xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

“ทรัมป์บ้า”กับการแก้ไขความผิดอย่างมหันต์ด้วยความผิดอย่างอภิมหามหันต์!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โดนัลด์ ทรัมป์
สำหรับ “บ้านเรา” นั้น...คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า ช่วงระหว่างนี้ “คุณพ่อทักษิณ” หรือคุณพ่อท่านนายกฯ “อุ๊งอิ๊งค์” ท่านช่างใหญ่ ช่างโต ชนิดคับบ้าน-คับเมืองเอาจริงๆ!!! ปานประดุจ “พ่อทุกสถาบัน” เอาเลยก็ว่าได้ สามารถแขวะคนโน้น กัดคนนี้ ขู่คนนั้น ได้อย่างสะดวกปาก สะดวกคอ เป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าเป็น “บ้านเขา” หรือถ้าว่ากันใน “ระดับโลก” แล้ว คงมิอาจปฏิเสธได้อีกเช่นกันนั่นแหละว่า ต่อให้ “ทักษิณชุบแป้งทอด” สักกี่ลิตร กี่กรัม ก็แล้วแต่...ยังไงๆ คงไม่น่าจะใหญ่กว่าว่าที่ประมุขโลก หรือว่าที่ผู้นำอเมริกัน อย่าง “Donald Trump” หรือ “ทรัมป์บ้า” ผู้นี้นี่เอง!!!

คือถึงยังไม่ได้สาบานตัวเป็นประธานาธิบดีในช่วงกลางมกราคมปีหน้า...แต่โดยยี่ห้อของ “ทรัมป์บ้า” ก็พร้อมจะออกอาการ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ชนิดสั่นสะเทือนเลื่อนโลกเอาเลยทีเดียวเจียว ไม่ว่าการคิดจะ “ผนวกดินแดนแคนาดา” ให้กลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา คิดจะ “ซื้อเกาะกรีนแลนด์” เอาไว้เป็นสมบัติไปในภายภาคหน้า หรือคิดจะ “ยึดคอคอดปานามา” เพื่อไม่ให้คุณพี่จีนย่องมาตีท้ายครัวได้ง่ายๆ ฯลฯ โดยไปๆ-มาๆ...มันอาจไม่ใช่แค่ “มุกตลก” เพื่อหวังให้เกิดความฮา หรือความบ้า ไปตามเรื่อง-ตามราว ตามมี-ตามเกิด แต่เพียงเท่านั้น...

เพราะอย่างการผนวกแคนาดานั้น ไม่เพียงแต่ถูกพูด ถูกทวีต แบบซ้ำแล้ว-ซ้ำอีก โดยว่าที่ประธานาธิบดีผู้นี้แต่ว่ากันว่า...ในช่วงที่อดีตนักฮ็อกกี้ชื่อดังชาวแคนาดา ที่ได้สัญชาติอเมริกันควบคู่ไปด้วย เนื่องมาจากลงเล่นอยู่ในทีมชั้นนำของอเมริกา อย่างทีม “The New York Rangers” จนดังระเบิด อย่าง “นายWayne Gretzky” และครอบครัวได้ไปร่วมฉลองชัยชนะให้กับการชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาของ “ทรัมป์บ้า” เมื่อไม่กี่วันมานี้ ถ้าว่ากันตามข่าวคราวที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮา นำมาโค้ดคำพูดแบบคำต่อคำ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาถึงกับยุแยงตะแคงรั่ว ถึงขั้นว่า “Wayne...ทำไมคุณไม่คิดลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดา ซึ่งอีกไม่นานคุณก็จะได้เป็นผู้ว่าการรัฐแคนาดา คุณชนะได้สบายๆ โดยไม่ต้องรณรงค์หาเสียงด้วยซ้ำ” นี่...เรียกว่าพอๆ กับการยุให้ “ปฏิวัติสี” ให้ “Color revolution” ที่เคยทำให้ประเทศเอกราชอย่างยูเครน ต้องกลายสภาพเป็น “ตัวตลก-ตัวแทน” ของคุณพ่ออเมริกามาจวบจนทุกวันนี้ เอาเลยก็ว่าได้...

หรือการคิดจะซื้อเกาะกรีนแลนด์ก็เถอะ...จริง-ไม่จริง ล้อเหล้น-ไม่ล้อเหล้นน์น์น์ ก็แล้วแต่ แต่ถึงขั้นทำให้รัฐบาลกรีนแลนด์และเดนมาร์ก ถึงกับ “สะดุ้งโหยง” ชนิดต้องเกณฑ์ทหารส่งไปเฝ้าเกาะเอาเลยทีเดียว ส่วนจะถึงขั้นคิดส่งทหารอเมริกันไปยึดช่องแคบปานามาหรือไม่? อย่างไร?ก็ตามที แต่ยังน่าจะพอจำๆ กันได้ ว่าแค่เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง หรือช่วงเดือนธันวาคมปี ค.ศ. 1981 รัฐบาลอเมริกันภายใต้การนำของประธานาธิบดี “จอร์จ บุช ผู้พ่อ” ก็เคยเปิดปฏิบัติการ “Operation just Cause” ส่งกองกำลังทหารอเมริกันบุกไปจับผู้นำปานามา อย่าง “นายManuel Noriega” ด้วยข้อกล่าวหาพัวพันกับการลักลอบค้ายาเสพติด แบบดื้อๆ ทื่อๆ ชนิดแทบไม่ต่างไปจากการบุกอิรักยุค “ซัดดัม” ด้วยข้อกล่าวหามีอาวุธทำลายล้างไว้ในครอบครองนั่นแหละ จริง-ไม่จริง โกหก-ไม่โกหก ก็แล้วแต่ แต่สุดท้าย...ย่อมต้อง “เสร็จอเมริกัน” ไปจนได้...

ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจะเป็นแค่มุกตลก กึ่งจริง-กึ่งบ้า หรือบ้า...ก็...บ้าวะหรือไม่? เพียงใด? ก็ตามที แต่ก็อย่างที่ผู้อำนวยการโครงการแห่งสโมสรนักคิด “Valdai Club” ของรัสเซีย “นายTimofey Bordachev” เขาหยิบเอามาใคร่ครวญหวนคิด แบบเป็นเรื่อง-เป็นราว ไม่ใช่แค่การ “ไม่ไหว...จะฮา” ไปวันๆ เท่านั้น และก่อให้เกิด “แง่คิด” ที่น่าสนใจ น่าคิดสะกิดใจ มิใช่น้อยนั่นก็คือ...ภายใต้ความห่าม ความบ้าของ “ทรัมป์บ้า” ในลักษณะทำนองนี้ มันได้สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่เรียกว่า “อธิปไตย” ของแต่ละชาติ แต่ละประเทศ อันเคยเป็นสิ่งที่สำคัญเอามากๆ ของนโยบายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่เป็นรูป-เป็นร่าง เป็นจริง-เป็นจัง เสียยิ่งกว่ากฎหมาย แบบแผน หรือข้อตกลงระหว่างประเทศ แบบเดียวกับที่ทำให้ใครต่อใครในบ้านเรา ต้องเทียวไล้-เทียวขื่อ ต้องไล่ตามหาข้อเท็จจริงในเรื่อง “MOU 44” ให้กระจ่างแจ้ง แดงแจ๋ ให้จนได้ อะไรประมาณนั้น แต่นับวันสิ่งที่ว่านี้...กลับค่อยๆ ลดความสำคัญลงไป หรืออาจแทบไม่ได้มีความสำคัญเหมือนเมื่อครั้งอดีตอีกต่อไปแล้ว???

