xs
xsm
sm
md
lg

เลือกเศรษฐาคนไทยเป็นเศรษฐี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ใกล้จะครบ 1 ปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สังคมก็เริ่มตั้งคำถามถึงความสามารถของเศรษฐา ทวีสิน เพราะสิ่งที่ประสบกันทุกภาคส่วนทุกชนชั้นก็คือสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง วันนี้ใครก็บอกว่า เศรษฐกิจไทยนั้นแย่มากในมุมมองของสื่อนอกและนักวิเคราะห์ต่างชาติผลสำรวจของสำนักข่าวBloomberg คาดว่า GDP ไทยไตรมาสแรกของปีนี้จะโตแค่0.8% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเท่ากันกับสำนักข่าว Reuters ที่สำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 19 รายในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

นอกจากนั้นตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ที่เข้ามายังประเทศไทย เมื่อเทียบกับหลายประเทศยังน้อยมากโดยFDI ของไทยยังต่ำสุดในกลุ่มประเทศสำคัญในอาเซียน โดยในปี 2566 FDI Netflow ของประเทศต่างๆ ในอาเซียนมีดังนี้ อินโดนีเซีย 21,701 ล้านดอลลาร์ มาเลเซีย 18,500 ล้านดอลลาร์ เวียดนาม 8,255 ล้านดอลลาร์ ส่วนประเทศไทยเพียง 2,969 ล้านดอลลาร์

ธนาคารโลก (World Bank) ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำเป็นต้องเลื่อนแผนการลดอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยธนาคารโลกประเมินว่าหากไม่มีโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ธปท.มีโอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 0.50%

การประเมินเบื้องต้นของธนาคารโลกวิเคราะห์ว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตอาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 0.5-1% ของ GDP แต่มีต้นทุนมากถึง 2.7% ของ GDP ประเทศไทย สรุปก็คือว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตของรัฐบาลนั้นได้ไม่คุ้มเสีย แม้ว่าถึงตอนนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเลยว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตดำเนินการไปถึงขั้นไหนสามารถเอาเงินจาก ธกส.บางส่วนมาใช้ได้หรือไม่ มีก็แต่เสียงยืนยันจากรัฐบาลว่า อย่างไรเสียโครงการนี้ก็จะต้องเดินหน้าให้ได้ คงจะไม่มีทางออกอื่นเพราะรัฐบาลได้สัญญากับประชาชนไว้แล้ว

เราไม่พูดกันถึงความขยันของนายกรัฐมนตรีนะครับ เพราะถ้านับการเดินสายไปต่างจังหวัดในเกือบทุกอาทิตย์ไม่เว้นวันหยุดราชการแล้วต้องตอบว่า นายกฯ เศรษฐานั้นเป็นคนขยันมาก แต่ถามว่า การเดินสายไปต่างจังหวัดนั้นได้ประโยชน์อะไรเป็นรูปธรรมบ้าง ก็ต้องตอบว่ายังไม่เห็น จนมีคนบอกว่า นายกฯอยู่ในทำเนียบรัฐบาลบ้างเถอะเพื่อจะได้มีเวลาในการบริหารราชการแผ่นดินบ้าง

แม้แต่คนกันเองอย่างนายวรชัย เหมะ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรียังออกมาพูดว่า อยากให้นายกฯแบ่งเวลาการลงพื้นที่มานั่งทำงานที่ทำเนียบฯ เรียกข้าราชการมารายงานความคืบหน้านโยบาย ไม่ใช่ตะบี้ตะบันลงพื้นที่โดยไม่เหลียวแลหลัง

อย่างไรก็ตาม มีคนตั้งข้อสังเกตเหมือนกันว่า การที่เศรษฐาเดินสายไปต่างประเทศบ้างต่างจังหวัดบ้างนั้น เพราะต้องการแสดงบทบาทของนายกรัฐมนตรีเพื่อให้สังคมเห็นเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเศรษฐาไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือใช่หรือไม่

ตอนนี้รัฐบาลแทบจะไม่พูดถึงโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีแล้ว แต่มุ่งเน้นไปที่แลนด์บริดจ์ที่นายกฯเซลส์แมนเดินขายไปทั่วโลก แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีนักลงทุนชาติไหนมาลงทุนเลย เพราะถูกตั้งคำถามว่า คุ้มค่าแค่ไหนและจะสามารถลดวันลงถ้าไม่ต้องขนถ่ายสินค้าผ่านช่องแคบมะละกาจริงๆ หรือมีคำถามว่าระยะเวลาในการขนส่งผ่านเส้นทางเชื่อมระหว่างท่าเรือทั้งสองไปจนถึงระยะเวลาในการยกตู้คอนเทนเนอร์ลงเรือบรรทุกสินค้าอีกลำนั้นต้องใช้เวลาเท่าไหร่ และมีต้นทุนในการขนตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้นนั้นจะคุ้มหรือไม่

สิ่งที่เป็นคำถามก็คือ ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการแลนด์บริดจ์ที่ต้องขนตู้สินค้าลงจากเรือลำหนึ่งแล้วลำเลียงด้วยรถไปขนขึ้นเรือสินค้าอีกฝั่งหนึ่งนั้นเป็นใคร ซึ่งน่าจะมีแต่เฉพาะสินค้าที่มีเป้าหมายปลายทางในประเทศไทยเท่านั้น

นอกจากธุรกิจน้อยใหญ่จะประสบกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำแล้ว สิ่งที่จะต้องประสบตามมาก็คือ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท ซึ่งน่าจะประกาศใช้ภายในเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคม ซึ่งสถาบันวิจัยป๋วย อึ๊งภากรณ์ ระบุว่า กลุ่มภาคการผลิตทั้งอาหาร สิ่งทอ ยาง อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีลูกจ้างบางส่วนหรือทั้งหมดที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่า 400 บาทต่อวันจะได้รับผลกระทบ

โดยผลการวิจัยระบุว่า ธุรกิจอาจจ้างงานลดลงโดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูงหรือในธุรกิจที่สามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทดแทนแรงงานได้ มีความเป็นไปได้ที่ธุรกิจขนาดเล็กอาจปิดตัวลงจากการเคลื่อนย้ายแรงงานจากบริษัทขนาดเล็กไปยังบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลิตภาพดีกว่าการลดต้นทุนในมิติอื่นๆเช่น สวัสดิการต่างๆ อาหารกลางวัน เงินพิเศษอื่นๆ ที่ไม่ใช่ค่าแรงหลักรวมถึงความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในการทำงานการส่งผ่านต้นทุนไปเป็นราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้นการเข้าและออกนอกระบบของนายจ้างและลูกจ้าง

ส่วนมาตรการให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปีตามกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิและให้ถือครองคอนโดฯ 75% ของรัฐบาลชุดนี้ก็ถูกตั้งคำถามว่า ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยจริงๆ หรือ แม้จะทำให้มีการไหลเข้ามาของเงินทุนและการลงทุนภาคอสังหาฯ จากต่างชาติเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

แต่ที่ตามมาก็คือ การถือครองโดยชาวต่างชาติอาจส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่งผลให้ราคาสูงขึ้น และทำให้คนในท้องถิ่นซื้อบ้านได้ยากขึ้นซึ่งอาจทำให้ปัญหาเรื่องความสามารถในการซื้อบ้านแย่ลงซึ่งเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษมาแล้ว เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากการถือครองโดยชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ช่องว่างด้านความมั่งคั่งกว้างขึ้น ทำให้ผู้อยู่อาศัยที่มีรายได้น้อยเข้าถึงที่อยู่อาศัยในทำเลที่ต้องการได้ยากขึ้น ถึงวันนั้นคนไทยก็จะไม่มีปัญญามีบ้านของตัวเอง หรือไม่ก็ต้องซื้อบ้านในพื้นที่ห่างไกลมากทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นในการเดินทาง

และคำถามสำคัญก็คือ นโยบายนี้ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะเป็นที่รู้กันว่า ธุรกิจของนายกรัฐมนตรีคือธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์รวมไปถึงคำถามการลงภูเก็ตถี่ยิบ พร้อมกับการเติบโตของแสนสิริในพื้นที่นั้นด้วย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศหุ้นตกไปแล้วกว่า 200 จุด การลงทุนในแต่ละวันมีตัวเลขที่ต่ำมาก สะท้อนถึงการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่อันดับท้ายของโลกผลตอบแทนแย่กว่าตลาดหุ้นโลกกว่า 50% ตกต่ำสุดในรอบ 4 ปีมูลค่าตลาดหายไปกว่า 4 ล้านล้าน

ซึ่งนักลงทุนมองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด นั่นยิ่งสะท้อนว่าจะต้องพึ่งพาความสามารถและศักยภาพในการบริหารงานของรัฐบาลเป็นสำคัญ

ผมไม่รู้หรอกว่า กระแสคิดถึงลุงตู่นั้นเป็นกระแสที่ถูกสร้างขึ้นหรือว่า เป็นความรู้สึกของประชาชนจริงๆ แต่ถึงวันนี้ยังมองไม่ออกเลยว่า รัฐบาลเศรษฐาจะนำพาชาติให้รอดพ้นจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำนี้อย่างไร

แต่ถ้าเราจำกันได้ตอนที่หาเสียงเลือกตั้งนั้นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยพยายามบอกกับประชาชนว่า “เลือกเศรษฐา คนไทยจะได้เป็นเศรษฐี” ถามว่า ถึงตอนนี้มีใครได้เป็นเศรษฐีหรือยังแล้วคิดว่าความหวังในการเป็นเศรษฐีของคนไทยจะยังมีอยู่อีกมั้ย

ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 


กำลังโหลดความคิดเห็น