เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวะไปแถวๆ ยุโรปอีกสักเที่ยว ด้วยเหตุเพราะช่วงระหว่างนี้แนวโน้ม “กระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง” หรือจะเรียกว่า “กระแสลมฝ่ายขวา” ก็คงพอได้...ชักมาแรง-แซงโค้ง ชนิดอาจพัดพายุโรปทั้งยุโรป หกคะเมนตีลังกา ล้มคว่ำคะมำหงาย แทบไม่มีโอกาส “ใส่เกลียว” บิดไป-บิดมาได้เลยแม้แต่น้อย หรืออาจก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อ “แนวรบยุโรปตะวันออก” แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ชนิดไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้อีกเลย!!!
โดยเฉพาะเมื่อ “ผลการเลือกตั้ง” ของหนึ่งในประเทศสมาชิกอียู อย่างเนเธอร์แลนด์ได้ปรากฏให้เห็นเป็นที่ชัดเจนเมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย.) นั่นก็คือพรรคขวาจัดระดับ “Far-Right Radical” ของ “นายGeert Wilders” หรือพรรค “PVV” (Party for Freedom) สามารถกวาดที่นั่งเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ ได้ถึง 37 ที่นั่ง หรือ 23.6 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนเสียงทั้งหมด เอาชนะบรรดาพรรคที่เป็นรัฐบาลในปัจจุบัน ไม่ว่าพวกกลาง-ซ้าย กลาง-ขวา ชนิดต้องนิมนต์พระเดินนำหน้า สวดกุสลา ธัมมา-อกุสลา ธัมมา ก่อนแบกขึ้นเมรุ หรืออาจต้องหมดสภาพความเป็นรัฐบาล ถ้าไม่ถูกดึงเข้ามาร่วมรัฐบาลผสมที่หัวหน้าพรรคขวาจัด ผู้ซึ่งประกาศต่อต้านผู้อพยพ ต่อต้านมุสลิม ไม่เห็นด้วยกับการส่งอาวุธไปช่วยเหลือประเทศยูเครนในการทำศึกสงครามกับรัสเซีย รวมทั้งยังแสดงความปรารถนาอยากให้มีการ “ลงประชามติ” ของชาวดัตช์ทั้งหลาย ว่าอยากอยู่ร่วมกับอียู หรืออยากแยกตัวออกมา (Nexit) แบบเดียวกับพวกผู้ดีอังกฤษ (Brexit) หรือไม่? อย่างไร? กำลังจะผงาดขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้...
คือเฉพาะแค่อันนี้อันเดียว...คงไม่ถึงกับทำให้บรรดานักการเมืองในยุโรป ออกอาการ “ช็อก” มากมายสักเท่าไหร่นัก แต่ด้วยเหตุเพราะในการเลือกตั้งของประเทศอียูครั้งแล้ว-ครั้งเล่า “กระแสลมแห่งพวกฝ่ายขวา” กลับยิ่งมีแต่จะมาแรง-แซงโค้งยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าการเลือกตั้งในประเทศฮังการีเมื่อปี ค.ศ. 2022 ที่ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี “Victor Orban” หวนกลับมาสอดแทรกเป็น “ยาดำ” เกิดการคิดต่าง-เห็นต่างกับบรรดาผู้นำยุโรปด้วยกันเอง โดยเฉพาะกับนโยบายต่างประเทศที่มีต่อหมีขาวรัสเซีย จนอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นางHillary Clinton” ออกอาการเปรี้ยวมือ-เปรี้ยวตีนมาแล้วหลายครั้งหลายหน ตามด้วยการเลือกตั้งในประเทศอิตาลี ที่พรรคการเมืองฝ่ายขวาอย่างพรรค “Brothers of Italy Party” ของ “นางGiorgia Meloni” ผงาดขึ้นเป็นรัฐบาลซะเฉยเลย ไปจนการเลือกตั้งในประเทศสโลวาเกีย เมื่อไม่นานมานี้นี่เองที่ส่งผลให้ “นายRobert Fico” แห่งพรรค “Smer” (Direction-Social Democracy) ผู้มีแนวคิดต่อต้านอียูและไม่คิดจะส่งอาวุธไปช่วยรัฐบาล-กองทัพยูเครน ผงาดขึ้นเป็นผู้นำประเทศจนได้ ยิ่งต้องมาเจอผลเลือกตั้งเนเธอร์แลนด์ในลักษณะดังกล่าว ปรากฏการณ์ความเป็นไปเช่นนี้...