xs
xsm
sm
md
lg

พ่อแม่รังแกฉัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



ได้มีเสียงเตือนมากมายว่า จะเป็นเช่นนิยามปรัมปราว่า วันหนึ่งข้างหน้า ลูกก็จะต้องนั่งร้องไห้และต่อว่าพ่อแม่ว่า ได้รังแกลูก, จะด้วยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

เพราะความโลภในชื่อเสียงเกียรติยศ อำนาจวาสนาบารมี ทำให้พ่อแม่ใจถึง โดยเฉพาะคุณพ่อที่ชั้น 14 ถึงกับออกมาให้ความมั่นใจต่อสาธารณชนว่า เชื่อมั่นในลูกสาวคนนี้ ว่ามีดีเอ็นเอสุดเลิศจากทั้งพ่อและแม่ ทำให้สาวมั่นว่าจะนำพาประเทศนี้ให้เจริญรุ่งเรืองไปตลอดรอดฝั่ง

การเป็นหุ่นให้เทวดาชั้น 14 เชิด และงกๆ เงิ่นๆ บริหารประเทศมาได้นานถึง 9 เดือนแบบนกแก้วนกขุนทอง ได้เรียกเสียงฮานินทาจากบรรดาผู้นำต่างประเทศ-ที่ได้มีโอกาสพานพบหล่อนที่ต้องอ่านโพยผ่านไอแพดแบบตาไม่กะพริบ รวมทั้งรองเท้าคู่ท้าทายไปสามโลกยามเมื่อเยี่ยมพำนักผู้นำจีน

กองเชียร์หล่อนบางส่วนมองความอายุน้อยของหล่อนว่าจะได้ฐานเสียงคนรุ่น Gen Y มาแข่งกับพรรคสีส้ม…และความเปิ่นของหล่อนอาจมีดีกรีไม่เท่าอาสาว ที่ไอคิวเตี้ยเรี่ยดินชนิดเหมาเอาอำเภอหาดใหญ่กลายเป็นจังหวัดหาดใหญ่, หรือคอ-นก-รีต, หรือ Thank You (3 times)

อาสาวจอมโกงชาติตามบัญชาของพี่ชาย ยังไม่ทำร้ายประเทศชาติเท่าการขายชาติ และจงใจทำให้เราต้องเสียดินแดน; รวมทั้งการแบ่งปันผลประโยชน์กับอริราชศัตรู เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน พอๆ กับที่หล่อนพร่ำพูดว่า “พื้นที่ทับซ้อน” ทั้งในอ่าวไทยและที่ช่องบก

ความจงใจทำให้เราเสียเปรียบถูกย่ำยีจากผู้นำเขมรว่า ไทยรุกล้ำดินแดนเขมรและไปฆ่าทหารเขมรตาย (1 คน) ในการปะทะกันที่ช่องบก (รัฐบาลบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน!!)…เวลาได้ล่วงเลยถึงเกิน 1 เดือน (34 วัน) นับจากวันปะทะที่ 28 พฤษภาคม แต่ไทยยังไม่ดำเนินการเรียกทูตต่างประเทศในไทย (ไม่ใช่ทำเฉพาะทูตทหารเท่านั้น) เพื่อชี้แจงว่าไทยไม่ได้รุกล้ำเขมร แต่ตรงข้ามเราถูกรุกล้ำดินแดนจากเขมร และการรุกล้ำดินแดนนี้ กองทัพไทยได้รวบรวมหลักฐานว่า เราถูกรุกดินแดนมาเรื่อยๆ ถึง 400 กว่าครั้งด้วยซ้ำ ซึ่งก็ได้มีการประท้วงด้วยหนังสือ แต่เราไม่เคยเรียกทูตเขมรมาประณาม หรือจะขับทูตเขมรก็ได้ เมื่อเขมรจงใจรุกล้ำดินแดนเป็นอาจิณขนาดนี้

อีกด้านหนึ่งก็คือ การเรียกทูตไทยที่พนมเปญกลับไทยเพื่อลดระดับความสัมพันธ์ เป็นการประท้วงการกระทำรุกล้ำดินแดนไทยที่เขมรทำอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆ นี้การเรียกทูตเขมรประจำไทยมาประท้วงที่ผู้นำเขมรเผยแพร่การสนทนาลับกับผู้นำไทย...เป็นคนละเรื่องกับการรุกล้ำดินแดนที่เขมรจงใจครอบครองดินแดนไทย!!

