ไม่ใช่แต่เฉพาะอิหร่านกับพวก “อักษะแห่งการต่อต้าน” (Axis of Resistance) เท่านั้น...ที่คิดจะ “ล้างแค้น-เอาคืน” ต่อการละเมิดอธิปไตย-บูรณภาพเหนือดินแดน ด้วยการลอบฆ่า ลอบสังหาร ใครต่อใครในดินแดนของตัวเอง อันส่งผลให้ “แนวรบในตะวันออกกลาง” ยังคงร้อนวูบๆ วาบๆ อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ แต่ “ชาตินิวเคลียร์” ที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุ อย่างหมีขาวรัสเซียก็น่าจะมีปฏิกิริยาไม่ต่างอะไรไปจากกัน สำหรับการละเมิดอธิปไตยบุกเข้าไปดินแดนรัสเซียโดยกองกำลังยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกแบบโจ่งๆ แจ้งๆ ส่งผลให้ “แนวรบยุโรปตะวันออก” ร้อนเร่า ร้อนผ่าวๆไม่น้อยไปกว่าตะวันออกกลางเอาเลยแม้แต่น้อย...
ดังที่เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอเมริกา “นายAnatoly Antonov” ได้ออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัด เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (22 ส.ค.) นั่นแหละว่า ผู้นำของรัสเซียประธานาธิบดี “ปูติน” เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะตอบโต้อย่างไร? ต่อการบุกแคว้น “Kursk” ของรัสเซีย โดยกองทัพยูเครนเมื่อช่วงวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา และได้ตัดสินใจแล้วว่าบรรดาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนรับผิดชอบใน “ทุกๆ ราย” จะต้องได้รับการลงโทษจากรัสเซีย ไม่ว่าในแบบไหน? เมื่อไหร่? และอย่างไร? ส่วนจะเป็นใคร? หน้าไหน? ยี่ห้อไหน? ทูตรัสเซียรายนี้...ท่านก็ได้ขยายความให้พอนึกภาพออก ด้วยคำพูดที่ว่า... “ยูเครนนั้นจะไม่ทำอะไรเลย ถ้าหากไม่ได้รับคำสั่งโอเคจากนายใหญ่ นั่นคืออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกทั้งหลายนั่นเอง” และภายใต้การอธิบายขยายความลักษณะเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้คำพูด คำทำนายของรองนายกรัฐมนตรีอิตาลี “นายMatteo Salvini” ยิ่งมี “น้ำหนัก” ยิ่งขึ้นไปใหญ่ นั่นก็คือคำพูดที่ว่า “ตะวันตกกำลังเสี่ยงต่อการก่อ...สงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วยการสนับสนุนอาวุธให้ยูเครนโจมตีรัสเซีย...”
แต่ดูเหมือนว่า...อเมริกาที่อยู่ภายใต้การนำของประธานาธิบดีผู้ป้ำๆ เป๋อๆ อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ซึ่งเหลือเวลาอยู่อีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง จะออกอาการหน้ามืด-ตามัว หรือออกอาการ “เอ๋อ” หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะคิด คือแทบไม่ได้สนใจต่อปฏิกิริยาโต้ตอบของฝ่ายตรงข้ามอย่างรัสเซียเอาเลยแม้แต่น้อย การตระเตรียมมอบความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่ให้กับกองทัพยูเครน ไม่ว่าจะเป็นจรวด “HIMARS” (High Mobility Artillery Systems) จรวดต่อต้านรถถังและยานหุ้มเกราะ กระสุนปืนใหญ่ 105 และ 155 มิลลิเมตร ไปจนระบบต่อต้านโดรนมูลค่าไม่น้อยกว่า 125 ล้านดอลลาร์ ได้ปรากฏเป็นข่าวคราวดังที่สำนักข่าว “เอพี” ได้รายงานเมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา อีกทั้งยังตามมาด้วยข่าวคราวว่าด้วยการเตรียมยกเลิก “ข้อห้าม” ที่ไม่ให้กองทัพยูเครนใช้อาวุธร้ายๆ ของอเมริกา อย่างจรวด “ATACMS” ที่มีพิสัยทำการระดับ 300 กิโลเมตรยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียอีกซะด้วย...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...แทบถือเป็นการเปิดเผย แบบล่อนจ้อนไปทั้งเนื้อ ทั้งตัว ว่าผู้ที่คิดจะละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนรัสเซียแบบตรงไป-ตรงมา ก็คือคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกทั้งหลายนั่นเอง ไม่ใช่กองทัพยูเครนที่เป็นแค่ตัวแทน หรือหุ่นกระบอก ที่ต้องมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง ถึงจะกระดิกแขน กระดิกขา ไปตามคำสั่ง ด้วยเหตุนี้การล้างแค้น-เอาคืนของรัสเซีย ต่อผู้ที่ “มีส่วนรับผิดชอบในทุกๆ ราย” ก็จึงหนีไม่พ้นที่จะทำให้ “การเผชิญหน้า” ระหว่างรัสเซียกับอเมริกา หรือ “NATO” กลายเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้ว ส่วนจะตึงตัง โครมคราม เปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด โครมๆ พินาศพังสลอน กันในแบบไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เหลือแต่ต้องสวดมนต์ภาวนากันไปตามสภาพ...