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ในยุคที่โลกทั้งโลกถูกขับเคลื่อน ถูกเขยื้อนเคลื่อนไหว ด้วยอำนาจ อิทธิพล ของพวก “บรรษัทข้ามชาติ” หรือที่เรียกๆ กันว่า “โลกาภิวัตน์จากด้านบน” ภายใต้แนวคิดแบบ “เสรีนิยมใหม่” หรือประเภทพวก “ลิเบอร่าน” ทั้งหลายนั่นแล สิ่งที่เรียกกันว่า “อธิปไตยแห่งชาติ” มันเลยมักถูกบั่นทอน ทำลาย หรือถูกลดความสำคัญลงไปเป็นขั้นๆ ด้วยกรรมวิธีหลักๆ อย่างน้อยก็ 3 ประการด้วยกัน ไม่ว่าด้วยการ “Deregulation” หรือการเลิกล้ม ยกเลิก บรรดากฎระเบียบ ตัวบทกฎหมายภายในรัฐชาติทั้งหลาย เพื่อเปิดทางให้กับการ “ลงทุนโดยตรง” ของพวกพ่อค้า พวกนักธุรกิจระดับโลกนั่นเอง ตามด้วยการ “Liberalization” หรือการเปิดเสรีทางการเงิน เพื่อให้เกิดการย้ายทุน ย้ายแรงงาน ย้ายฐานการผลิต จากโน่น-ไปนี่ ตามความปรารถนา ความต้องการ ของบรรดานักลงทุน ที่ไม่ต้องการให้เกิดอุปสรรคใดๆ อันเนื่องมาจากการควบคุมการเงิน การคลังของแต่ละรัฐ แต่ละชาติ และสุดท้ายก็คือการ “Privatization” หรือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหลาย ให้กลายเป็นของเอกชนอันทำให้รัฐบาลแต่ละประเทศหมดโอกาสที่จะแทรกแซงใดๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของมวลชนภายในประเทศ...

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ “อำนาจอธิปไตย” ของแต่ละรัฐ แต่ละประเทศ เลยค่อยๆ ลดความสำคัญ หรือกระทั่งหมดความสำคัญลงไปตามลำดับ ยิ่งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยพวก “ลิเบอร่าน” ยั้วเยี้ย ยุ่มย่าม กันเยอะๆ หรือพวกที่เห็นดี-เห็นงามกับสิ่งที่เรียกว่า “เสรีภาพ” จนไม่ได้คิดหน้า-คิดหลัง ไม่ได้คิดใคร่ครวญ ทบทวน ให้ถ้วนถี่ อยากจะเป็น “ประชาธิปไตย” กันวันละ 3 เวลาหลังอาหาร หรือให้มากๆ เข้าไว้จนมองเห็นใครต่อใครเป็น “เผด็จการ” ไปในซะทุกเรื่อง ทุกๆ กรณี อย่างเช่นบรรดาพวกก้าวหน้า-ก้าวไกล ในบ้านเราอะไรทำนองนั้น แต่ “ความเป็นประชาธิปไตย” ในลักษณะดังกล่าว หรือในลักษณะที่ประเทศทั้งประเทศต้องถูกขับเคลื่อนด้วยแนวคิดแบบ “ทุนนิยมเสรี” มันกลับส่งผลให้ “อำนาจอธิปไตย” ของประเทศนั้นๆ แทบไม่หลงเหลือติดปลายนวม หรือไม่อาจนำมาใช้พิทักษ์ ปกป้อง ผลประโยชน์ของผู้คนภายในประเทศตัวเอง เอาเลยก็ว่าได้...

โดยตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างค่อนข้างชัดเจนก็คงหนีไม่พ้นไปจากบรรดาประเทศ “อียู-อีย้วย” ทั้งหลายนั่นแล ภายใต้การขึ้นมามีอำนาจเป็นรัฐบาลของพวก “ลิเบอร่าน” ในแต่ละประเทศ ไม่ว่าอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอีกหลายๆ ประเทศในยุโรป ส่งผลให้บรรดาประเทศเหล่านี้ต้องยอมกล้ำกลืน ฝืนทน ยอมเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้กับคุณพ่ออเมริกา ให้กับการพิทักษ์ ปกป้อง ผลประโยชน์ของผู้นำโลก ประมุขโลก หรือของ “โลกแบบขั้วอำนาจเดียว” อย่างมิอาจปฏิเสธใดๆ ได้เลย กระทั่งต้องยอม “อมสากกะเบือ” เมื่อท่อส่งแก๊สราคาถูก ที่ประเทศตัวเองลงทุนร่วมกับรัสเซีย ถูกระเบิดต่อหน้าต่อตา แล้วต้องหันไปซื้อแก๊ส ซื้อน้ำมันราคาแพง จากอเมริกาหรือที่อื่นๆ ส่งผลให้ “ระบบอุตสาหกรรมเยอรมนี” ทั้งระบบ แทบล้มครืน โดยที่ “ผู้นำจุ๊กกรู๊ๆ” อย่าง “นายOlaf Scholz” ได้แต่แบ๊ะ-แบ๊ะ-แบ๊ะ ไปตามเรื่อง-ตามราว...

และก็ด้วยเหตุเพราะ “อำนาจอธิปไตย” ภายในประเทศแทบไม่หลงเหลืออีกต่อไปนี่เอง ถึงได้ส่งผลให้บรรดาพวก “ฝ่ายขวา” พวกชาตินิยม หรือกระทั่งพวกคลั่งชาติทั้งหลาย มีโอกาสผงาดขึ้นมาแทนที่ จนทำให้รัฐบาลอียู-อีย้วยในแต่ละราย ต้องเจ๊งแล้ว-เจ๊งอีก หรือไม่ก็ใกล้เจ๊งเต็มที ไม่ว่าเยอรมนี ฝรั่งเศส ไปจนถึงอังกฤษโน่นเลย ต่างไปจากพวก “โลกหลายขั้วอำนาจ” ที่ยังคงให้ความสำคัญเอามากๆ กับสิ่งที่เรียกว่า “อธิปไตยแห่งชาติ” และพยายามอาศัยสิ่งเหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อให้เกิด “ระเบียบโลกแบบใหม่” ขึ้นมาให้จงได้...

อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่าบรรดาประเทศต่างๆ ในโลกนี้ จะหลงเหลือ “อำนาจอธิปไตย” เอาไว้สักเพียงไหน ยังมีขีดความสามารถในการปกป้องอธิปไตยของตัวเองได้มาก-น้อยเพียงใด แต่การแสดงกิริยาอาการแบบ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ของ “ทรัมป์บ้า” ด้วยการคิดจะผนวกแคนาดา ซื้อเกาะกรีนแลนด์ ยึดคลองปานามา อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ ก็คงไม่ต่างไปจากการแสดงออกถึง “ความเชื่อมั่น” ว่า “อเมริกา...ก็คือจ้าวโลก-ประมุขโลก” อยู่ต่อไปนั่นเอง!!! อันนี้นี่แหละ...ที่อาจถือเป็นความไม่เข้าใจ ความไม่ได้คิดจะเรียนรู้ว่าโลกใบนี้มันได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไปแล้วมาก-น้อยขนาดไหน??? โลกที่บรรดาประเทศซีกโลกใต้ซึ่งรวมตัวกันในนามกลุ่มประเทศ “BRICS” ได้ขยายขนาดสัดส่วน “GDP” เพิ่มขึ้นไปแล้วถึง 34 เปอร์เซ็นต์ของเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก ขณะที่ประเทศซีกโลกเหนือ หรือประเทศคนเคยรวย ที่เรียกขานกันในนามกลุ่มประเทศ “G7” อันมีอเมริกาเป็นผู้นำ กลับมีสัดส่วน “GDP” เหลืออยู่เพียงแค่ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง...

ด้วยความไม่รู้และความไม่เข้าใจเหล่านี้นี่เองที่อาจทำให้รัฐบาลอเมริกันภายใต้การนำของ “ทรัมป์บ้า” อาจต้องเดินไปในแนวอย่างที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจระดับมือวางของโลก อย่าง “นายGerald Celente” เคยทำนายทายทักเอาไว้เมื่อหลายสิบปีที่แล้วประมาณว่า... “ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีความหุนหันพลันแล่น มากยิ่งๆ ขึ้นไปตามลำดับและเมื่อฟองสบู่เศรษฐกิจในอเมริกาต้องแตกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ มันจะยิ่งทำให้ความพยายามบริหารจัดการ ของรัฐบาลเป็นไปในลักษณะของความพยายามที่จะแก้ไขความผิดพลาดล้มเหลวอย่างมหันต์ ด้วยการกระทำความผิดพลาดล้มเหลว อย่างอภิมหามหันต์ จนกระทั่งเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่ภาวะความผิดพลาด ล้มเหลว โดยสิ้นเชิง รัฐบาลอเมริกันเลี่ยงไม่พ้นที่จะนำพาชาติทั้งชาติเข้าสู่...สงคราม...ในท้ายที่สุด” จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ...แต่ยังไงๆ คงต้องคอยจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาได้โดยเด็ดขาด!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น