ยุคจัญไรกาลีเมืองผยอง

แผ่นดินสยามและมาเป็นประเทศไทยหลังจากที่อยู่รอดมานานหลายร้อยปี โดยไม่เป็นเมืองขึ้นของนักล่าอาณานิคมตะวันตก เป็นเพราะพระปรีชาสามารถของผู้นำ นั่นคือพระมหากษัตริย์

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์ไทย รวมทั้งการกบฏในปี 2475 โดยกลุ่มผสมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร แต่อ้างว่าตัวเองเป็นคณะราษฎร ล้มล้างระบบกษัตริย์แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด

หลายคนต้องกระเซอะกระเซิงหนีไปตายต่างประเทศเพราะเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจ หักล้างกันเอง คนในประเทศนี้เชื่อว่าแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์เสมอ

กลุ่มคนชั่วร้ายที่ได้ยึดครองอำนาจรัฐด้วยวิธีการต่างๆ ก็อยู่ได้ไม่นาน บ้างก็แพ้ภัยตัวเอง และล้มล้างทรยศหักหลังตามแบบฉบับของคนคิดไม่ซื่อต่อกัน

แต่แผ่นดินไทยจะมีกลุ่มคนอยู่ในประเภทเสนียดจัญไรมาก่อเหตุ ความวุ่นวาย ความไม่สงบ เหตุการณ์ต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเช่นกัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากแผ่นดินอื่นซึ่งมีคนชั่วร้ายเกิดมาสร้างปัญหาและวิกฤตเช่นกัน

เราผ่านวิกฤตการเมืองเป็นผลของการแย่งชิงอำนาจและมีมวลชนต่อต้านพฤติกรรมนักการเมืองประพฤติมิชอบ เกิดเหตุร้ายปะทะกันเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องจัดการ บางช่วงผู้มาแก้ปัญหาก็ถือโอกาสรวบอำนาจ หาผลประโยชน์เสียเอง

ประเทศไทยจึงไม่มีโอกาสได้คนดีใจซื่อมือสะอาดคิดดีทำดีต่อแผ่นดินมาบริหารบ้านเมืองระยะยาวนาน อาจจะเป็นเพราะว่าแผ่นดินนี้อุดมสมบูรณ์ ไร้วิบัติภัยร้ายแรงเหมือนในประเทศอื่นจึงต้องมีผู้บริหารบ้านเมืองชั่วร้ายมาถ่วงการพัฒนา

ที่ร้ายกว่านั้นคนมีอำนาจบางช่วงได้พยายามทำให้บ้านเมืองอ่อนแอ ประชาชนแตกแยก สร้างค่านิยมผิดๆ ส่งเสริมการทุจริตคอร์รัปชัน ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงข้าราชการ ทำให้กลไกระบบนิติรัฐนิติธรรม กระบวนการยุติธรรมเสื่อมอำนาจ

การทุจริตคอร์รัปชันแพร่กระจายทำให้กลไกอำนาจรัฐไม่มีประสิทธิภาพ เพราะข้าราชการต่างหวังผลประโยชน์และอิงอำนาจการเมืองทำให้ประชาชนขาดที่พึ่ง บ้านเมืองไร้ทิศทางระดับศีลธรรม จริยธรรมเสื่อมโทรมเช่นกัน

มายุคนี้คนรุ่นใหม่มีความคิดอ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ตั้งพรรคการเมืองและกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ทำการจาบจ้วงหยาบช้าสถาบันกษัตริย์อย่างไม่เกรงกฎหมาย

สถาบันการศึกษามีอาจารย์และนักรับจ้างสอนหนังสือปลุกปั่นความคิดเด็กรุ่นใหม่ให้เบี่ยงเบนจากการยอมรับนับถือสถาบันกษัตริย์ ตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวและใช้ความรุนแรงปะทะเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

หลายคนมีคดีติดตัวมากมายเกี่ยวโยงกับการละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นเป้าหมายของการแก้ไขโดยพรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ และเครือข่ายซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนต่างประเทศ

ความก้าวร้าวของเยาวชนกลุ่มต่างๆ ต่อสถาบันกษัตริย์และท้าทายกฎหมาย ทำให้เกิดปัญหาและเปิดช่องให้ชาติตะวันตกเข้ามาแทรกแซงยุยงปลุกปั่นเคลื่อนไหวเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในฮ่องกง

กลุ่มเยาวชนซึ่งเคลื่อนไหวด้วยเจตนาร้ายจึงมีพฤติกรรมเป็นเสนียดจัญไรแผ่นดิน ไม่คู่ควรกับการเป็นประชาชนบนแผ่นดินนี้ ขาดจิตสำนึกของความเป็นชาติ เป็นกลุ่มไร้ราก ไม่เคารพนับถือแม้กระทั่งพ่อแม่ครูบาอาจารย์

ถือว่าเป็นตัวกาลีบ้าน กาลีเมือง อย่างแท้จริง

การอาศัยความเป็นเยาวชนเคลื่อนไหวเป็นแนวหน้าเพราะโดนปั่นหัวโดยกลุ่มผู้ที่ต้องการใช้เด็กไร้เดียงสาเป็นเครื่องมือสมควรถูกจัดการโดยกฎหมายบ้านเมือง แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังไม่ปฏิบัติงานสมกับตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์และเงินภาษีของประชาชน

กรณีผู้หญิงสองรายขับรถยนต์ไล่ตามขบวนเสด็จของกรมสมเด็จพระเทพฯ และทะเลาะกับตำรวจด้วยกิริยาจัดจ้านทำให้เห็นว่าเป็นความตั้งใจที่จะสร้างผลงานผสมกับเจตนาร้ายชัดเจน

แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดูเหมือนจะรอดูท่าที แม้กระทั่งผู้นำรัฐบาล จนถูกกระแสสังคมกดดันให้ออกมา “กำชับ” เจ้าหน้าที่ให้ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะการให้ความคุ้มครองรถขบวนเสด็จ

นี่ก็เป็นสิ่งพิลึกกึกกือเพราะถ้าทุกอย่างต้องให้ผู้นำรัฐบาลกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนคงมองเห็นแล้วว่าบ้านเมืองไปต่อลำบากอันเป็นผลจากการเสื่อมของระบบนิติรัฐนิติธรรมและเห็นชัดในกรณีนักโทษชายเด็ดขาดอยู่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ

หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นทำให้ประชาชนสงสัยว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังเป็นที่พึ่งหวังได้อีกหรือไม่ เพราะพฤติกรรมชั่วร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นยังไม่มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพจัดการได้

ความชั่วร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนดีอยู่เฉยๆ ไม่ยอมทำอะไร จึงทำให้ผู้กระทำความชั่วได้ใจ จะเป็นอย่างนี้อีกนานหรือไม่ เพราะรัฐบาลนี้คงไม่ได้เป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้

บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไปขึ้นอยู่กับว่าคนดี ร่วมกันรักษาไว้ให้อยู่รอดได้หรือไม่