ส่วนอิหร่านและพวกอักษะแห่งการต่อต้านนั้น...แม้จะล่วงเลยเวลามาประมาณ 3-4 สัปดาห์เข้าไปแล้ว แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย ที่บรรดากลุ่มคนเหล่านี้คิดจะ “เอามือซุกหีบ” ไว้เฉยๆ หรืออย่างที่นักวิเคราะห์ด้านการทหารของอิหร่าน “นายPouriya Kousheshiyan” ได้เน้นย้ำไว้ในข้อเขียนบทความเผยแพร่โดยสำนักข่าว “Press TV” ของอิหร่านเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า ปฏิบัติการ “คสช.” ของอิหร่าน (เราจะทำตามสัญญา-ขอเวลาอีกไม่นาน) หรือปฏิบัติการ “Operation True Promise-2” ของอิหร่าน ต่อการละเมิดอธิปไตย การลอบสังหารของอิสราเอลนั้น ไม่มีคำว่า “ถ้า” มีแต่คำว่า “เมื่อไหร่” และ “อย่างไร” เท่านั้นเอง...
ไม่ต่างไปจากถ้อยแถลงของตัวแทนอิหร่าน ณ สหประชาชาติ เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (21ส.ค.) ที่ระบุเอาไว้ละเอียดยิบชนิดฟังแล้วขนหัวลุก-ขนคอตั้งเอาง่ายๆ คือถึงขั้นว่า... “ช่วงเวลา เงื่อนไขและวิธีการในตอบโต้ของอิหร่าน จะเป็นไปอย่างพิถีพิถัน เพื่อที่จะให้เกิดความแน่นอนว่าสิ่งที่จะอุบัติขึ้นมา สามารถสร้างความประหลาดใจได้อย่างสูงสุด เพราะขณะที่พวกเขาแหงนมองท้องฟ้า หรือสิ่งที่ปรากฏอยู่บนจอเรดาร์ เขาอาจประหลาดใจที่มันกลับอุบัติขึ้นมาบนภาคพื้นดิน หรือมิฉะนั้นก็อาจเกิดขึ้นได้พร้อมๆ กัน...” หรือถ้าว่ากันตามความคิด ความเห็น ของอดีตประธานเสนาธิการกองกำลัง “IRGC” ของอิหร่านเอง “พลเอกMohsen Rezaei” ความล่าช้าในการล้างแค้น-เอาคืนของอิหร่าน ก็เนื่องมาจาก “เราต้องใช้เวลาคาดคำนวณ รวมทั้งการตรวจสอบความเป็นไปได้ของการโต้กลับ รวมทั้งต้องไม่ให้ผู้นำอิสราเอลอย่างนายBenjamin Netanyahu ที่กำลังจมอยู่ในหล่มโคลน สามารถดิ้นรนเอาตัวรอดต่อไปอีกได้...”
