โครงการเงินดิจิทัลยอดรวม 5 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทยนำโดยท่านเศรษฐาเศรษฐี จะเอาไว้แจกชาวบ้านทำท่าจะไปไม่รอด
โครงการ “ดิจิทัลทิพย์” กำลังถูกปฏิเสธโดยประชาชนผู้ที่มองเห็นความเสียหายที่จะเกิดจากการสร้างหนี้ก้อนมหาศาลโดยรัฐบาล
ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนปรากฏว่าจำนวนมากต้องการโครงการนี้ให้เกิดขึ้นหลังจากที่รู้ว่าผลเสียหายในการใช้หนี้ระยะยาวจะมีมากกว่า
แม้จะผลักดันอย่างไรในขณะที่ยังไม่มีความแน่ชัดว่าจะได้เงินมาอย่างไรในแผนการกู้และจากงบประมาณแผ่นดินความพยายามผลักดันยังคงอยู่ต่อไป
ที่ตอบไม่ได้ว่าจะกู้จากแหล่งไหนด้วยจำนวนเงินมากขนาดนั้น ขณะที่สภาพคล่องในตลาดไม่พร้อมที่จะรับได้เพราะยังต้องมีหุ้นกู้พันธบัตรมูลค่ามหาศาลครบวาระปีหน้า ยอดสูงถึง 2 ล้านล้านบาท
บรรดามหาเศรษฐีนักปล่อยหุ้นกู้จะมีปัญญาไถ่ถอนคืนได้หรือคงจะหมุนต่อไปในการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อจ่ายหนี้รุ่นที่ครบวาระ
เห็นเจ้าสัวรายใหญ่ออกปากสนับสนุนอย่างแข็งขันว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์ชาวบ้านก็อยากจะรู้ว่าหุ้นกู้ของท่านเจ้าสัวที่จะครบวาระปีหน้ามีมูลค่าเท่าไหร่
ท่านเจ้าสัวจะไถ่ถอนคืนโดยไม่ออกหุ้นกู้รอบใหม่หรือไม่ และมีอะไรกับผลประโยชน์จากโครงการเงินดิจิทัลหรือไม่ ตามที่คุณสงสัยว่าเงินทั้งหมดจะไหลไปสู่ร้านสะดวกซื้อและร้านซูเปอร์สโตร์ของพวกเจ้าสัว
สิ่งที่ชาวบ้านอยากจะรู้ก็คือเจ้าของโครงการเงินดิจิทัลนี้มีความคิดอ่านดีกว่าบรรดาผู้ที่คัดค้านซึ่งมีทั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตผู้ว่าการฯ หลายท่าน รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ผู้รู้ที่มองเห็นความเสียหายมากกว่าสิ่งที่จะได้
สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาเศรษฐีไม่เปิดเผยชัดเจนก็คือผลสุดท้ายเงินจะถูกจัดให้เป็นระบบเพื่อไหลเข้าสู่กระเป๋าเจ้าสัวผ่านร้านค้าในระบบต่างๆ ซึ่งกำลังเพิ่มสาขาอยู่ขณะนี้
ผู้นำธุรกิจแห่หันออกมาสนับสนุนโครงการนี้เพราะประชาชนย่อมรู้ว่าภาคธุรกิจมักไม่คัดค้านรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิ่งที่ตัวเองได้ประโยชน์
ความมั่งคั่งของบรรดามหาเศรษฐีทั้งหลายได้กอบโกยเงินจากชาวบ้านผู้บริโภค และความทุกข์ยากของประชาชนไม่ได้เสกเงินมาจากต้นไม้หรือขุดจากดิน
ความมั่งคั่งจึงมาจากเงินออกจากกระเป๋าของประชาชนชาวบ้านทั่วไปที่อยู่ในวงจรของสังคมการบริโภคซึ่งบรรดาเจ้าสัวจัดให้ติดกับอยู่ในวงจร
การเอาแต่ได้ของพวกเจ้าสัวโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ โดยอ้างว่าควรผ่อนปรนกฎควบคุมนโยบายการเงินการคลังเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นจึงเป็นการเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัวชัดเจน
ถ้าไม่มีพฤติกรรมอย่างนี้จะสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยมหาศาลอยู่บนความทุกข์ยากของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้อย่างไร
ต้องถือว่าโครงการเงินดิจิทัลเป็นความอุบาทว์เพราะสร้างหนี้สินของประเทศให้ทุกคนต้องจ่าย แม้กระทั่งผู้ด้อยสิทธิ์เช่นประชาชนผู้มีรายได้เกินกำหนด
