ความจนตามนัยแห่งคำสอนของพุทธศาสนาหมายถึง ความไม่มีทรัพย์สิน เงินทองเพียงพอที่จะจับจ่ายใช้สอยเลี้ยงตนเอง และครอบครัวให้อยู่ดี กินดีตามอัตภาพ และเป็นเหตุให้ต้องเป็นหนี้
ดังนั้น คนจนความหมายข้างต้นก็คือ คนที่ไม่มีเงินทองเพียงพอที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงตนเอง และครอบครัว จึงต้องเป็นหนี้เพื่อนำเงินมาใช้
แต่คนจนตามความหมายทางราชการหมายถึง ผู้มีรายได้น้อยหรือมีรายได้ต่อปีต่ำกว่ามาตรฐานที่ทางการกำหนด โดยอิงมาตรฐานสากลที่กำหนด เรียกว่าผู้มีรายได้น้อยแทนคำว่า คนจน ตามที่คนทั่วไปเรียกกัน ไม่ว่าจะเรียกว่าคนจนหรือเรียกว่าผู้มีรายได้น้อย ในความเป็นจริงก็คือ คนที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่พอเลี้ยงตนเอง และครอบครัว และต้องเป็นหนี้นั่นเอง
จากการเป็นหนี้คนจนจะเป็นทุกข์เพราะต้องเสียดอกเบี้ย และต้องดิ้นรนหาเงินมาใช้หนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ย ครั้นถึงกำหนดต้องจ่ายหนี้คืน ถ้าคืนไม่ได้ก็จะถูกตามทวงและถูกฟ้องร้องในที่สุด
คนจนในสังคมไทยมีอยู่ในทุกสาขาอาชีพ ถ้ายึดตามความหมายของพุทธ แม้ในวงราชการก็มีแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ใน 3 กลุ่มอาชีพดังต่อไปนี้
1. ในกลุ่มอาชีพเกษตรกร คนจนได้แก่เกษตรกรรายย่อย ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยตามอาชีพเกษตรดังนี้
1.1 ชาวนาที่ไม่มีที่นาเป็นของตนเอง หรือมีแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำการเพาะปลูกให้ได้ผลผลิตมากพอที่จะนำไปบริโภค และเหลือขายเพื่อนำเงินมาใช้สอยในครอบครัว ต้องเช่าที่ดินจากนายทุนและต้องกู้เงินมาเป็นทุนในการทำนา
1.2 ชาวไร่และชาวสวนก็มีลักษณะเดียวกันกับชาวนาคือ ไม่มีที่ทำกินของตนเองเพียงพอ และต้องเช่าคนอื่น รวมไปถึงการกู้หนี้มาเป็นทุน
1.3 ชาวประมงรายย่อย อันได้แก่ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ และผู้ทำประมงชายฝั่งด้วยเครื่องมือจับปลาขนาดเล็ก ซึ่งมีรายได้น้อย เนื่องจากสัตว์น้ำมีน้อย และเครื่องมือไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ รวมไปถึงผู้เลี้ยงปศุสัตว์รายย่อย ซึ่งมีปัญหาเรื่องเงินทุน และอาหารสัตว์แพง แต่ราคาขายปศุสัตว์ถูกเมื่อเทียบกับต้นทุน
2. กลุ่มอาชีพผู้ใช้แรงงานคนจนได้แก่ แรงงานไร้ฝีมือ ซึ่งมีรายได้ตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำ เมื่อเทียบกับราคาสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพแล้วไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ส่วนใหญ่จึงเป็นหนี้ทั้งในการซื้อของผ่อนและเงินกู้นอกระบบ
3. กลุ่มอาชีพค้าขายคนจนได้แก่ พ่อค้า แม่ค้าหาบเร่แผงลอย มีรายได้วันต่อวันไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ จึงไม่ต้องพูดถึงการเก็บเงินไว้เพื่อเป็นทุน จึงต้องกู้และส่วนใหญ่เป็นการกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยรายวันร้อยละ 10-20 เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
คนจนทั้ง 3 กลุ่มอาชีพดังกล่าวข้างต้น มีสาเหตุให้เกิดความยากจนแตกต่างกัน แต่มีความทุกข์จากการเป็นหนี้ ในทำนองเดียวกัน และเป็นบ่อเกิดหรือที่มาของปัญหาสังคมเหมือนกันคือ ปัญหาอาชญากรรมมีตั้งแต่ลักเล็กขโมยน้อยไปจนถึงการจี้ ปล้น และค้ายาเสพติดเป็นนักเลงคุมบ่อน เป็นมือปืนรับจ้างฆ่า และสุดท้ายคนจนคือกลุ่มเป้าหมายที่ธุรกิจการเมืองลงทุนโดยการซื้อเสียง และออกนโยบายประชานิยมในรูปแบบต่างๆ เป็นเหยื่อล่อให้คนกลุ่มนี้เกิดความหวัง และลงคะแนนให้
ครั้นได้รับเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลก็จัดทำโครงการ โดยอ้างการช่วยเหลือคนจนแล้วเปิดช่องให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ เป็นการถอนทุนที่ได้ลงไปและบวกกำไรเป็นหลายเท่าตัว
โดยสรุปความจนทำให้คนเป็นทุกข์ ในฐานะปัจเจกและเป็นเหตุให้เกิดปัญหาสังคมและการเมืองของประเทศ และประชาชนโดยรวม
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องรีบแก้ และจะต้องให้แก้ที่เหตุมิใช่แก้ที่ปลายเหตุ หรือแก้ที่ผลดังที่เป็นมาแล้ว และกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ทั้งจะยังเป็นต่อไปในอนาคต ถ้าการเมืองยังคงเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป