ไม่รู้ว่าหลังจากที่ส่งต้นฉบับชิ้นนี้ไปแล้ว...คุณปู่โจ ซึมเซา-วิตถาร-ล้างเผ่าพันธุ์และเอ๋อ ฯลฯ ท่านจะตัดสินใจ “ถอนตัว” จากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันปลายปีนี้ไปแล้วหรือไม่? อย่างไร? เพราะถ้าว่ากันตาม “รายงานข่าว” ของสำนักข่าว “Axios” เห็นว่า...น่าจะประมาณวันเสาร์ที่ 20 ไม่ก็อาทิตย์ที่ 21 ก.ค.นั่นแหละ ที่คุณปู่ท่านน่าจะตัดสินใจโดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลารอให้ “พระเจ้าสั่ง” ให้มากเรื่อง-มากความ เพราะ “พระเจ้า” ท่านน่าจะเผ่นจากอเมริกา ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนต่อที่ไหนมานานแล้ว นับจากยุคอดีตประธานาธิบดี “นิกสัน” หรือนับจากประเทศอเมริกาไม่คิดจะใช้ “ทองคำสำรอง” เพื่อหนุนเงินยูเอสดอลลาร์ อันทำให้ไม่มีความจำเป็นต้อง “In God We Trust” อีกต่อไป...
คือไม่ว่าจะโดยพระเจ้า-ไม่โดยพระเจ้าหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่ ยังไงๆ คุณปู่ท่านน่าจะ “ตื๊อ” ไม่ไหว!!! เพราะถ้าว่ากันตาม “โพล” ของ “AP-NORC Public Affairs Research Center” ว่ากันว่า...ชาวอเมริกันถึง 70 เปอร์เซ็นต์ต่างไม่คิดจะเอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว สำหรับการคิดลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งผู้นำประเทศอเมริกาของคุณปู่ “โจ ไบเดน” หรือถ้าว่ากันผลสำรวจของสำนักข่าว “AP” เมื่อช่วงวันพุธที่ 17 ก.ค.ที่เพิ่งผ่านมานี่เอง ว่ากันว่า 2 ใน 3 ของบรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครต ต่างเห็นพ้องต้องกัน ว่าคุณปู่น่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน เลี้ยงเหลนได้แล้ว นอกเหนือไปจากนั้นบรรดาพวกรุ่นเดอะ รุ่นใหญ่ในพรรคดังกล่าว ไม่ว่าอดีตประธานสภาฯ “นางNancy Pelosi” หรือผู้นำวุฒิสมาชิกเสียงข้างน้อยของพรรค อย่าง “นายChuck Schumer” ต่างออกมาเรียกร้องให้เลิกเหอะๆ กันไปเป็นแถวๆ แม้แต่อดีตประธานาธิบดี “โอมาบ้า” (โอบามา) ที่เคยหอบหิ้วคุณปู่มาโดยตลอดในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ก็ชักทำท่าว่าน่าจะเห็นไปในแนวเดียวกัน หรือเห็นว่าคุณปู่น่าจะเริ่มคิดอย่างจริงๆ-จังๆ ในเรื่องการถอนตัว อันนี้...ถ้าว่ากันตามรายงานข่าวของสื่ออเมริกันหลายฉบับ...
ส่วนจะไปควานหาใคร? เข้ามาแทนที่ในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับ “ทรัมป์บ้า” ก็คงน่าจะลำบากยากเย็นแสนเข็ญมิใช่น้อย สำหรับพรรคการเมืองพรรคนี้ เพราะอย่างที่นักพยากรณ์การเลือกตั้งที่ว่ากันว่า “แม่นยำที่สุด” ในสหรัฐฯ อย่าง “นายAllan Lichtman” เขาเคยออกมาเตือนๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้าไปแล้วนั่นแหละว่า การ “เปลี่ยนม้ากลางลำธาร” จากคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ไปเป็นผู้หนึ่ง-ผู้ใดก็แล้วแต่ น่าจะมีแต่ทำให้ฉากสถานการณ์การเลือกตั้งของพรรคเดโมแครต มีแต่จะแย่กับแย่ยิ่งขึ้นไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น “นางกมลา แฮร์ริส” หรือ “นางมิเชล โอบามา” ฯลฯ หรือใครต่อใครก็ตามที...
ขณะที่คู่แข่งแห่งพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่าง “ทรัมป์บ้า” นั้น...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า ออกจะเป็นอะไรที่ “มาแรง-แซงโค้ง” เอามากๆ ไม่เพียงแต่ผลสำรวจของ “Emerson College Survey” เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (18 ก.ค.) จะระบุว่านำโด่งคุณปู่ “โจ ไบเดน” ไปแล้ว 4 จุด และกวาดเรียบชัยชนะในทั้ง 7 รัฐสวิงสเตททั้งหลาย อีกทั้งภาพที่อดีตประธานาธิบดีรายนี้ ชูกำปั้นพร้อมใบหน้าเปื้อนเลือด แล้วกู่ก้องร้องตะโกนประมาณว่า “อเมริกันสู้ๆ-อเมริกันสู้ตาย” อะไรประมาณนั้น โดยมีฉากหลังเป็นธงชาติโบกปลิวไสว ต้องเรียกว่า...ช่างเป็นอะไรที่ “เร้าใจ” บรรดาอเมริกันชนจำนวนไม่น้อย แม้จะเหลือช่วงระยะเวลาอีกประมาณ 4 เดือนข้างหน้าก็ตามที แต่โอกาสที่จะ “นอนมา” โดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้าผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีอเมริกันอีกรอบ อีกสมัย น่าจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
อันนี้นี่แหละ...ที่ว่ากันว่าส่งผลให้บรรดาพันธมิตรคุณพ่ออเมริกาออกอาการขนหัวลุก-ขนคอตั้งไปตามๆ กัน โดยเฉพาะพวก “พรมเช็ดเท้า” ในยุโรป ในอียู-อีย้วย หรือแม้แต่ในองค์กรพันธมิตรทางทหารอย่าง “NATO” ทั้งหลาย เพราะแค่เจอกับกระแสฝ่ายขวา หรือ “กระแสลมพลิกกลับ” ที่ทำให้บรรดาพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเสรีนิยม ลิเบอร่าน ต่างมาแรง-แซงโค้ง เอาชนะพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งแล้ว-ครั้งเล่า แค่นี้ก็...เหนื่อยแล้ว!!! แต่ยิ่งถ้าต้องเจอกับการหวนคืนกลับมาของ “ทรัมป์บ้า” ที่ก่อให้เกิด “คำถาม” ตัวโตๆ ในหลายต่อหลายเรื่อง หลายต่อหลายกรณีด้วยกัน ตั้งแต่ความเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ ในการที่อเมริกาคิดจะถอนตัวออกจาก “NATO” ไปจนอาจถึงขั้นคิดจะถอนทหารออกจากยุโรป ส่วนการคิดจะเลิกช่วยเหลือ สนับสนุน รัฐบาลยูเครน ไม่ยอมส่งเงิน-ส่งทองไปให้อีกแม้แต่เพนนีเดียว ยิ่งเป็นอะไรที่ชัดเจน แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งยิ่งขึ้นไปใหญ่ ฯลฯ และนั่นย่อมเท่ากับทำให้ยุโรปทั้งยุโรป ออกอาการ “โฮม อโลน” ไม่มีใครคิดจะคว้ามาเช็ดเนื้อ เช็ดตัว หรือเช็ดเท้าอีกต่อไป...
แม้แต่ผู้ที่ยอมเป็นมือ-เป็นตีน อย่าง “ไต้หวัน” ทั้งที่ยอมเสียเงิน-เสียทองซื้ออาวุธอเมริกันชนิดไม่อั้น ยอมเปิดช่อง เปิดทางให้เนื้อสุกรติดเชื้อของอเมริกันเข้ามาขายในเกาะเล็กๆ โดยเสรี แต่ถึงกระนั้น...ยังต้องสะดุ้งไปประมาณ 4-5 ตลบ เมื่อได้ยินการส่งเสียงเรียกร้องขอ “ค่าคุ้มครอง” จากไต้หวัน โดยผู้ที่กำลังจะผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ แบบชนิดเสียงดัง-ฟังชัด ความเปลี่ยนแปลงของ “การเมืองอเมริกัน” จึงอาจเป็นอะไรที่ “ช็อกโลก” ซะยิ่งกว่าข่าวคราวเรื่องการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” อีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า หรืออย่างที่นักเขียน นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายยิวแห่งมหาวิทยาลัย “Hebrew University of Jerusalem” ที่พยายามสถาปนาตัวเองเป็น “ศาสดา” ของพวกลิเบอร่านพวกเสรีนิยมใหม่ทั้งหลายด้วยผลงานการเขียนหนังสือหลายเรื่อง เช่น “Sapiens : A Brief History of Humankind” หรือ “Homo Deus : A Brief History of Tomorrow” ที่ออกอาการวิปริต วิตถาร ถึงขั้นคิดว่ามวลมนุษย์อาจเป็น “อมตะ” ด้วยความก้าวหน้า ก้าวไกลของเทคโนโลยี อะไรประมาณนั้น นั่นก็คือ “นายYuval Noah Harari” ถึงกับต้องอุทานออกมาดังๆ ว่าถ้าหาก “ทรัมป์บ้า” กลับมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันเมื่อไหร่? นั่นหมายถึง “The Death of Global Order” หรือระเบียบโลกแบบเดิมๆ ย่อมต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง อย่างมิพึงสงสัย...
คือโอกาสที่ผู้นำรายนี้จะเป็นตัว “สร้างปัญหา” ให้กับพวก “Deep State” ทั้งหลาย ที่มุ่งนำพาชาวอเมริกันและชาวโลกเข้าสู่ “สงคราม” อย่างเป็นระบบและกิจการ น่าจะมีความเป็นไปได้มิใช่น้อย ชนิดที่นายกรัฐมนตรีฮังการี “นายViktor Orban” ผู้ซึ่งได้โอกาสดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรียุโรปในช่วงระยะ 6 เดือนนับจากนี้ และเพียรพยายามออกเดินสายเพื่อ “สันติภาพ” ถึงกับร้องตะโกนออกมาดังๆ ว่า “ชัยชนะเลือกตั้งของทรัมป์ ก็คือชัยชนะของผู้ที่ปรารถนาสันติภาพในยูเครน” เอาเลยถึงขั้นนั้น ยิ่งเมื่อถูกยิงเฉี่ยวหัว เฉี่ยวหู หวิดจะถูกลอบสังหารตายคาเวทีเลือกตั้งเมื่อไม่กี่วันมานี้ ถ้าว่ากันตามความคิด-ความเห็นของผู้ที่สนิทชิดเชื้อเช่นลูกชายของ “ทรัมป์บ้า” อย่าง “Donald Trump Jr.” ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “Axios” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ดูค่อนข้างจะเชื่อเอาจริงๆ ว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในความเป็นตัวตนของ “ทรัมป์บ้า” อย่างชนิดเป็นเรื่อง-เป็นราว หรืออย่าง “ถาวร” เอาเลยก็ไม่แน่!!! หรือ...“มันเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเปลี่ยนคุณภายในแค่ไม่กี่วินาที แต่มันจะเปลี่ยนคุณอย่างถาวร...”
โดยการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้น...ก็คือน่าจะก่อให้เกิดการลด “ความบ้า” หรือ “ความสุดโต่ง” ในแต่ละเรื่องลงไปมิใช่น้อย หรือทำให้อดีตประธานาธิบดีรายนี้ น่าจะกลายเป็นพวก “Moderate” หรือพวกที่ออกไปแนว “กลางๆ” ยิ่งๆ ขึ้นไป ยิ่งถ้าเป็นประเภท “บ้าสงคราม” ด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าจะเหลือติดปลายนวมอดีตประธานาธิบดีผู้นี้อีกต่อไป และนั่นน่าจะทำให้ความพยายามฉุดลากกระชากถูโลกทั้งโลก ให้ต้องเจอกับ “สงครามโลกครั้งที่ 3” หรือ “สงครามนิวเคลียร์” ก็แล้วแต่ ของพวก “Deep State” ทั้งหลายน่าจะลดความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของพวก “Deep State” ที่โตขึ้นมาจากอุตสาหกรรมอาวุธ และทำให้ประเทศอเมริกามักต้องหันไปใช้ “ลัทธิเคนเนเชียนทางทหาร” (Military Keynesianism) เป็นทางออก-ทางไปมาโดยตลอด โอกาสที่จะปล่อยให้ “ทรัมป์บ้า” เป็น “ตัวปัญหา” หรือเป็น “ผู้สร้างปัญหา” ให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ไปโดยตลอดในอีก 4 ปีข้างหน้า ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ-สบายๆ อีกเช่นกัน ขนาด “JFK” หรืออดีตประธานาธิบดี “จอห์น เอฟ. เคนเนดี” ผู้เคยคิดจะยุติ “สงครามเวียดนาม” ยังม่อยกระรอกกันเห็นๆ ดังนั้น...ไม่ว่าจะอีก 4 เดือนข้างหน้าก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดี หรืออีก 4 ปีข้างหน้า หลังจากที่ได้ประธานาธิบดีอเมริกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โอกาสที่จะเกิด “อุบัติเหตุทางการเมือง” ในอเมริกาอีกครั้ง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!! และนั่นเอง...ที่น่าจะทำให้บรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย จำนวนถึง 87 เปอร์เซ็นต์ ตามที่สำนักโพล “Ipsos” เขาได้ลงมือสำรวจหลังการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” เพียงแค่ 3 วัน ต่างเชื่อว่าเหตุการณ์ “ความรุนแรง” จะต้องอุบัติขึ้นมาในสังคมอเมริกันไม่วันใด-วันหนึ่ง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ต่อไปอีกแล้ว จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็คงต้องคอยจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาได้โดยเด็ดขาด...