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งจะขัดผลประโยชน์ของฮุนเซน
ส่วนตัวผมไม่เชื่ออย่างนั้นเพราะคิดว่าถ้าทักษิณสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้จริงตลาดของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ทักษิณจะสร้างกับตลาดบ่อนปอยเปตน่าจะเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกัน ดังนั้นไม่กระเทือนฮุนเซนหรอก
แต่พอข่าวมีความขัดแย้งกันในช่วงแรกพวกทักษิณก็รีบบอกว่านี่ไงที่โกรธกันเพราะเรื่องนี้เพื่อจะฉวยความชอบธรรมว่าเราควรจะสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
แล้วจริงๆ โกรธเรื่องอะไรผมเชื่อว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ในอ่าวไทยที่คงเคยตกลงกันว่าจะแบ่งปันผลประโยชน์กัน ถ้าจำได้ตอนที่ทักษิณออกมาจากโรงพยาบาลใหม่ๆ ทักษิณพูดในงานของเนชั่นว่าเราลากเส้นเขาลากขึ้นมาทับกันตรงไหนก็เป็นที่ทับซ้อนแบ่งกัน 50 50 ซึ่งจริงๆ ทำไม่ได้อย่างนั้นเพราะเราลากเส้นตามกฎหมายทะเล unclos ที่เราเป็นภาคีส่วนเขมรลากมั่วตัดกลางเกาะกูดแล้วบอกว่าไงเราทับซ้อนกัน
พูดง่ายๆ ว่าทักษิณจะยอมรับเส้นของกัมพูชาแล้วมาตกลงกันแบ่งผลประโยชน์ทั้งที่กัมพูชาไม่ได้ยึดหลักสากล เรื่องนี้กองทัพเรือคงจะไม่ยอมง่ายๆ และภาคประชาชนนำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ไปยื่นหนังสือคัดค้านที่ทำเนียบฯ และประกาศว่าถ้าตกลงกันเรื่องนี้เมื่อไหร่จะชุมนุมทันทีเรื่องก็เลยเดินหน้าไม่ได้
ผมติดตามข่าวกัมพูชาเมื่อประมาณสักสองอาทิตย์กัมพูชาก็พยายามเอาเรื่องเป็นภาคี unclos เข้าสภาแต่ก็ไม่ผ่านคงจะทำไปอย่างนั้นเองเพราะถ้าผ่านกัมพูชาก็ต้องยึดกฎหมายทะเลจะลากเส้นมั่วอย่างนั้นไม่ได้
คิดว่าเรื่องนี้แหละที่ฮุนเซนคงจะโกรธว่าทักษิณรับปากแล้วแต่ทำไม่ได้นี่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญกว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะถ้าตกลงกันได้ผลประโยชน์ในอ่าวไทยนั้นมหาศาลและดีไม่ดีทั้งสองฝ่ายก็น่าจะตกลงกับบริษัทน้ำมันข้ามชาติไว้แล้วผมเชื่อแบบนี้นะ
ทักษิณกับฮุนเซนไม่เคยเป็นเพียงมิตรสหายหากแต่คือเครือข่ายผลประโยชน์ที่ถักทอมาตั้งแต่ต้นสมัยที่ทักษิณยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ฮุนเซนมองเห็นเขาเป็นสะพานสู่โลกตะวันตกและทุนข้ามชาติขณะที่ทักษิณก็มองกัมพูชาเป็นหลังบ้านที่ปลอดภัยและเป็นทางหนีทีไล่หากอำนาจในไทยสั่นคลอน
หลังรัฐประหารปี 2549 ทักษิณต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ฮุนเซนกลายเป็นผู้ค้ำประกันเปิดทางให้เครือข่ายคนเสื้อแดงและนักการเมืองใกล้ชิดเข้ามาหลบอำนาจรัฐไทยในกัมพูชา ไม่ว่าจะทำเป็นไม่เห็นหรือช่วยเหลืออย่างลับๆ กัมพูชาจึงเป็นฐานพักพิงสำคัญของเครือข่ายทักษิณ
คนเสื้อแดงนอกจากใช้กัมพูชาเป็นที่หลบภัยทางการเมืองแล้ว ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยใช้แผ่นดินของประเทศนี้เป็นที่ชุมนุมทางการเมือง ที่พวกเขาแต่งเพลงสรรเสริญฮุนเซนผู้มีพระคุณออกุนฮุนเซน ที่มีเนื้อร้องว่า รองเรืองกัมพูเจีย รองเรืองพนมเปญ ดาวตาม สมเด็จเตโช ฮุนเซน ฯลฯ ผมก็พยายามถอดมาไม่รู้ถูกตามเสียงร้องหรือเปล่า เพราะไม่มีความรู้ภาษาเขมรต้องให้คุณวิสา คัญทัพคนแต่งมาชี้แจง
ขณะเดียวกันก็มีเรื่องที่เปิดเผยโดยตัวฮุนเซนเองว่าทักษิณและน้องสาวคือยิ่งลักษณ์มักใช้ “ห้องสีชมพู” ในคฤหาสน์ของเขาที่พนมเปญเป็นที่พักยามบินมาใกล้ชายแดนไทยหรือโฉบมาเยือนเป็นครั้งคราว หลายครั้งยังมีการปรากฏตัวในงานส่วนตัวของฮุนเซน เช่น วันเกิดซึ่งสะท้อนว่านี่ไม่ใช่ความสัมพันธ์การเมืองอย่างเดียวแต่ผูกพันลึกในระดับครอบครัว