นอกนั้นนักโทษในคุก ผู้ป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล รวมทั้งนักบวชแม่ชี พระสงฆ์ทั้งหลายที่อาจไม่เข้าข่ายก็จะต้องรับภาระหนี้สินนี้ด้วย
รัฐบาลและนักการเมืองมาแล้วก็ไป สร้างหนี้สินไว้แต่ประชาชนทุกคนต้องใช้หนี้และรับสภาพของแรงกดดันบีบขั้นต่างๆ เพื่อรัฐบาลที่รับภาระต่อต้องใช้หนี้
การไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้โดยผ่านการทำประชามติคงไม่สร้างความสะเทือนให้กับเจ้าของโครงการ และยังต้องดันทุรังต่อไปเหมือนมีบางกลุ่มได้ผลประโยชน์จากเงินก้อนนี้
สิ่งที่ตอบไม่ได้ก็คือ ทำไมเมื่อได้เงินสดมาแล้วจึงไม่จ่ายเป็นเงินสดให้ประชาชน ทำไมมีข้อจำกัดห้ามใช้จ่ายสำหรับค่าบริการแม้กระทั่งค่าเทอม ค่าฟอกไต
จะต้องจ่ายผ่านการซื้อของสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งอยู่ในระบบและเป็นของเจ้าสัว ดังนั้นเงิน 5 แสนล้านบาท จึงสามารถเพิ่มสภาพคล่องของบรรดาเจ้าสัวที่ต้องใช้หนี้คืนพันธบัตรหุ้นกู้
เงินมหาศาลนี้ควรนำไปพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยการสร้างสถาบันและช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาในด้านวิศวกรรมหรือเทคโนโลยีแบบใหม่เพื่อรับกับความต้องการด้านแรงงานในอนาคตมากกว่า
ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบการศึกษาที่ผลิตนักศึกษาสายสังคมมากกว่าและไม่มีความต้องการในตลาดแรงงาน ขณะที่การลงทุนยุคใหม่เน้นผู้มีความรู้สายเทคโนโลยีและวิศวกรรม
การชักชวนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาแต่ขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ด้านนี้ย่อมไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นควรจะเน้นการพัฒนานักศึกษารุ่นใหม่ในภาควิชาเหล่านี้มากกว่าด้วยการปฏิรูประบบครบวงจร
การตั้งสถาบันหรือคณะใหม่ในมหาวิทยาลัย จ้างอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถแท้จริงเพิ่มรายได้ให้จากเงินก้อนนี้เพื่อพัฒนาเด็กได้ก็จะได้หลายรุ่น
จะเป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชนพ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งนำเงินที่ควรจะเสียค่าเทอมไปใช้จ่ายด้านอื่น ขณะที่รัฐบาลใช้เงินก้อนใหญ่นี้สนับสนุนการศึกษา
นี่คือการใช้เงินที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ไม่ใช่แจกเงินคนละ 10,000 บาทเพียงไม่กี่วันก็หมดแต่ไหลไปสู่กระเป๋าเจ้าสัวผ่านระบบ
ถ้ายังดันทุรังทำอยู่ต้องมีคำถามง่ายๆ ว่ามีใครได้เงินทอนหรือไม่เพื่อแก้ไขปัญหาไถ่ถอนหนี้สินหุ้นกู้พันธบัตรและแก้ไขสภาพคล่อง
ประเทศไทยไม่ใช่มีคนหิวเงินหรือพนักงานบริษัทที่ต้องก้มหน้าทำงานแบบขี้ข้าที่ผู้นำรัฐบาลนำเอาไปพูดต่างประเทศและต้องแก้ตัวพัลวัน ว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้น
ถ้าหวังดีต่อบ้านเมืองจริงควรแสดงความโปร่งใสอธิบายให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะที่ผ่านมาไร้ความน่าเชื่อถือจากคนของรัฐบาลเปลี่ยนหน้ากันออกมาเล่า
ประเทศไม่ได้มีวิกฤตทางเศรษฐกิจรุนแรงอย่างที่ผู้นำรัฐบาลไปป่าวร้อง และถ้ามีจริงนักลงทุนที่ไหนจะมาเพราะปัญหาที่แท้จริงคือการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งผู้นำรัฐบาลยังไม่แตะต้องต่างหาก