และการเรียกทูตไทยที่พนมเปญกลับกระทรวงเมื่อเร็วๆ นี้ ก็อธิบายว่า เพื่อให้มาประเมินสถานการณ์ที่เขมร...ซึ่งไม่ใช่การประท้วงเขมรด้วยการลดระดับความสัมพันธ์...และซึ่งจะเป็นเหตุผลหรือหลักฐานสำคัญว่า ไทยไม่พอใจและต่อต้านการรุกล้ำดินแดนไทยจากฝ่ายเขมร ตลอดจนเป็นการแสดงให้ชาวโลกได้เข้าใจผิดว่า เขมรเป็นฝ่ายถูกรังแกถูกรุกราน...ไม่ใช่แบบที่เขมรไปฟ้องกับชาวโลกว่า ไทยรังแกประเทศที่เล็กกว่า

ไทยเย็บปาก (อย่างจงใจจากนโยบายของหล่อน) ไม่ตอบโต้การย่ำยีของเขมร ทั้งจากนายฮุนเซน ตั้งแต่ 29 พ.ค.ว่า ไทยรังแกเขมร และเขมรจะบุกมาล้างแค้นจนไทยจะเป็นแบบกาซา...วันที่ 1 มิ.ย.ในเวที Shangri-La Dialogue ที่สิงคโปร์ ที่ไทยถูกประณามไปทั่วโลกว่า รุกดินแดนเขมรที่ช่องบกและฆ่าทหารเขมรตาย-เราก็เย็บปาก,-นายฮุน มาเนต ไปพบปธน.มาครง ฟ้องอดีตเจ้าอาณานิคมว่า ไทยรังแกเขมรและ 3 ปราสาท รวมทั้งดินแดนสามเหลี่ยมมรกตก็เป็นดินแดนของเขมรที่ไทยยึดไปอย่างไม่ถูกต้อง...ไทยก็เย็บปากอีก

ล่าสุด ผู้นำเขมรพบหารือกับทีมผู้นำทหารของญี่ปุ่น ถึงกับมีแถลงการณ์ร่วมมือด้านความมั่นคง...และเขมรขอความร่วมมือญี่ปุ่นเพื่อหว่านล้อมไทยให้ไปศาล ICJ ที่ไทยยึดดินแดน 3 ปราสาทไปจากเขมร

ไทยก็เย็บปากอีกเช่นเคย

แทบไม่มีการโต้ตอบต่อการใส่ร้ายป้ายสีของผู้นำเขมรที่ย่ำยีต่อไทย และเป็นการโหมสร้างกระแสและหลักฐานเท็จว่าไทยไปขโมยดินแดนของเขมรมาครอบครอง ทั้งๆ ที่ฝ่ายเขมรเป็นฝ่ายเข้ายึดครองดินแดนด้วยความแยบยลเล่ห์เพทุบาย โดยตั้งแหล่งกาสิโน, แหล่งอาชญากรหลอกลวง (Scam Center) บริเวณพรมแดน รวมทั้งการขยายเขตเพาะปลูกของครอบครัวทหารเขมรที่ข้ามเข้ามาในเขตไทย

ยามเขมรยื่นฟ้อง ICJ ในวันครบรอบที่เขมรชนะคดีเขาพระวิหาร ปรากฏว่า ไม่เพียงฝ่ายการเมืองไทยจะเย็บปากเงียบสงัด แต่หล่อนกลับเดินทางไปฝั่งตะวันตกของไทย กับกิจกรรมบางอย่างที่ไม่เร่งด่วนเท่าการจะเสียดินแดนให้ฝ่ายเขมร

ถ้าหล่อนพอมีมันสมองอยู่บ้าง และมีความรักชาติผูกพันต่อชาติอยู่บ้าง คงไม่สามารถนิ่งเฉยเย็บปากให้ฝ่ายเขมรต่อยเอาๆ ย่ำยีประเทศไทยได้ปานนี้

หรือเป็นเพราะเทวดาชั้น 14 เป็นตัวบงการเชิดหล่อนในแต่ละวัน จนทำให้การเงียบสนิทเย็บปากของฝ่ายไทย เป็นแผนส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราเสียดินแดนทั้งบนบกและในอ่าวไทย ซึ่งในอ่าวไทยก็มีทรัพยากรมหาศาลที่กลับกลายเป็น “เขตทับซ้อน” ในสายตาของหล่อน

ในที่สาธารณะ หล่อนก็จะเย็บปากไม่โต้ตอบศอกกลับเพื่อพยายามปกป้องดินแดนอธิปไตยของไทย...แต่พออยู่ในที่ลับ พวกเราถึงได้ยินบทสนทนาอันล่อนจ้อนถึงการพินอบพิเทาอริราชศัตรูของเรา

ชนิดที่ถ้ามีการจัดทำ Hall of Shame สำหรับสถาบันการศึกษาที่หล่อนได้ผ่านๆ มา รวมทั้งตำแหน่งการเมืองที่หล่อนบริหารอยู่ ตำแหน่งของหล่อนในห้องแห่งความอัปยศนี้ น่าจะสูงเด่นเป็นสง่าเกินกว่าทุกๆ คนในห้องนี้แน่นอน

ไม่เพียงคำโอดครวญว่า เพราะพ่อแม่รังแกหล่อน แต่ในอนาคต…ลูกๆ ของหล่อนจะได้พานพบกับเหตุการณ์ในอดีต “ที่เกิดขณะนี้” ที่แม่ของพวกเขาได้ถูกผู้คนประณามขับไล่ไสส่ง ในฐานะผู้ขายชาติอันน่ารังเกียจยิ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น