เลยถึงกับถูกสรุปว่าถือเป็น “ฝันร้ายสุดๆ ของอียู” พอๆ กับครั้งที่ “ทรัมป์บ้า” หักปากกาเซียน ชนะเลือกตั้งในอเมริกาเมื่อครั้งกระโน้นนั่นเอง...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ นักวิจารณ์ทั้งหลาย เขาถือเป็นการ “ส่งสัญญาณ” แบบถนัดชัดเจนแจ่มแจ้ง แดงแจ๋ ถึง “การเปลี่ยนแปลง” ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับบรรดาประเทศยุโรปทั้งยุโรป ซึ่งเคยอยู่ภายใต้บทบาท อำนาจของพวก “เสรีนิยม” พวก “ลิเบอร่าน” มาโดยตลอด หรือพวกที่ไหลไปตามกระแสโลก กระแสโลกาภิวัตน์ (จากด้านบน) ที่ไม่ได้สนใจเขตแดน พรมแดน เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ความเป็นรัฐชาติอีกต่อไป อันทำให้เกิดการ “คิดต่าง-เห็นต่าง” ระหว่าง “ปวงชน” กับ “รัฐ” อย่างชนิดนับวันยิ่งแยกห่างออกไปจากกันทุกที หรือดังที่ “นายGabor Stier” นักวิเคราะห์ด้านนโยบายต่างประเทศของสื่อฮังการี ถึงกับสรุปไว้ว่า... “นี่คือ...วิกฤตแห่งระบบ ที่บรรดาประเทศยุโรปกำลังต้องเจอกับประสบการณ์อันเลวร้ายที่นับวันมีแต่จะเลวลงๆ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ” อันเนื่องมาจากประชาชนในโลกตะวันตก ต่างกำลังไม่พอใจต่อ “คำตอบ” ที่ผู้นำทางการเมืองให้กับพวกเขา มาตั้งแต่ครั้งเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “Covid-19” มาจนกระทั่งสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย...
จริง-ไม่จริง...ก็ลองไป “ชั่งน้ำหนัก” ดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ ก็คือด้วยสภาวะความเลวร้ายทางเศรษฐกิจ นับตั้งแต่ครั้ง “Covid-19” เป็นต้นมา จนถึงการยอมศิโรราบ ยอมเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้กับคุณพ่ออเมริกา ด้วยการต่อต้าน ปฏิเสธ หรือการ “แซงชั่นรัสเซีย” ทั้งที่ต่างก็เคย “พึ่งพา” พลังงานราคาถูกจากประเทศนี้มาโดยตลอด ฯลฯ อันทำให้ถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วยภาวะเงินเฟ้อ ข้าว-ของแพง ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนยากลำบากชนิดถึงขั้น “อดมื้อ-กินมื้อ” เอาเลยก็ยังมี แถมยังไม่มีแนวโน้มที่จะเงยหน้า-อ้าปากได้เลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ อย่าง “นายCyrus de la Rubia” หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ “Hamburg Commercial Bank” กล้าออกมาฟันธง-ฟันเฟิร์มกับสำนักข่าว “Bloomberg” เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (23 พ.ย.) ว่ามีสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า “เศรษฐกิจอียูทั้งอียู” กำลังเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” ภายในสิ้นปีนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้!!!
โดยเฉพาะเมื่อ “เสาหลัก” ของอียู อย่างเยอรมนีและฝรั่งเศส...ต่างก็ตกอยู่ในสภาพ “กรอบเป็นข้าวเกรียบ” ไปด้วยกันทั้งคู่ ยิ่งโดยเฉพาะไส้กรอกเยอรมันยิ่งแล้วใหญ่ ถึงขั้นศาลเยอรมนี (Federal Constitutional Cort) ต้องออกคำสั่งห้ามไม่ให้เอาเงินงบประมาณกองทุนที่เคยจัดตั้งไว้บรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “Covid-19” จำนวนประมาณ 60,000 ล้านยูโร ไปใช้อย่างอีลุ่ยฉุยแฉก ส่งผลให้รัฐมนตรีคลังเยอรมนี “นายChristian Lindner” ต้องออกมาประกาศหยุดการใช้จ่ายเงินในโครงการสาธารณะต่างๆ อันอาจรวมไปถึงเงินช่วยเหลือประเทศยูเครนที่เคยกะว่าจะเพิ่มจาก 5,400 ล้านยูโรในปี ค.ศ. 2023 ขึ้นไปถึง 8,000 ล้านยูโรในปี ค.ศ. 2024 อาจถึงขั้นต้อง “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” หรืออาจ “ไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย” เอาดื้อๆ!!! ส่งผลให้ไม่เพียงแต่ “ตัวตลก-ตัวแทน” ของโลกตะวันตกอย่างยูเครน ต้องนอนสะดุ้งจนเรือนไหวในทุกวันนี้ แต่ยังทำให้คะแนนนิยมของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ที่นำโดย “พิชัย นริพทะพันธุ์(หัวล้าน)แห่งเยอรมนี” อย่าง “นายOlaf Scholtz” ร่วงผล็อยๆ ลงกราวรูด ขณะที่พรรคฝ่ายขวาคู่แข่งรัฐบาลอย่างพรรค “AFD” (Alternative for Germany) กลับมาแรง-แซงโค้ง คะแนนนิยมสูงกว่าทุกๆ พรรคที่ร่วมเป็นรัฐบาล จนนักวิเคราะห์อย่าง “นายGabor Stier” ถึงกับฟันธงไว้ล่วงหน้า ว่าเยอรมนีนี่แหละ...จะเป็น “รายต่อไป” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะถูกพลิก-ถูกเปลี่ยนไปภายใต้กระแสลมของฝ่ายขวา อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...
ส่วนฝรั่งเศสก็ไม่ต่างอะไรไปจากกัน...คะแนนนิยมของพรรคแนวร่วมฝ่ายขวานำโดย “นางMarine Le Pen” เขยิบสูงขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน “นายEmmanuel Macron” สั่งให้เจ้าหน้าที่ออกไปไล่ทุบ ไล่กระทืบบรรดาปวงชนชาวฝรั่งเศส ไม่ว่าในเรื่องปัญหาปากท้อง ค่าจ้าง ค่าตอบแทน ค่าเงินบำนาญ ไปจนการเอามือซุกหีบต่อการไล่ฆ่า ไล่ปราบบรรดาชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกกลาง โดยกองทัพอิสราเอล ฯลฯ เรียกว่า...บรรดาเสาหลักของอียูในแต่ละเสา ไม่ว่าเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ฯลฯ ต่างกำลังง่อนๆ แง่นๆ ต่างทำท่าว่าจะล้มแหล่-มิล้มแหล่ไปด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น...โอกาสที่ยุโรปทั้งยุโรป จะเกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกหน้ามือ-เป็นหลังตีน ย่อมกำลังใกล้จะมาถึง ใกล้จะคัมมิ่ง-ซูน อีกไม่ช้านานนับจากนี้ ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ไม่ว่าจะโดยการพังครืนลงไปทั้งแผง หรือการกระจัดกระจายแตกแยกย่อยกลับคืนไปสู่สภาพเดิม ก่อนหน้าที่จะกลายมาเป็นอียูและอีย้วยในตราบเท่าทุกวันนี้...
อันนี้นี่แหละ...ที่จะทำให้ ไม่เพียงแต่จะนำไปสู่การ “ปิดฉาก-ปิดกล่อง” สงครามยูเครน-รัสเซีย ในแนวรบยุโรปตะวันออกแต่เพียงลำพังเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่ “การเปลี่ยนโลกทั้งโลก” หรือจากโลกที่เคยตกอยู่ภายใต้อำนาจ อิทธิพลของตะวันตกมาตลอดนับศตวรรษ ให้กลายเป็นโลกที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป โลกที่บรรดา “ขั้วอำนาจ” ต่างๆ ที่มีอธิปไตยของตัวเองต่างเป็นอิสระต่อกันและกัน ไม่มีใครต้องตกอยู่ในสภาพ “พรมเช็ดเท้า” ของประเทศหนึ่ง-ประเทศใด อันเป็นความอิสระภายใต้พื้นฐานแห่งความเท่าเทียมของบรรดาประเทศต่างๆ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าโลกเหนือหรือโลกใต้ ฯลฯ หรือโลกที่ประกอบไปด้วย “หลายขั้วอำนาจ” ไม่ใช่โลก “ขั้วอำนาจเดียว” อีกต่อไปโดยเด็ดขาด!!!