คือสรุปง่ายๆ ว่า...ด้วยความจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยง ในการ “ล้างแค้น-เอาคืน” ต่อการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดน น่าจะส่งผลให้ไม่ว่า “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือ “แนวรบตะวันออกกลาง” ต่างมีสิทธิกลายเป็นตัว “จุดระเบิด” หรือ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ให้ลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ด้วยกันทั้งสิ้น ไปจนแม้กระทั่งใน “แนวรบทะเลจีนใต้” ก็เถอะ!!! การอาศัยช่องว่าง ช่องทางพิเศษตามกฎหมาย ที่ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน “นายLin Chia-Lung” และที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ “นายJoseph Wu” สามารถดอดเข้าไปจัด “ประชุมลับ” ระหว่างอเมริกาและไต้หวัน เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตามรายงานของ “The Financial Times” ย่อมทำให้แนวรบในด้านนี้ร้อนฉ่า ร้อนเร่า ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...
ด้วยเหตุเพราะการเพิ่มอุณหภูมิความร้อนแรงแห่งการเผชิญหน้าใน “แนวรบ” ทุกๆ ด้าน ระหว่าง “โลกตะวันตก” กับ “โลกตะวันออก” ระหว่าง “โลกขั้วอำนาจเดียว” กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” ที่กำลังเป็นไปอย่างไม่ลดราวาศอก หรือแทบไม่เหลือสะพานถอยหลังเอาไว้เลยแม้แต่น้อย เลยทำให้แนวโน้มของสงครามระดับโลก อย่างที่เรียกๆ กันว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” จึงกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากยิ่งเข้าไปทุกที เหลือเพียงแต่ว่าจะ “นิวเคลียร์-ไม่นิวเคลียร์” หรือไม่? อย่างไร? เท่านั้นเอง และสิ่งที่ยิ่งทำให้น่าขนหัวลุก ขนหัวพอง ยิ่งขึ้นไปใหญ่ อันปรากฏอยู่ใน “รายงานข่าว” ของสื่ออเมริกันเอง อย่างหนังสือพิมพ์ “The New York Times” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่พาดหัวเอาไว้ว่า “Biden Approve Secret Nuclear Strategy Refocusing on Chinese Threat” หรือรายงานข่าวว่าด้วยการอนุมัติการปรับปรุงข้อแนะนำในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ (Nuclear Employment Guidance) ที่จะมีการอัปเดตในทุกๆ 4 ปี โดยแม้ว่า “รายละเอียด” ในการปรับปรุงคราวนี้ จะไม่มีการเปิดเผยเนื่องจากเป็นสิ่ง “ลับสุดยอด” แต่โดยเนื้อหาคร่าวๆ รวมๆ พอสรุปได้ว่า...เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความร่วมมือของ “ชาตินิวเคลียร์” อย่างจีน-รัสเซีย-และเกาหลีเหนือ หรือพร้อมที่จะเริ่มต้น “สงครามนิวเคลียร์” นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เอาเลยก็ว่าได้!!!
นี่...อันนี้นี่แหละ ที่ยิ่งทำให้โอกาสที่โลกทั้งโลกหนีไม่พ้นต้อง “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” ลูกเดียวเท่านั้นเอง ยิ่งมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เพราะแค่ระเบิดนิวเคลียร์ที่ถล่มฮิโรชิมา นางาซากิ ในประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ชนิดตูมเดียว ผู้คนล้มตายไปเป็นหมื่นๆ แสนๆ นั้น ว่ากันว่า...ยังมีอานุภาพน้อยไปกว่าระเบิดนิวเคลียร์ยุคใหม่ ที่บรรดาชาตินิวเคลียร์ทั้งหลายสะสมเอาไว้นับไม่รู้กี่ต่อกี่พันหัวรบในทุกวันนี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า โอกาสที่ “พลโลก” จะสูญหายไปประมาณ “สองในสามส่วน” หรือบรรดาทวยทหารจะล้มตายไม่น้อยกว่า “สองร้อยล้านคน” ดังที่ “จอห์นผู้เห็นภาพนิมิต” (John the Revelator) ได้ระบุไว้ใน “พระคัมภีร์ไบเบิล” บทวิวรณ์ จึงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...