ปี 2552 ฮุนเซนสร้างแรงสะเทือนการเมืองไทยด้วยการแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของกัมพูชา การแต่งตั้งนี้ไม่ใช่การชื่นชมฝีมือแต่เป็นการส่งสัญญาณว่าฮุนเซนเลือกอยู่ข้างทักษิณ ที่ท้าทายอำนาจรัฐของไทยเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน
ทักษิณยังคงได้รับการเกื้อหนุนจากฮุนเซนในหลายรูปแบบกระทั่งตัดสินใจกลับประเทศไทยในปี 2566 ยอมรับโทษและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้จะใช้เวลาไม่นานในโรงพยาบาลก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่การกลับมานั้นคือการปิดฉากการลี้ภัยยาวนานและเปิดฉากใหม่ที่เขายังมีที่ยืนและทันทีหลังพ้นโทษฮุนเซนก็บินมาเยี่ยมเพื่อย้ำว่าความสัมพันธ์ยังอยู่ครบถ้วน
ไม่รู้เหมือนกันว่า มีการทวงสัญญาที่ให้ไว้ต่อกันหรือไม่ เพราะไม่นานความสัมพันธ์ของสองชาติก็ร้าวฉาน สัญญาณความขัดแย้งเริ่มก่อตัวขึ้นที่ปราสาทตาเมือนธม จนกระทั่งฮุนเซน ปล่อยคลิปการคุยโทรศัพท์กับแพทองธารออกมา ที่มีคำพูดของแพทองธารบอกว่าพร้อมที่จะยอมทุกอย่างในสิ่งที่ฮุนเซนต้องการด้วยคำพูดว่า อังเคิลต้องการอะไรจะจัดให้ แล้วกล่าวหาว่าแม่ทัพภาค 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม ที่นำมาสู่วิบากกรรมของแพทองธาร จนถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และมีแนวโน้มสูงมากที่จะถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ความขัดแย้งของสองชาติจึงปะทุขึ้นอีกครั้งและบานปลายกลายเป็นสงคราม 5 วันตามแนวชายแดนเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นควันไฟพวยพุ่งความไว้ใจที่เคยมีถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตากระทั่งสหรัฐอเมริกาต้องรีบแทรกแซงประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ในเวลานั้นต้องกดดันทั้งสองฝ่ายให้หยุดยิงเพราะไฟสงครามระหว่างไทย–กัมพูชากำลังสั่นคลอนเสถียรภาพภูมิภาค
เชื่อไหมว่าจนถึงตอนนี้กัมพูชายังไม่เปิดเผยตัวเลขเลยว่า ฝั่งเขามีผู้เสียชีวิตเท่าไหร่ ที่พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ระบุว่ามีถึง 3,000 คน และทรัมป์บอกว่ามีคนตายกว่า 2,000 คน รัฐบาลกัมพูชายังห้ามคนกัมพูชาโพสต์ตามหาญาติที่สูญหาย สำหรับคนกัมพูชาแล้วถึงตอนนี้พวกเขายังเชื่อว่า ที่ไทยยึด 11 ดินแดงกลับคืนมานั้นเป็นข่าวเฟกนิวส์ ไม่เชื่อว่าไทยยึดภูมะเขือไว้ได้แล้ว เพราะฮุนเซนควบคุมสื่ออยู่ในมือไว้ทั้งหมด
ผลจากการสู้รบกัน 5 วัน กองทัพกัมพูชาไม่อาจต้านทานกองทัพไทยที่มีกำลังเหนือกว่าด้านอาวุธและยุทโธปกรณ์ แต่สำหรับฮุนเซนแล้วสิ่งที่ต้องการก็คือการปลุกปั่นกระแสรักชาติเพื่อความมั่นคงในอำนาจของตัวเอง ทำให้เกิดกระแสชาตินิยมขึ้นมาในชาติ เชื่อไหมว่า คนกัมพูชานับถือฮุนเซนเป็นเหมือนพ่อของแผ่นดิน พวกเขาเรียกฮุนเซนว่า พ่อ เพราะคิดว่า ถ้าไม่มีฮุนเซน กัมพูชาก็ไม่มีวันนี้
ความขัดแย้งที่เกิดจากขัดผลประโยชน์กันของสองตระกูลกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างคนไทยกับกัมพูชา เพราะทักษิณไม่สามารถตอบสนองสิ่งที่ฮุนเซนเรียกร้องได้ ไม่ใช่เพราะทักษิณไม่ต้องการทำสิ่งนั้น แต่กลไกของรัฐไทยต่างกับกัมพูชาที่ฮุนเซนสามารถสั่งการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ทักษิณถูกขัดขวางจากประชาชนไทยที่ไม่ยอมให้ทักษิณเอาผลประโยชน์ของแผ่นดินไปตอบแทนบุญคุณของฮุนเซน
แม้ไฟสงคราม 5 วันจะดับลงแต่บาดแผลไม่เคยหายกระแสชาตินิยมถูกปลุกขึ้นรุนแรงทั้งสองประเทศและจะเป็นบาดแผลที่ยาวนานกว่าความทรงจำจะเลือนหายไปได้ สิ่งที่ลบไม่ได้คือรอยแผลเป็นที่ยังคงอยู่ในใจคนไทยและคนกัมพูชา ผลประโยชน์ในอ่าวไทยไม่อาจถูกแบ่งแต่สิ่งที่ถูกแบ่งคือความไว้ใจของสองชาติ และสิ่งที่เหลืออยู่คือแผลเป็นทางประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันลบเลือน
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan