ตั้งแต่เดือนหน้า...ช่วงกุมภาพันธ์ไปจนถึงพฤษภาคมโน่นเลย เห็นว่าองค์กรพันธมิตรทางทหารของโลกตะวันตกที่เรียกๆ กันว่า “NATO” เขาคงไม่ได้คิดจะ “No Action talk Only” หรือเอาแต่พูดไป-พูดมาลูกเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่กำลังเตรียมที่จะ “ซ้อมรบ” ในระดับที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นับจากยุคสงครามเย็นเป็นต้นมาเอาเลยถึงขั้นนั้น หรือในปฏิบัติการที่ให้ชื่อเอาไว้ว่า “Exercise Steadfast Defender 2024” โดยมีชาติสมาชิกตะวันตก 31 ประเทศ รวมทั้งสวีเดนที่เพิ่งเข้าร่วมโดยยังไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ ระดมกำลังทหารถึง 90,000 นาย เพื่อเตรียมรับมือ “ภัยคุกคาม” ที่คงหนีไม่พ้นไปจากบรรดา “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างจีน-รัสเซีย ไปจนถึงอิหร่าน เกาหลีเหนือ นั่นแล...
เพราะอย่างที่รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ “นายGrant Shapps” เคยออกมาเขย่าขวัญเอาไว้แล้วล่วงหน้านั่นแหละว่า ภายในอีก 5 ปีนับจากนี้ บรรดาชาติสมาชิก “NATO” ทั้งหลาย จะต้องเตรียมตัว “ปะ-ฉะ-ดะ” กับจีน-รัสเซีย-อิหร่าน-เกาหลีเหนืออย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ หรือแม้แต่รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี “นายBoris Pistorius” ที่ออกมาโพนทะนากับสถานีวิทยุ “ZDF” ของเยอรมนี ประมาณว่า “เยอรมนีจะต้องเตรียมตัวรับมือกับความเป็นไปได้ในการบุกโจมตีของรัสเซีย” เมื่อช่วงวัน-สองวันมานี้ ส่วนประเทศเสาหลักของยุโรปและ “NATO” อีกรายอย่างฝรั่งเศส แม้ว่าจะไม่พูด-ไม่จาใดๆ ออกมาให้ชัดๆ แต่การที่ “ทหารรับจ้างฝรั่งเศส” ไปรบราฆ่าฟันกับทหารรัสเซีย จนต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึงรวดเดียวเกือบร้อยรายที่เมือง “Kharkov” ในสมรภูมิยูเครน ก็อาจถือเป็นการ “ส่งสัญญาณ” ว่าบรรดาลูกหลาน “นโปเลียน” ชักจะเปรี้ยวมือเปรี้ยวตีน ขึ้นมามั่งแล้ว!!!
แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าโลกตะวันตกที่นำโดยคุณพ่ออเมริกาและบรรดาชาติพันธมิตรยุโรปและ “NATO” ทั้งหลาย คิดจะรบกับจีน กับรัสเซีย กับอิหร่าน-เกาหลีเหนือในช่วงอนาคตเบื้องหน้า หรือไม่? ประการใด? ก็ตามที แต่ทุกวันนี้...ไม่ว่าจะอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ หรือประเทศหลักๆ ในชาติตะวันตก ต่างหนีไม่พ้นที่ต้องหันมา “รบกับผู้คนในประเทศตัวเอง” กันไปเป็นรายๆ อันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ น่าคิดสะกิดใจ มิใช่น้อย ว่าสุดท้ายแล้ว...จะเหลือเรี่ยว เหลือแรง มารบกับฝ่ายตรงข้าม หรือกับ “มหาอำนาจคู่แข่ง” ได้อีกมาก-น้อยขนาดไหน??? เพราะแต่ละรายล้วนแต่ออกอาการ “อ่วมอรทัย กาญจนชูศักดิ์” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง...
อย่างฝรั่งเศส...ช่วงระหว่างนี้ ต้องรบกับพวกชาวไร่-ชาวนาในประเทศตัวเองอย่างชนิดดุเดือด เลือดพล่าน เป็นอย่างยิ่งระดับถือว่าใกล้ๆ “ปฏิวัติฝรั่งเศสยุคใหม่” เอาเลยถึงขั้นนั้น เพราะไม่เพียงพวกชาวนา-ชาวไร่ฝรั่งเศสจะไสรถแทรคเตอร์ออกมาปิดถนนกันไปเป็นสายๆ ถ้าว่ากันตาม “โพล” ของสำนักสำรวจวิจัยความคิดเห็นอย่าง “Odoxa poll” คราวล่าสุด ปรากฏว่าคนฝรั่งเศสถึง 89 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ หันมาเชียร์ หันมาถือหางพวกชาวไร่-ชาวนาอย่างแทบเป็นเอกฉันท์ เนื่องจากความเห็นอก-เห็นใจต่อความเดือดร้อนลำเค็ญ ของบรรดาเกษตรกรทั้งหลายที่ไม่เพียงต้องเจอกับ “ราคาพลังงาน” ที่แพงแสนแพงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าโดยนโยบายรัฐบาลที่ต้องการขจัดการใช้พลังงานฟอสซิลให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ หรือนโยบาย “แซงชั่น” พลังงานราคาถูกจากรัสเซีย ตามคำบงการ หรือการยุแยงตะแคงรั่วของคุณพ่ออเมริกา แต่ยังต้องเจอกับความตกต่ำของ “ราคาสินค้าการเกษตร” อันเนื่องมาจากการเปิดช่อง เปิดทาง ของพวกผู้นำในสหภาพยุโรปเพื่อให้สินค้าการเกษตรของประเทศที่ตัวเองสนับสนุน อุ้มชูฟูฟัก อย่างยูเครน มีโอกาสระบายออกสู่ตลาด...
ส่งผลให้ไม่เพียงแต่ชาวไร่-ชาวนาฝรั่งเศสเท่านั้นที่ลุกขึ้นมาประท้วง ต่อต้าน ลุกขึ้นมารบกับรัฐบาลตัวเอง บรรดาชาวไร่-ชาวนาในหมู่ชาติตะวันตก อย่างโปแลนด์ โรมาเนีย เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ที่ต่างได้รับผลกระทบจากสินค้าการเกษตรของยูเครน ต่างหันมาเชียร์ชาวนาฝรั่งเศส หรือไม่ก็ลุกขึ้นมาประท้วงรัฐบาลตัวเอง จนเป็นอะไรที่น่ากลัว น่าหวาดหวั่น ขวัญสยองยิ่งกว่า “Russian are coming” เป็นไหนๆ เพราะถือเป็นการส่งเสริม สนับสนุน ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลในแต่ละประเทศยุโรป ชนิดส่งผลให้ “กระแสเอียงขวา” ในหมู่ชาติตะวันตก ต่างมาแรง-แซงโค้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเยอรมนีนั้น ถึงขั้นเกิดข่าวล่า-ข่าวลือว่า “พิชัย นริพทะพันธุ์” (หัวล้าน)แห่งเยอรมนี อย่าง “นายOlaf Scholz” กำลังคิดจะ “ลาออก” เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยเฉพาะถ้าดูจาก “โพล” ของ “INSA Institute” ที่ได้ไปสำรวจความคิด ความเห็นของบรรดาชาวไส้กรอกก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่วัน ปรากฏว่าชาวเยอรมันกว่า 64 เปอร์เซ็นต์ต่างปรารถนาและต้องการที่จะให้ผู้นำรายนี้ ลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระ หรือต่างเบื่อหน่ายและระอาต่อรัฐบาลปัจจุบันเต็มที...
ส่วนสุนัขพูเดิลอเมริกา หรือพวก “ผู้ดีอังกฤษ” ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง...ไม่เพียงแต่ประเทศทั้งประเทศที่เคยได้ชื่อว่า “จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน” จะตกต่ำ เสื่อมโทรม ถึงขั้นผู้คนในประเทศต้อง “อดมื้อ-กินมื้อ” ล่าสุด...ถ้าว่ากันตามข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่องค์กรเอกชนฝ่ายกลางๆ อย่าง “End Fuel Poverty Coalition” เพิ่งนำเสนอออกมาเป็นรายงานถึงความขาดแคลนพลังงานในประเทศอังกฤษ โดยสรุปเอาไว้ชัดเจนว่าส่งผลให้พวกผู้ดีทั้งหลายถึงขั้น “หนาวตาย” ไปในช่วงหน้าหนาวปีที่แล้วไม่น้อยกว่า 5,000 คนเอาเลยถึงขั้นนั้น ไม่เพียงเท่านั้น...บรรดาประชากรผู้สูงอายุชาวอังกฤษไม่ต่ำกว่า 8.3 ล้านคน ยังต้องหนาวสั่น งอกองอขิง อยู่ในที่พักอาศัยที่ไม่มีระบบฉนวนป้องกันที่ดีพอ ในขณะที่รัฐบาลกลับปล่อยให้บริษัทพลังงานของเอกชน กดขี่ บังคับให้พวกผู้ดีแต่ละราย ต้องจ่ายค่าพลังงานล่วงหน้า...
นี่...จะถึงขั้นแฟนผีแดง-แมนยูฯ แฟนหงส์แดง-ลิเวอร์พรุน แฟนไก่เดือยทอง-สเปอร์ ฯลฯ จะต้องหันมารวมมือ รวมตีน เพื่อเล่นงานรัฐบาลของ “นายฤาษี สุนัข” (Risshi Sunak) กันในตอนไหน? เมื่อไหร่? ก็ยังไม่เป็นที่สรุปชัด แต่คงไม่น่าจะยืดเยื้อยาวนานเกินไปกว่า 5 ปีนับจากนี้ โดยเฉพาะถ้ารัฐบาลอังกฤษยังคงเอาแต่วิ่งไล่ตามสูดกลิ่นมาดามหอมชื่นใจจากรูทวารของคุณพ่ออเมริกา โดยไม่คิดจะหันมาสนใจต่อประชาชนในประเทศตัวเองอย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว การประท้วง ต่อต้านรัฐบาลอังกฤษที่อุบัติขึ้นมาเป็นระยะๆ ไม่ต่างไปจากการประท้วง ต่อต้านรัฐบาลในประเทศยุโรปอื่นๆ ก็อาจส่งผลให้ชาติยุโรปทั้งยุโรปเกิดอาการ “พลิกหน้ามือ-เป็นหลังตีน” หรือ “พลิกหลังตีน-เป็นหน้ามือ” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...
สำหรับผู้นำโลกตะวันตกอย่างคุณพ่ออเมริกานั้น...ไม่ใช่แค่การสู้แบบชนิด “ไม่มึง-ก็กู...ต้องตายไปข้าง” ระหว่าง “ทรัมป์บ้า” กับ “โจ ซึมเซา” เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงปลายปีนี้เท่านั้น ที่ส่งผลให้สีสัน บรรยากาศ ของการเมืองอเมริกาใกล้ยกระดับถึงขั้น “สงครามกลางเมือง” ยิ่งเข้าไปทุกที แต่ยังมีความขัดแย้งระหว่าง “รัฐบาลท้องถิ่น” กับ “รัฐบาลกลาง” หรือรัฐบาล “โจ ไบเดน” กับผู้ว่าการรัฐเท็กซัส อย่าง “นายGreg Abbot” ในเรื่องการคลี่คลายปัญหา “วิกฤตชายแดนเม็กซิโก” ชนิดใกล้จะลุกลามไปถึงขั้นแยกฝ่าย แยกดินแดน เกิดการเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังรัฐบาลกลางกับกองกำลัง “The Texas National Guard” โดยต่างฝ่ายต่างอาศัย “กฎหมาย” เป็นเหตุผลข้ออ้างไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือถึงขั้นใกล้จะกลายเป็น “Civil War 2.0” ในสายตาอเมริกันชนเอาเลยถึงขั้นนั้น...
เพราะไม่เพียงรัฐบาลท้องถิ่นแห่งรัฐเท็กซัส จะออกมาประณามถึงความหย่อนยานของรัฐบาลกลางในการปกป้องชายแดนจนทำให้เกิดการไหลทะลักของบรรดาผู้อพยพหลบหนีเข้าเมือง ชนิดอดีตประธานาธิบดีพรรครีพับลิกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” ต้องลงทุนสร้างรั้ว ล้อมรั้ว ตั้งแต่ครั้งเป็นผู้นำคราวที่แล้ว แต่การ “ตีความกฎหมาย” ระหว่างศาลสูงสหรัฐฯ กับผลประโยชน์ท้องถิ่น ที่หา “จุดลงตัว” แทบไม่ได้ ยังทำให้ยิ่ง “ใกล้เลือกตั้ง” ยิ่งเข้าไปเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดการหันมา “สู้กันเอง” ระหว่างชาวอเมริกันด้วยกัน ยิ่งมีแต่จะดุเดือดเลือดพล่านยิ่งขึ้นไปเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (25 ม.ค.) สัปดาห์ที่แล้วนี่เอง บรรดา สส.พรรครีพับลิกัน ไม่น้อยกว่า 25 คน ถึงขั้นลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก ประกาศสนับสนุนผู้ว่าการรัฐเท็กซัสอย่างชนิดเคียงบ่า-เคียงไหล่ ไม่น้อยไปกว่าการ “ดมก้นอเมริกา” โดยพวก “NATO” ทั้งหลายเอาเลยแม้แต่น้อย...
ดังนั้น...แค่มองดูจาก “แนวโน้ม” เหล่านี้ คงต้องยอมรับว่าไม่ว่าอเมริกาและโลกตะวันตกกำลังคิดจะสู้กับจีน กับรัสเซีย กับอิหร่าน กับเกาหลีเหนือ เมื่อไหร่? อย่างไร? แบบไหน? ก็ตามที แต่การที่ต้องหันมาสู้กับ “ตัวกูเอง” หรือประชาชนของตัวเองภายในประเทศแต่ละประเทศ โอกาสที่จะ “La Defaite de L’Occident” หรือ “The Defeat of the West” ชนิดพังพินาศแพ้พ่ายไปทั้งโลกตะวันตกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ โดยไม่ต้องเอา 100 บาทหรือเอาอุจจาระสุนัขกองเดียว เอาเลยก็ยังได้!!!